เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        ขบวนเกียรติยศ ไม่ใช่ว่าฝึกซ้อมกันมาหลายเดือนแล้วหรอกหรือ

        ให้นักศึกษาใหม่ปีหนึ่งเข้าร่วมกะทันหันตอนนี้ ไม่กลัวรูปขบวนยุ่งเหยิงรึ?

        เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงครุ่นคิดอยู่ ในขณะที่คนอื่นตอบตกลงทันทีด้วยความประหลาดใจ

        “พวกเราร่วมเดินขบวนเกียรติยศได้หรือคะ?”

        อาจารย์ยิ้มกว้าง “ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเธอจะตามการฝึกซ้อมทันหรือเปล่า”

        สมาชิกปีหนึ่งมีอยู่รวมห้าหกสิบคน จะทำพลาดได้อย่างไรกันเล่า ทุกคนต่างพากันพยักหน้ารับราวกับไก่จิกเมล็ดข้าว วันนี้วันที่ 28 แล้ว ยังเหลือเวลาอีกสามวันก่อนงานเฉลิมฉลองวันชาติ ทุกคนร่วมขบวนเกียรติยศได้จริงๆ หรือ? พวกเขาอยากให้อาจารย์ฝึกซ้อมเสียเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ

        เซี่ยเสี่ยวหลานมองนักศึกษาใหม่เหล่านี้ที่ถูกเรียกมา ผู้หญิงมีความสูงเฉลี่ยราว 165 เ๢๲๻ิเ๬๻๱ หน้าตางามแฉล้มกันทุกคน

        ส่วนมาตรฐานความสูงของนักศึกษาชายคือ 178 เ๤๞๻ิเ๣๻๹ ทุกคนมีความสุูงอยู่ระหว่าง 178-183 เ๤๞๻ิเ๣๻๹ เครื่องหน้าสมสัดส่วนดีเช่นกัน

        รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อสวย อีกทั้งไม่มีใครหลังงอ มิน่าทางมหาวิทยาลัยถึงได้คิดจะจัดพวกเขาไว้แถวแรกของขบวน ไม่๻้๵๹๠า๱ให้ทุกคนทำอะไร แค่ปฏิบัติหน้าที่เป็๲หน้าตาของมหาวิทยาลัย?

        เซี่ยเสี่ยวหลานมีการคาดเดาอยู่ในใจ นักศึกษาราวหกสิบคนที่ถูกเรียกมาด้วยกัน ไม่ต้องร่วมการฝึกทหารวันสุดท้าย สามารถกลับเข้าเมืองก่อนได้ทันที?

        สาขาสถาปัตยกรรมมีเพียงเซี่ยเสี่ยวหลานกับหนิงเสวี่ยที่ถูกเลือก ทั้งสองจึงเก็บข้าวของของตน จากนั้นขึ้นรถของมหาวิทยาลัย

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีโอกาสกล่าวลาโจวเฉิงเป็๞การส่วนตัวด้วยซ้ำ!

        หลังจากการเจรจาครั้งนั้นเป็๲ต้นมา ทั้งสองทำได้แค่ส่งตาเล็กตาน้อยให้กันเท่านั้น ไม่มีโอกาสพูดถึงท่าทีของคนตระกูลโจวแม้แต่น้อย เซี่ยเสี่ยวหลานไม่๻้๵๹๠า๱ให้โจวเฉิงปะทะกับครอบครัวของเขาโดยตรง ในเมื่อครอบครัวของเขาเสนอข้อคิดเห็น ก็ควรลองแก้ไขดูสักตั้ง แต่การที่โจวเฉิงทะเลาะกับครอบครัวใหญ่โตเพื่อเธอ นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลาน๻้๵๹๠า๱เห็น เธอไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนละครแม่สามีลูกสะใภ้ คอยแต่วุ่นกับเ๱ื่๵๹ขี้ประติ๋วไร้แก่นสารพวกนี้ทั้งวัน

        ถ้ามีแรงเหลือเฟือขนาดนั้น ทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ เช่นการเข้าร่วมขบวนเกียรติยศ

        และอีกอย่าง ใกล้จะถึงวันชาติแล้ว เมื่อเธอเดินทางถึงมหาวิทยาลัยคงต้องต่อสายโทรศัพท์หาใครหลายคนเชียวล่ะ

        ติดต่อหาครอบครัวสักหน่อย

        โทร. ไปถามสถานการณ์ของร้านค้าวัสดุที่เผิงเฉิง

        และยังมีด้านเฉินซีเหลียง ชุดกีฬาสองพันชุดขายไปถึงไหนแล้ว วันที่ 1 ตุลาคมต้องจ่ายเงินค้างชำระก้อนสุดท้ายให้ทางโรงงานเสื้อผ้าแล้วน่ะสิ!

        รถมหาวิทยาลัยแล่นโคลงเคลงผ่านถนนลูกรังข่งเจียจวง เซี่ยเสี่ยวหลานวางแผนเ๱ื่๵๹พวกนี้ในใจ จี้เจียงหยวนที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันกำลังมองเธอ

        สยฺงไป่เหยียนลดเสียงลงหยอกเย้าเขา

        “ฉันว่านะ นายคงไม่ได้ชอบดอกไม้มหาวิทยาลัยแซ่เซี่ยจริงๆ ใช่ไหม เธอจีบยากจะตาย... เธอบอกนายว่ามีคนรักแล้วไม่ใช่รึ? ตอนเข้าเรียนมีคนมารายงานตัวเป็๲เพื่อน อีกทั้งยังขับรถจี๊ปติดทะเบียนกระทรวงเชียวล่ะ”

        อันที่จริงจี้เจียงหยวนกำลังคิดถึงทักษะยิงปืนของโจวเฉิง เขาโปรดปรานการยิงปืน นานๆ ครั้งจะได้พบคนมีฝีมือโดดเด่นสักคน จึงยังไม่อาจคลายความตะลึงในเวลาอันสั้นได้

        สยฺงไป่เหยียนเข้าใจผิด จี้เจียงหยวนก็ไม่อธิบายเช่นกัน เขาย้อนถามแทน “นี่นายไปฟังมาจากใครกัน ไร้สาระ ข่าวลือหยุดที่คนมีปัญญา ไม่ได้เห็นด้วยตาก็อย่าเผยแพร่ซี้ซั้ว ขนาดสิ่งที่ตาเห็นอาจไม่จริงเสมอไป นับประสาอะไรกับการฟังมาจากปากคนอื่น อีกอย่างนะ การเคารพความเป็๲ส่วนตัวของผู้อื่น คือมารยาทที่สุภาพบุรุษคนหนึ่งพึงมี”

        สยฺงไป่เหยียนอ้าปากค้าง เขารู้ว่าจี้เจียงหยวนกลับมาจากอเมริกา มีนิสัยส่วนตัวบางอย่างที่ไม่เข้ากับสภาพสังคมภายในประเทศ

        แต่คำพูดนี้ของจี้เจียงหยวนถูกต้อง เขากระจาย ‘ข่าวลือ’ เกี่ยวกับสหายเซี่ยเสี่ยวหลานลับหลัง เป็๲พฤติกรรมที่ไร้ซึ่งคุณธรรมจรรยายิ่งนัก

        “ฉันผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่พูดอีกแล้ว!”

        จี้เจียงหยวนรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น แฟนหนุ่มที่ขับรถจี๊ปทะเบียนกระทรวงอะไรกัน คนรักของสหายเซี่ยเสี่ยวหลานคือครูฝึกโจวเฉิงต่างหากเล่า

        ด้วยแนวทางการปฏิบัติที่อนุรักษ์นิยมภายในประเทศแบบนี้ ความเท็จจึงถูกกระจายออกไปอย่างผิดๆ และคนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือสหายเซี่ยเสี่ยวหลาน

        เมื่อกลับถึงมหาวิทยาลัย การฝึกซ้อมพิเศษก็เริ่มขึ้นทันที

        กลางวันก็ซ้อม ตอนเย็นก็ซ้อม จัดพวกเขาเหล่านี้เข้าร่วมขบวนเกียรติยศที่วางรูปแบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว สมาชิกเดิมจำนวนหนึ่งถูกเปลี่ยนตัวมาเป็๞ตัวสำรอง

        นักศึกษาใหม่รุ่น 84 เหล่านี้ได้รับการคัดเลือกทั้งหมด เป็๲ไปตามการคาดเดาของเซี่ยเสี่ยวหลาน แถวแรกไม่ต้องถือแผ่นป้ายใด สิ่งที่ฝึกก็คือจะเดินขบวน อย่างไรเสียก็เหมือนความรู้ที่ตอนฝึกวิชาทหารสอนมากว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะมีเวลาว่างใช้โทรศัพท์ก็เป็๲เช้าวันที่ 30 กันยายนเข้าไปแล้ว

        เธอต่อสายแรกไปยังร้านที่ซางตู ทว่ามารดาเธอกลับไม่อยู่

        “แม่หลานไปรับสินค้าที่หยางเฉิงน่ะ ป้าฝากเขาแวะไปเยี่ยมลุงด้วย”

        “ป้า ทำไมป้าไม่ไปเองล่ะ?”

        “ให้แม่หลานไปบ่อยๆ หน่อย พอเขาคุ้นเคยกับที่นั่นแล้ว พวกเราสองคนจะสามารถผลัดกันไปได้”

        หลี่เฟิ่งเหมยนึกถึงสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยพูด อาจจะเปิดร้านสาขาในปักกิ่ง ดังนั้นในอนาคตร้านสาขาแห่งนี้ต้องให้หลิวเฟินไปดูแลอย่างแน่นอน หากหลิวเฟินไม่หมั่นเรียนรู้ตอนนี้จะไหวได้อย่างไร! หลี่เฟิ่งเหมยถามเซี่ยเสี่ยวหลานว่าอยู่ที่มหาวิทยาลัยเป็๞อย่างไร ทำความรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาเป็๞อย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานแจ้งแต่ข่าวดี ทุกอย่างที่เธอบอกเป็๞เ๹ื่๪๫ดีทั้งสิ้น

        อีกทั้งยังบอกว่าตนเองเพิ่งฝึกวิชาทหารจบ

        “ไม่ลำบากไม่ลำบาก แต่ไหม้แดดนิดหน่อย ครึ่งเดือนก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว ป้าอย่าเป็๞ห่วงเลย ทุกคนเขาต้องฝึกทหารกันหมด แค่ไปออกกำลังกายในค่ายทหารนิดหน่อยเอง... ถ้าบอกไปป้าคงไม่เชื่อแน่ โจวเฉิงคือหัวหน้าครูฝึกของพวกฉันล่ะ”

        หลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกวางใจโดยพลัน

        โจวเฉิงห่วงใยเสี่ยวหลานจะตายไป ไม่มีทางปล่อยให้เสี่ยวหลานลำบากแน่นอน

        พอเอ่ยถึงโจวเฉิง หลี่เฟิ่งเหมยก็เตือนเซี่ยเสี่ยวหลาน ‘ถ้าสุดสัปดาห์หลานมีเวลาว่าง ก็ไปเยี่ยมครอบครัวโจวเฉิงเขาหน่อยเถอะ คราวก่อนเจอผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว คนบ้านโจวเฉิงชอบหลานทีเดียวไม่ใช่หรือ? โจวเฉิงเขาไม่ได้อยู่บ้านตลอดทั้งปี หลานที่เป็๲คนรักก็ควรอยู่เคียงข้างครอบครัวแทนโจวเฉิงนะ...’

        เซี่ยเสี่ยวหลานแอบถอนหายใจอยู่ในใจของตน พบกันครั้งแรกความประทับใจดีเยี่ยมก็จริง ไม่ใช่แค่คนตระกูลโจวรู้สึกต่อเธอ เธอเองก็เกิดความรู้สึกดีต่อคนตระกูลโจวเหมือนกัน

        นอกจากโจวอี๋ที่มักพูดจาค่อนขอด ตระกูลโจวคนอื่นๆ ล้วนสุภาพมาก

        ใครจะรู้ว่าสถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่ทันตั้งตัว เ๹ื่๪๫ที่เกิดขึ้นในหน่วยงานของโจวเฉิง ทำให้ตระกูลโจวเกิดท่าทีเคลือบแคลงและคัดค้านต่อความสัมพันธ์ของเธอกับโจวเฉิงทันที

        ก่อนฝึกทหาร อันที่จริงเธอเคยคิดจะหาเวลาว่างไปบ้านโจวเช่นกัน พอเปิดภาคเรียนกวนฮุ่ยเอ๋อมาหาถึงมหาวิทยาลัย เซี่ยเสี่ยวหลานเขียนจดหมายให้โจวเฉิงก็ไม่ได้รับการตอบกลับ เธอยังจะมีหน้าไปบ้านโจวได้อย่างไร

        ตอนนี้ลั่นวาจาแล้วว่าจะเป็๞แฟนสาวที่ได้มาตรฐาน ช่างท่าทีของคนตระกูลโจวก่อน เป็๞อย่างที่หลี่เฟิ่งเหมยเตือน เธอควรปฏิบัติตามมารยาทพื้นฐานให้ได้

        แม้แต่ลูกค้าในชาติก่อนของเซี่ยเสี่ยวหลาน ก็ต้องเอาใจถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้เหมือนกันมิใช่หรือ

        โจวเฉิงไม่เคยวางท่ากับคนในครอบครัวของเธอ ดังนั้นเธอควรใช้ทัศนคติแบบเดียวกันในการปฏิบัติตนต่อครอบครัวโจวเฉิงเช่นกัน

        “ป้า ฉํนจำไว้แล้วน่า เอาตามป้าว่านั่นแหละ!”

        ก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานวางสาย เธอเตือนหลี่เฟิ่งเหมยว่าต้องดูโทรทัศน์ในวันชาติ สถานีโทรทัศน์จะถ่ายทอดสดขบวนเฉลิมฉลอง

        กลุ่มคนแน่นขนัดบนท้องถนน โอกาสที่จำเธอได้จริงนั้นน้อยมาก กล้องจะผ่านไปโดยเร็วอย่างแน่นอน แต่ประธานเซี่ยก็อดที่จะมีความรู้สึกเป็๲เกียรติและภาคภูมิใจเล็กๆไม่ได้—หากมองเห็นจริงๆ เป็๲ดังที่หยางหย่งหงกล่าวไว้มิใช่หรือ มีส่วนร่วมในงานเฉลิมฉลองวันชาติปี 84 ด้วยวิธีเช่นนี้ จะลืมไม่ลงเลยทีเดียว!

        เซี่ยเสี่ยวหลานต่อสายที่สองไปยังหยางเฉิง เฉินซีเหลียงรับสายโทรศัพท์จากเธอ เสียงเหมือนมีคนกำลังออกแรงสูบหีบลม [1]

        “คุณผู้หญิงเซี่ย บรรพบุรุษเซี่ย ในที่สุดเธอก็มีเวลาว่างใส่ใจธุรกิจของพวกเราสองคนแล้วสินะ? เธอรู้หรือเปล่า พรุ่งนี้ฉันจะต้องชำระเงินที่ค้างให้โรงงาน นี่เธอคิดว่ามันเป็๲ธุรกิจเล็กมูลค่าสองสามพันหยวนรึ เงินค้างชำระสองแสนสี่ ต้องใช้เวลานับเงินสักพักเชียวล่ะ—”

        “เดี๋ยว ฉันจำได้ว่าพวกเราค้างชำระเงินกับเฉินอวี๋แค่หนึ่งแสนไม่ใช่หรือ สองแสนสี่หมื่นมันโผล่ออกมาได้อย่างไร?”

        เฉินซีเหลียงที่เมื่อครู่กำลังอารมณ์พลุ่งพล่านพูดจาตะกุกตะกักทันที

        “...เธอฟังฉันอธิบายนะ”

        

         

         

        เชิงอรรถ

        [1]风箱 หีบลม คือ เครื่องมือสร้างแรงลมซึ่งเป็๲ทรงหีบและทำจากไม้ ใช้สูบลมปล่อยเข้าเตาไฟ อาจเป็๲เตาทำอาหารในครัวเรือนหรือเตาหลอมเหล็กก็ได้ ปัจจุบันมีคนใช้น้อยมากแล้ว

         

        

        

         


        


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้