เสิ่นชิงที่เห็นว่าหลี่ชิงหยุนหลับไปแล้ว นางมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า พร้อมยื่นหน้าของนางเข้าไปใกล้เขาช้าๆ
เสิ่นชิงจูบที่หน้าผากของหลี่ชิงหยุนอย่างอ่อนโยน จากนั้นนางพึมพำเบาๆ "หากเป็ไปได้ ข้าอยากอยู่เคียงข้างเ้าจริงๆ..."
"หากเ้าอยากอยู่กับอาหยุนจริงๆ เ้าก็แค่บอกเขาไป ข้าเชื่อว่าอาหยุนจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน" ขณะที่เสิ่นชิงกำลังพึมพำ จู่ๆมีเสียงของหญิงสาวดังขึ้นมุมห้อง
"นั่นใคร!?" เสิ่นชิงสะดุ้งด้วยความใจนหัวของหลี่ชิงหยุนยกขึ้นมาจากตักของนางเล็กน้อย
[ในห้องนี้น่าจะมีแค่ข้ากับหลี่ชิงหยุนเท่านั้น แล้วนั่นเสียงใครกัน?]
[แต่เสียงนี้มันฟังดูคุ้นเคย... อาหยุน?]
[อย่าบอกนะว่า...]
เสิ่นชิงหันกลับไปมองข้างเตียงของหลี่ชิงหยุน นางกลับเห็นนาหลันเสี่ยวฉียืนยิ้มและหัวเราะเบาๆ ราวกับว่านางสนุกที่ได้แกล้งเสิ่นชิง
"เสี่ยวฉี!" เสิ่นชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ นางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความกลัว "นะ-นี่คือ...ผี!?"
"เสิ่นชิง เ้าหมายความว่าอย่างไร!? ฮึ่ม!" นาหลันเสี่ยวฉีทำหน้าบูดบึ้ง
[ผี? ผีที่ไหนจะงดงามได้ปานนี้]
"นะ-นี่...เ้าตัวจริงงั้นหรือ-" เสิ่นชิงยังคงไม่เข้าใจเหตุการณ์ว่าเหตุใดนาหลันเสี่ยวฉีมาโผล่ที่นี่ได้
เมื่อเห็นใบหน้าที่สงสัยของเสิ่นชิง นาหลันเสี่ยวฉีหัวเราะเบาๆ "ข้าอยู่กับอาหยุนมาตลอด และข้าเห็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้านี้ทุกอย่างแล้ว"
เสิ่นชิงที่ได้ยินคำพูดนั้น นางก็หน้าแดงทันที
[ให้ตายเถอะ น่าอายจัง]
"ฮิๆๆ" นาหลันเสี่ยวฉีหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีเขินอายของเสิ่นชิง
ขณะที่หลี่ชิงหยุนกำลังหลับอยู่ และพลังิญญาของเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับเจดีย์ปฐมกาล ดังนั้นเป็เื่ปกติที่นาหลันเสี่ยวฉีสามารถปรากฏตัวออกมาได้
อีกทั้งหลี่ชิงหยุนได้ใส่ััิญญาของเจดีย์ปฐมกาลลงในร่างกายของนาหลันเสี่ยวฉี นางจึงสามารถเข้าออกเจดีย์ปฐมกาลได้อย่างอิสระ
"เสิ่นชิงไปข้างนอกกันเถอะ ข้าจะอยากจะคุยบางอย่างกับเ้า" นาหลันเสี่ยวฉีในขณะนี้ดูจริงจังมาก
"ตกลง" เสิ่นชิงวางหัวของหลี่ชิงหยุนลงบนหมอนช้าๆ เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขา
เสิ่นชิงลุกขึ้นและออกจากห้องพร้อมนาหลันเสี่ยวฉีในทันที
.
.
.
ขณะนี้นาหลันเสี่ยวฉีและเสิ่นชิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นในลักษณะหันหน้าเข้าหากัน
ก่อนที่นาหลันเสี่ยวฉีเปิดปากถามเสิ่นชิง "เสิ่นชิง ข้าขอถามเ้าอีกครั้ง เ้าชอบอาหยุนหรือไม่?"
คราวนี้สีหน้าของนาหลันเสี่ยวฉีดูเคร่งขรึมผิดปกติ
ก่อนหน้านี้นางได้เห็นเหตุการณ์ที่หลี่ชิงหยุนคลุ้มคลั่งและรับรู้ถึงความสิ้นหวังในอารมณ์ของเขา ตอนนี้นางอยากจะทำบางอย่างเพื่อเขาบ้าง บางทีความทุกข์ทรมานในจิตใจของหลี่ชิงหยุนอาจจะลดลง
เมื่อเห็นท่าทางที่เคร่งขรึม เสิ่นชิงตอบกลับอย่างไม่ลังเล "แน่นอนว่าข้าชอบเขา ข้าอยากจะดูแลเขาจริงๆ..."
"ใบหน้าตอนที่เขาฝัน เขาดูน่าสงสารมากจริงๆ..." นางรู้สึกเ็ปใจอย่างมากเมื่อจดจำภาพใบหน้าที่สิ้นหวังของหลี่ชิงหยุน
นาหลันเสี่ยวฉีถอนหายใจเบาๆ "ข้าเกรงว่ามันอาจจะไม่ใช่แค่ความฝัน บางทีอาจจะเป็อดีตของเขา"
หลังจากนั้นนางก็กล่าวต่อ "โหรวซี...ข้าเองไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ข้าคิดว่านางอาจจะเป็คนสำคัญของอาหยุนก่อนหน้าที่เขาจะมาเจอกับข้า"
นาหลันเสี่ยวฉีได้เจอกับหลี่ชิงหยุนครั้งแรกตอนที่เขาอายุ 12 ปี นางจึงคาดเดาว่าโหรวซีน่าจะเป็ชื่อของคนสำคัญของเขา แต่เมื่อดูจากอารมณ์ของเขาแล้ว คนผู้นั้นอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว...
"นั่น..." เสิ่นชิงเองก็รู้สึกเช่นนั้น หลี่ชิงหยุนมีอายุเพียงแค่ 15 ปี แต่เมื่อตัดสินจากจิตสังหารที่คลุ้มคลั่งของเขา นางจึงคิดว่าหลี่ชิงหยุนอาจจะเคยประสบกับความสูญเสียบางอย่างที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขา เพียงแต่เขาไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับอดีตของเขาเลย
"เฮ้อ~" นาหลันเสี่ยวฉีถอนหายใจเบาๆ "ข้าเองก็อยากจะช่วยเขาจริงๆ ตอนนี้เขาเป็ศัตรูกับทั้งสองตระกูลใหญ่เพื่อเ้าและข้า..."
"เขาพยายามอย่างมากเพื่อปกป้องพวกเรา เขากำลังทำงานอย่างหนัก แม้ว่าพวกเราจะไม่เก่งเื่การต่อสู้ แต่พวกเรามีบางอย่างที่ทำให้อาหยุนได้ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง..."
เมื่อพูดจบนาหลันเสี่ยวฉีหน้าแดงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
"บางทีมันอาจจะลดอารมณ์ด้านลบของเขาได้บ้าง" นาหลันเสี่ยวฉีกำลังรู้สึกขัดแย้งในหัวใจของนาง
"นี่เ้า? อย่าบอกว่าเ้าจะลากข้าลงเรือลำเดียวกับเ้างั้นหรือ?" เสิ่นชิงอ้าปากค้างและหน้าแดง
"เ้าบอกว่าเ้าชอบเขาไม่ใช่หรือ? ถ้าเช่นนั้นเ้าจะรออะไรอีก?" นาหลันเสี่ยวฉีเริ่มแกล้งเสิ่นชิงอีกครั้ง
เสิ่นชิงหน้าแดงอย่างเขินอาย 'เอ่อ..มันจะดีหรือไม่?'
"เอาล่ะ ไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะทำให้เขาประหลาดใจ" นาหลันเสี่ยวฉีเริ่มวางแผนการบางอย่าง นางอธิบายแผนให้เสิ่นชิงได้ฟัง
ขณะนี้ในห้องนอนหลี่ชิงหยุนกำลังนอนหลับอย่างสบายใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่านาหลันเสี่ยวฉีและเสิ่นชิงกำลังวางร้ายสำหรับเขาแล้ว...
.
.
.
~ เช้าวันรุ่งขึ้น ~
บนเตียงที่มีกลิ่นของหญิงสาว หลี่ชิงหยุนลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ เขายังรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย แต่ก็จำได้ว่าเขาใช้พลังิญญามากเกินไปจนหมดสติ "ไม่คาดคิดเลยว่าข้าจะเสียพลังิญญามากขนาดนี้"
เขาใช้พลังิญญาเพื่อรักษาโม่หยุนเทียนและเสิ่นอี้หลานในเวลาใกล้เคียงกัน ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจมากนัก
ทันใดนั้นเขาได้กลิ่นหอมบางอย่างลอยมาแตะจมูกของเขา และเริ่มมองไปทางซ้ายและทางขวา
"เอ๊ะ!?" หลี่ชิงหยุนสะดุ้งโหยงในทันที
นั่นเป็เพราะนาหลันเสี่ยวฉีกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนทางด้านซ้ายของเขา และเสิ่นชิงกำลังนอนอยู่ด้านขวา ใบหน้าของนางกำลังซุกอยู่กับหน้าอกของหลี่ชิงหยุนอย่างอบอุ่น
ทั้งคู่ใส่ชุดนอนที่บางมาก ราวกับพวกนางตั้งใจยั่วยวนหลี่ชิงหยุนอย่างเต็มที่
"อา!" หลี่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะอุทานเสียงดัง
[นี่...นี่...เกิดอะไรขึ้น!? ข้าคงไม่ได้ทำเช่นนั้นกับพวกนางใช่หรือไม่?]
สองสาวที่ได้ยินเสียงของหลี่ชิงหยุนดังขึ้น พวกนางกระตุกเปลือกตาขึ้นมาช้าๆและขยี้ตาของพวกนางเบาๆ
"อรุณสวัสดิ์...สามี~" นาหลันเสี่ยวฉีเปิดปากพูดกับหลี่ชิงหยุนก่อนในลักษณะแลดูอ่อนเพลีย
"ฉีฉี! เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น!?" หลี่ชิงหยุนเริ่มตื่นตระหนก
[เป็ไปได้ไหมว่าเมื่อคืนข้า...]
"อาหยุน เ้าจำไม่ได้จริงๆหรือ?" นาหลันเสี่ยวฉีพูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวน ราวกับเสียงกระซิบของปีศาจ
คำพูดของนางทำให้ไฟในจิตใจของหลี่ชิงหยุนลุกโชนขึ้นมาอย่างแรง เขาเกือบจะกลายเป็หมาป่าในทันที
'ให้ตายเถอะ! นางไปเรียนรู้สิ่งนี้มาจากไหนกัน' หลี่ชิงหยุนรู้สึกมึนเมาและหลงอยู่ในภวังค์
"คิกคิกคิก" ต่อมานาหลันเสี่ยวฉีและเสิ่นชิงหัวเราะเบาๆ พวกนางแลดูสนุกที่ได้แกล้งเขาเช่นนี้
หลี่ชิงหยุนรู้สึกแปลกๆว่าเหตุใดสองสาวจึงหัวเราะสนุกสนานเช่นนี้ ก่อนที่เขาจะใช้เนตรปฐมกาลมองไปที่ร่างของสตรีทั้งสอง
เมื่อเห็นสองสาวยังบริสุทธิ์อยู่ เขาก็เกือบจะเป็ลม "ให้ตายดถอะ!"
"ฉีฉี เสิ่นชิง พวกเ้ากล้าแกล้งข้าจริงๆ" หลี่ชิงหยุนโอบกอดทั้งสองสาวไว้ในอ้อมแขนราวกับหมาป่ากระหาย เขาแทบจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่
"อา~" นาหลันเสี่ยวฉีและเสิ่นชิงเริ่มส่งเสียงครวญครางออกมา มือของหลี่ชิงหยุนเริ่มขยับไปทั่วเรือนร่างของสองสาวอย่างคิดไม่ซื่อ
"ก็อก! ก็อก!"
จู่ๆเสียงเคาะประตูหน้าห้องของเสิ่นชิงดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของชายวัยกลางคนตามมา "ชิงเอ๋อร์เ้าตื่นหรือยัง?"
"เอ๊ะ!" เสิ่นชิงสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงบิดาของนาง นางรีบลุกขึ้นจากเตียงและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ขณะนี้นาหลันเสี่ยวฉีกลับเข้าไปในเจดีย์ปฐมกาลอย่างรวดเร็ว
หลี่ชิงหยุนกำลังอารมณ์ค้างอย่างมากในขณะนี้ 'เกือบไปแล้วเชียว'
จากนั้นเสิ่นชิงรีบวิ่งไปเปิดประตูให้เสิ่นอี้หลานทันที
"ชิงเอ๋อร์ เ้ากำลังทำอะไรอยู่-" ก่อนที่เสิ่นอี้หลานจะพูดต่อ เขาสังเกตุเห็นว่าแก้มของเสิ่นชิงมีสีแดงจางๆ ราวกับว่าก่อนหน้านี้นางกำลังทำบางสิ่งบางอย่าง
"จะ-เ้าโดนเ้าหนุ่มนั่นกินแล้วงั้นรึ!?" เสิ่นอี้หลานอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
"ท่านพ่อ! ท่านพูดบ้าอะไร! ข้ายังบริสุทธิ์อยู่!" เสิ่นชิงหน้าแดงด้วยความเขินอายครั้นเห็นว่าบิดากำลังเข้าใจนางผิด นางไม่น่าตกลงตามแผนของนาหลันเสี่ยวฉีเลยจริงๆ
เสิ่นอี้หลานมองไปที่ร่างของเสิ่นชิง เขาเห็นว่าหยินฉีของนางยังคงดูปกติ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก "ชิงเอ๋อร์ หากเ้า้า เ้าควรเลือกเวลาให้ดี เวลานี้ยังไม่เหมาะสม"
เสิ่นอี้หลานไม่ได้ดุนางแม้แต่น้อย และยังให้คำแนะนำไปอีกด้วย ขณะนี้ในตระกูลเสิ่นยังไม่มั่นคง เขาจึงไม่อยากให้ลูกสาวของตนไปพัวพันกับหลี่ชิงหยุนมากนัก เพราะเขาเกรงว่าจะลากหลี่ชิงหยุนให้เจอเหตุการณ์ร้ายๆไปพร้อมกับพวกเขาด้วย
"ท่านพ่อ ข้าเข้าใจ..." เสิ่นชิงยอมรับอย่างง่ายดายเมื่อรู้ว่าบิดาของนางไม่ได้โกรธ และนางรู้ดีว่าเขาแค่ไม่อยากให้หลี่ชิงหยุนมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเสิ่นก่อนที่ปัญหาเื่ผู้าุโสูงสุดจะหมดไป
"ฮิๆๆ ในอดีตแม่ของเ้าก็ริเริ่มที่เข้าหาข้าเช่นกัน ดังนั้นเื่นี้ไม่มีอะไรแปลก" เสิ่นอี้หลานพูดอย่างสบายๆ แลดูภาคภูมิใจ
"ท่านพ่อ ท่านไร้ยางอายได้กว่านี้อีกไหม?" เสิ่นชิงพูดไม่ออก
แต่เมื่อนางได้ยินพ่อของเขาพูดถึงมารดา ใบหน้าของนางดูเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย
เสิ่นอี้หลานเปลี่ยนเื่คุยกับนางในทันที "เ้าหนุ่มนั่นอยู่ที่ไหน?"
"เขา...อยู่ในห้องนอนของข้า" เสิ่นชิงพูดอย่างอายๆ
"โอ้?" เสิ่นอี้หลานไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินไปหาหลี่ชิงหยุนในห้อง
หลี่ชิงหยุนเห็นว่าเสิ่นอี้หลานกำลังเข้ามา เขาลุกจากเตียงและทำความเคารพทันที "หลี่ชิงหยุนคารวะท่านผู้นำตระกูล"
เสิ่นอี้หลานขมวดคิ้ว "เ้ายังกล้าเรียกข้าว่าผู้นำตระกูลอยู่อีกงั้นรึ? ในเมื่อเ้าเกือบจะกลืนกินบุตรสาวของข้าแล้ว ดังนั้นเ้าแค่เรียกข้าว่าลุง"
"เอ่อ..." หลี่ชิงหยุนอึ้งกิมกี่ไปชั่วขณะ เขาไม่คาดคิดว่าเสิ่นอี้หลานจะตรงไปตรงมาขนาดนี้
"ฮ่าๆๆๆ เมื่อคืนเป็อย่างไร เ้าหลับสบายดีหรือไม่?" เสิ่นอี้หลานถามด้วยรอยยิ้มที่ซุกซน
หลี่ชิงหยุนพูดไม่ออก ดูเหมือนว่าเสิ่นอี้หลานกำลังแกล้งเขาอยู่อย่างเห็นได้ชัด
"ท่านลุง ข้าหลับสบายดี ไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น" หลี่ชิงหยุนตอบแบบงึกๆงักๆ
"อืม เช่นนั้นก็ดี" เสิ่นอี้หลานพูดต่อด้วยเสียงเบาๆ "ข้าไม่ได้จะขัดขวางความสัมพันธ์ของเ้ากับชิงเอ๋อร์ ...เพียงแต่ตอนนี้ในตระกูลเรายังไม่มั่นคง พวกเรามีทั้งศัตรูจากภายในและภายนอก ข้าแค่้าสะสางเื่นี้ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน"
"ข้ารู้ว่าข้าสามารถฝากบุตรสาวของข้าไว้กับเ้าได้ ดังนั้นนี่ถือเป็คำเตือนของข้า" เสิ่นอี้หลานชื่นชอบหลี่ชิงหยุนอย่างมาก เพียงแต่ตอนนี้เขาอ่อนแอเกินกว่าจะเข้าไปยุ่งเื่ของตระกูลขุนนาง เสิ่นอี้หลานไม่อยากให้หลี่ชิงหยุนเดือดร้อนโดยธรรมชาติ
"ท่านลุง ข้าเข้าใจ" หลี่ชิงหยุนยอมรับคำแนะนำของเสิ่นอี้หลานอย่างนอบน้อม
"เอาล่ะ หากเ้า้าความช่วยเหลือใดๆ เ้าแค่ต้องติดต่อข้าผ่านหยกสื่อสาร" เสิ่นอี้หลานยื่นหยกสื่อสารให้กับหลี่ชิงหยุนโดยตรง
หลี่ชิงหยุนรับมันมาเก็บลงในแหวนเก็บของ "ท่านลุง อาการท่านดีขึ้นบ้างหรือยัง?"
"อืม ตอนนี้ข้าสามารถเข้าสู่ระดับลมปราณลึกซึ้งขั้นกลางได้ทุกเมื่อ" เสิ่นอี้หลานเพียงแค่รอเวลาที่จะเปิดเผยความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น
"เช่นนั้นข้าขอแสดงความยินดีล่วงหน้า" หลี่ชิงหยุนรู้สึกพึงพอใจ แม้ว่าเขาจะหมดสติไปแต่เขารู้สึกว่ามันคุ้มค่ามาก เขาไม่อยากให้เสิ่นชิงต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรม ดังนั้นเขาต้องช่วยเสิ่นอี้หลานอย่างเต็มที่
"ท่านลุง เสิ่นชิง เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน" หลี่ชิงหยุนบอกลาเสิ่นชิงและเสิ่นอี้หลาน เพราะเขาไม่มีสิ่งใดให้ทำในตระกูลเสิ่นอีกต่อไป
หลี่ชิงหยุนเดินไปหาเสิ่นชิงและจับมือนางไว้เบาๆ พร้อมหยิบบางอย่างจากแหวนเก็บของมอบให้ "เสิ่นชิง เ้าเก็บหยกนี่ไว้กับตัว หากเ้าเจอกับอันตรายแค่บดขยี้มัน แล้วข้าจะมาหาเ้าในทันที"
ตอนนี้เสิ่นชิงรู้สึกถึงความหวานในหัวใจของนาง นางเก็บหยกของหลี่ชิงหยุนไว้อย่างเชื่อฟัง
หลี่ชิงหยุนกำลังจะจากไป จู่ๆเสิ่นชิงกลับหยุดเขาเอาไว้ เมื่อเขาหันกลับมานางจูบเขาที่แก้มเบาๆ และถอยหนีออกไปอย่างเขินอาย
เสิ่นอี้หลานที่ยืนมองดูด้านข้างเขาก็พูดไม่ออก "หนุ่มสาวสมัยนี้ กล้าหาญจริงๆ"