ซย่าซานนีทำหน้ามุ่ย “ฉันว่าแม่ของพวกเราน่ะลำเอียงเกินไปแล้ว ชอบว่าพี่สะใภ้ใหญ่เื่ที่แต่งงานกับพี่ใหญ่มาสามปีแล้วแต่กลับไม่ตั้งท้องสักที แม่ไม่ชอบพี่สะใภ้ใหญ่เอามากๆ เลยจ้ะ มักจะบอกว่าเธอเป็แม่ไก่ที่ไม่อาจวางไข่ได้ พี่ใหญ่เองก็ไม่ช่วยพูดแทนเธอเลย ฉันรู้สึกว่าพี่สะใภ้ใหญ่ช่างน่าสงสารจริงๆ”
ซย่านียิ้มพลางกล่าวว่า “วางใจเถอะ วันข้างหน้าพี่สะใภ้ใหญ่จะต้องให้กำเนิดลูกชายอย่างแน่นอน” เธอลองคำนวณดูแล้วในปีที่เธอหย่ากับซ่งหานเจียงแล้วกลับบ้านเกิด พี่สะใภ้ใหญ่เฮ่อเหมียวก็เพิ่งจะคลอดลูกชายพอดี นั่นหมายความว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องรอไปอีกหนึ่งปีถึงจะสามารถตั้งครรภ์ได้
ซย่านียังจำได้ว่าเมื่อชาติที่แล้ว หลังจากเฮ่อเหมียวคลอดลูกชายออกมาก็เรียกได้ว่าเธอทั้งอิ่มเอมใจและมีความสุขยิ่งนัก วันๆ เอาแต่เชิดหน้าและปรายตามองผู้อื่น สวีเจาตี้มารดาของซย่านีนั้นเป็คนลำเอียงรักลูกชายหมางเมินลูกสาวเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว พอเห็นหน้าหลานชายคนนี้เข้า สวีเจาตี้ก็รีบเข้าข้างเฮ่อเหมียวทันทีไม่ว่าเฮ่อเหมียวจะพูดอะไรสวีเจาตี้ก็ฟังทุกอย่าง ตอนที่ซย่านีถูกพ่อกับแม่ไล่ออกจากบ้านในปีนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็ฝีมือของเฮ่อเหมียวด้วยเช่นกัน
เวลานี้ซย่าซานนียังไม่ทันได้เห็นธาตุแท้ของเฮ่อเหมียวอย่างชัดเจน เธอเลยมีใจเอนเอียงไปทางเฮ่อเหมียว เด็กสาวถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ฉันก็หวังว่าจะเป็แบบนั้นจ้ะ” วินาทีต่อมาเธอก็เลิกสนใจเื่ที่บ้านเกิดแล้วหันมาดึงแขนซย่านีพลางชี้ไปทางด้านหน้าและเอ่ยว่า “ว้าว พี่หญิงใหญ่ๆ ถนนที่กรุงปักกิ่งใหญ่โตปานนี้เชียวหรือ? โอ้ ์ รถยนต์เยอะมากเลยนะเนี่ย! ฉันเพิ่งเคยเห็นรถยนต์เยอะขนาดนี้เป็ครั้งแรกเลย!”
ซย่านีรีบคว้ามือของซย่าซานนีเอาไว้ แล้วดึงมือเด็กสาวให้เข้ามาเดินฝั่งทางเท้าทันที “ระวัง! ดูทางด้วย! ระวังรถหน่อยสิ!”
เมื่อครู่มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นผ่านทางด้านขวาของซย่าซานนีไป
ซย่าซานนีตบหน้าอกของตนเองพร้อมกับกล่าวอย่างหวาดผวา แม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้วก็ตาม “โอ้ย ์ ทำไมขับรถกันเร็วขนาดนี้!”
ซย่านีจ้องมองท้ายรถซานตาน่า[1] สีดำที่อยู่ตรงหน้าเธอด้วยความโกรธเคือง นับั้แ่มีการปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศจีนก็มีคนร่ำรวยมากขึ้นเรื่อยๆ เลยทำให้คนที่มีรถยนต์ในเพิ่มขึ้นตามจำนวนคนรวยของประเทศ ซึ่งในกลุ่มคนเ่าั้ก็มักจะมีพวกคนหนุ่มสาวที่มีอุปนิสัยบุ่มบ่ามอยู่ด้วย คนพวกนี้ยังไม่ทันได้สอบใบอนุญาตขับรถยนต์ก็กล้าเอารถยนต์ออกมาขับบนท้องถนนเสียแล้ว
ซย่านีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ต่อไปวันหน้า หากเดินบนท้องถนนเธอจะต้องเข้าไปเดินฝั่งข้างในนะ แล้วก็คอยสังเกตรถยนต์ที่อยู่รอบตัวด้วย หากถูกชนขึ้นมาจริงๆ แขนขาหักน่ะเื่เล็ก แต่หากาเ็หนักขึ้นมาล่ะก็อาจถึงชีวิตเลยก็ได้ ส่วนคนขับที่ชนก็คงจะเหยียบคันเร่งหนีทันที นอกจากเธอจะจับตัวคนชนไม่ได้แล้ว ยังต้องให้คนในครอบครัวจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้อีก”
ซย่าซานนีพยักหน้ารัวๆ “ฉันเข้าใจแล้วจ้ะ”
ซย่านีพาซย่าซานนีไปยังป้ายรถประจำทางซึ่งเวลานี้มีคนเป็จำนวนมากกำลังยืนรอรถกันอยู่
“อ้อ ใช่แล้ว พี่หญิงใหญ่พี่อยู่ที่นี่เป็อย่างไรบ้างจ๊ะ?” ซย่าซานนีกินขนมกุยช่ายทอดหมดแล้วจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินออกมาจากกระเป๋า แล้วยกขึ้นมาเช็ดมือกับเช็ดปากของตนเอง
ซย่านีตอบ “พี่สบายดีมาก ได้กินอิ่มนอนหลับดีจ้ะ”
ซย่าซานนีมีความสุขขึ้นมา “ฉันก็เชื่อแบบนั้น”
ซย่านีเลิกคิ้วมองเธอ
ซย่าซานนีอธิบายให้พี่สาวฟัง “พี่หญิงใหญ่ พี่ดูเหมือนคนที่มีชีวิตดีมากเลยนะจ้ะ พี่ดูตัวเองตอนนี้สิจ้ะ ขนาดใบหน้ายังขาวขึ้นเลย บนหน้าก็เริ่มมีเนื้อหนังขึ้นมาบ้างแล้วดูมีชีวิตชีวามาก ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันก็เมื่อสองปีก่อนโน้นแน่ะ พอฉันลองมองดูพี่ดีๆ กลับรู้สึกว่าพี่ดูเด็กลงกว่าเมื่อสองปีก่อนมากเลยนะจ้ะ”
ซย่านีลูบใบหน้าของตนเองแล้วเอ่ยถาม “พี่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้เชียว?” เธอส่องกระจกอยู่ทุกวันแต่กลับไม่ทันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้เลย
ซย่าซานนีพยักหน้าตอบ “จริงจ้ะ พี่เห็นตัวเองทุกวันย่อมมองไม่ออกอยู่แล้ว แต่ฉันไม่ได้เจอพี่มาสองปี พี่เปลี่ยนไปมากจริงๆ”
ซย่านียิ้มออกมา ที่เธอผิวขาวขึ้นอาจเป็เพราะเธอไม่ได้ไปทำไร่ทำนาั้แ่เธอมาอยู่เมืองหลวงได้สองปี ส่วนเื่ที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นก็คงจะมาจากการที่เธอได้กินเนื้อสัตว์และไข่ไก่ในทุกๆ วันนั่นแหละ
ซย่าซานนีลูบใบหน้าของตนอย่างนึกอิจฉา “พี่หญิงใหญ่ ถ้าฉันมาอยู่ที่ปักกิ่งสักพัก ฉันจะสวยขึ้นบ้างไหมจ๊ะ?”
ซย่านีพูดด้วยรอยยิ้ม “เธอเป็ผู้หญิงที่สวยที่สุดในครอบครัวเราแล้ว ตอนนี้เธอก็สวยมากอยู่แล้วจ้ะ” พวกเธอสองคนเป็พี่น้องทางสายเืกันแท้ๆ แต่ซย่าซานนีกลับหน้าตาดีกว่าซย่านีมาก เธอได้รับกรรมพันธุ์ดีๆ จากพ่อแม่มาเกือบทั้งหมด เด็กสาวมีใบหน้าอวบอิ่มเป็รูปผลผิงกั่ว ดวงตากลมโต จมูกเป็สันแต่กำเนิดถือได้ว่าเป็หนึ่งในสาวสวยประจำหมู่บ้านเลยเชียว
ขณะนั้นเองรถประจำทางก็มาถึงแล้ว
“ไปๆๆ รถมาแล้ว มาต่อแถวทางนี้เร็ว” ซย่านีะโเรียกซย่าซานนี
สถานีรถไฟเป็สถานที่ที่มีคนเยอะมากที่สุด หากขึ้นรถประจำทางช้าล่ะก็ คงไม่มีที่นั่งสำหรับพวกเธอแน่ ซย่านีอุ้มลูกไว้ไม่กล้าเบียดตัวไปข้างหน้า ส่วนซย่าซานนีก็ปกป้องซย่านีอยู่ทางด้านหลังรอจนรถประจำทางจอดแล้ว พวกเธอถึงค่อยขึ้นรถไปกลุ่มแรกๆ
บนรถประจำทางมีที่นั่งว่างอยู่ค่อนข้างเยอะ ซย่านีกับซย่าซานนีเดินมานั่งที่ด้านหลังของรถประจำทาง พวกเธอมองหาที่นั่งที่ติดกันสองที่หลังจากนั้นพบแล้ว พวกเธอสองคนก็เลือกที่จะนั่งลงข้างๆ กัน
ซย่านีควักเงินออกมาและส่งให้ซย่าซานนีจ่ายเงินซื้อตั๋วรถกับพนักงานขายตั๋ว แม้ว่าซย่าซานนีจะมากรุงปักกิ่งเป็ครั้งแรกแต่เธอก็ไม่ตื่นตระหนกกับสถานที่ใหม่เลยสักนิด เด็กสาวจ่ายเงินซื้อตั๋วอย่างคล่องแคล่วเลยทีเดียว
ระหว่างทางเด็กสาวคนนี้ก็พูดจ้อถามโน้นถามนี้กับซย่านีไปเรื่อย ซย่านีมาปักกิ่งนานแล้วแต่ก็ไม่เคยได้เที่ยวชมเมืองปักกิ่งแบบดีๆ เลยสักครั้ง ดังนั้นเธอจึงตอบคำถามซย่าซานนีไม่ได้ ต่อมาก็มีคนในพื้นที่คนหนึ่งหันมาช่วยตอบคำถามซย่าซานนีอย่างกระตือรือร้นแทน
“พี่หญิงใหญ่ ทำไมพี่ถึงไม่รู้อะไรเลยเล่า?”
ซย่านีกล่าวว่า “วันๆ พี่ต้องดูแลลูกอยู่ที่บ้านเช้าจรดเย็นจะมีเวลาไหนไปเที่ยวเล่นกัน?” ่หลังมานี้หากซย่านีไม่ได้เดินทางไปขายยางรัดผมตามสถานที่ต่างๆ ล่ะก็ เธอก็คงจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกรุงปักกิ่งเลย
ตอนนี้พอลองมาคิดๆ ดูแล้ว ตัวเธอก็พลาดโอกาสครั้งใหญ่ไปแล้วจริงๆ
“โอ้ะ ถึงป้ายแล้ว!” ซย่านีร้องะโขึ้นมาแล้วรีบพาซย่าซานนีลงจากรถประจำทาง
เวลานี้ซย่าซานนีเพิ่งรู้สึกประหม่าขึ้นมาบ้างแล้ว “พี่หญิงใหญ่ แม่สามีของพี่เป็คนเข้ากับคนง่ายหรือเปล่า? ฉันได้ยินพ่อกับแม่พูดว่าแม่สามีของพี่น่ะดูถูกคนจากชนบทมากๆ เลย เธอคงจะไม่ไล่ฉันออกจากบ้านใช่ไหม?”
ซย่านีจงใจแหย่น้องสาวจึงกล่าวว่า “หากโดนไล่ออกมาจริงๆ แล้ว เธอจะทำอย่างไรเล่า?”
ซย่าซานนีเชิดหน้าขึ้น “ถ้าเป็เช่นนั้นฉันก็ไม่ไปไหนหรอก ฉันจะต้องอยู่ที่บ้านแม่สามีพี่ให้ได้ ฉันเป็น้องสาวแท้ๆ ของพี่นะ หากฉันยอมออกจากบ้านไปจริงๆ ก็เท่ากับเป็การทำลายศักดิ์ศรีของพี่หญิงใหญ่น่ะสิ!”
ซย่านีหัวเราะลั่น เธอหัวเราะไปหัวเราะมาก็เริ่มรู้สึกแย่อีกครั้ง ย้อนกลับไปในตอนนั้นหากเธอมีความกล้าหาญที่ยอมทุ่มสุดตัวเฉกเช่นซย่าซานนีผู้เป็น้องสาวล่ะก็ เธอก็คงไม่ถูกแม่สามีรังแกจนบีบให้ตัวเองต้องก้าวมาถึงจุดนี้
“วางใจเถอะ เธอไม่มีทางไล่น้องของพี่ไปไหนได้หรอก” ซย่านีกล่าว
“อ้อ ฉันก็ว่าอยู่แล้วเชียว ฉันมากรุงปักกิ่งได้แบบนี้น่าจะต้องได้รับความเห็นชอบจากแม่สามีพี่แล้วแน่ๆ”
“ไม่จำเป็ต้องได้รับความยินยอมจากเธอหรอก” ซย่านีเดินเข้าไปในตรอก พลางกล่าวอย่างใจเย็น “พี่ย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว จากนั้นไปจะไม่อยู่ร่วมกับบ้านตระกูลซ่งอีกแล้ว”
“ย้ายออกแล้วงั้นหรือ?” ซย่าซานนีร้องอุทานอย่างใ “ทำไมกันเล่า? ทำไมพี่ต้องย้ายออกมาด้วย?”
สิ่งที่จะทำให้ซย่าซานนีในั้นมันอยู่ต่อหลังจากนี้ต่างหาก ซย่านีค่อยๆ เล่าว่า “พี่มีปัญหากับครอบครัวตระกูลซ่งน่ะ ่นี้พี่กำลังหารือเื่หย่ากับพี่เขยของเธออยู่ ส่วนบ้านหลังนี้เป็บ้านที่พี่เช่าเอาไว้เองแหละ แล้วพี่ก็เป็คนหาเงินมาเช่าบ้านหลังนี้ด้วยตัวเองเลยนะ พี่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ ที่กรุงปักกิ่ง แถมธุรกิจของพี่ก็ทำเงินได้ไม่น้อยเลย”
เื่น่าใต่างๆ ที่ซย่านีเล่าทำให้ซย่าซานนีใจนอ้าปากค้าง เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะแยกแยะเื่ราวจำนวนมากเหล่านี้ในสมอง และเธอก็มีข้อสงสัยมากมายที่้าให้ซย่านีอธิบายเพิ่มเติมแก่เธอด้วย แต่เมื่อซย่าซานนีอ้าปากขึ้นพูดเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มถามคำถามจากตรงไหนก่อนดี
ซย่านีเห็นท่าทางมึนงงของซย่าซานนีเข้า เธอก็หลุดหัวเราะคิกคักออกมา ก่อนจะถามว่า “ทำไม ใอะไรกัน?”
ซย่าซานนีคิดอยู่นาน ในที่สุดเธอก็เลือกเื่ที่ทำให้ตนเองรู้สึกใและสับสนมากที่สุดออกมาได้แล้ว “นี่พี่จะหย่ากับพี่เขยงั้นหรือ? ทำไมกันเล่า?”
ภายในใจของซย่าซานนีนั้น ซ่งหานเจียงเป็ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก! เป็เพราะพี่เขยคนนี้นี่แหละ เธอถึงได้ตั้งมาตรฐานในการหาคู่ครองไว้สูงมากเช่นกัน
[1] ซานตาน่า 桑塔纳 คือ โฟล์คสวาเกน รุ่นซานตาน่า (Volkswagen Santana)
