ฉีลั่วอิ่งดูออกว่าเมิ่งไป๋ไป๋สนใจข้อเสนอ จึงรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาและคิดจะถ่ายเซลฟีตอนนี้ให้สักสองสามรูป แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังสวมชุดสูทที่เข้าร่วมงานประกาศรางวัล อีกทั้งยังอยู่ในบ้านอีก คงจะหาคำอธิบายไม่ได้ว่าไปเอารูปเหล่านี้มาจากไหน ดังนั้น เขาจึงหารูปที่สวมชุดลำลองสองรูปจากอัลบั้มในโทรศัพท์มือถือแล้วส่งให้เมิ่งไป๋ไป๋
เมิ่งไป๋ไป๋ : “นี่ถ่ายั้แ่เมื่อไร?”
ฉีลั่วอิ่งในภาพไม่ได้แต่งหน้า เขาสวมเพียงหมวกเบสบอล แว่นดำ และเสื้อคอวีหลวมๆ เข้าคู่กับกางเกงยีนส์ขาตรงสีดำ มองแล้วดูเด็กมาก คล้ายกับนักศึกษามหาวิทยาลัย
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “เดือนที่แล้วมั้ง หาไม่ได้ตามอินเทอร์เน็ตนะ ส่งให้คุณคนเดียว”
รูปนี้อยู่แค่ในโทรศัพท์ของฉีลั่วอิ่งเท่านั้น ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เขาจึงมั่นใจเป็อย่างยิ่งว่าไม่มีทางเห็นได้จากที่อื่น
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ไม่เคยเห็นรูปนี้จริงๆ ด้วย แล้วคุณมีรูปนี้ได้ยังไง? แอบถ่ายเหรอ?”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “เคยเห็นรูปที่แอบถ่ายจากกล้องมาก่อนไหมล่ะ?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ก็จริง”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ให้เื่นี้เป็ความลับระหว่างพวกเรานะ คุณอย่าเตะฉันออก แล้วฉันจะส่งรูปให้คุณอีก”
เมิ่งไป๋ไป๋ไม่ได้ตอบกลับในทันทีราวกับกำลังพิจารณาอยู่ ระหว่างที่รอฉีลั่วอิ่งก็รู้สึกเบื่อจนแอบไปดูเพจแฟนคลับของเมิ่งเชวี่ยไป๋ เมื่อเห็นว่าแฟนคลับของเขามีจำนวนแค่ครึ่งหนึ่งของตัวเองก็รู้สึกโล่งใจมาก
โพสต์ล่าสุดของเมิ่งเชวี่ยไป๋เป็รูปที่เขารับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่บนเวทีพร้อมข้อความประกอบยาวมาก เขาบรรยายความรู้สึกของการเดินทางั้แ่เดบิวต์ ทั้งยังขอบคุณผู้กำกับ ทีมงาน และกรรมการ ฉีลั่วอิ่งอ่านอย่างคร่าวๆ แล้วรู้สึกว่าวิธีการเขียนของเขาไม่เลวเลย แปดสิบเปอร์เซ็นต์คงเป็ผู้จัดการหรือไม่ก็ผู้ช่วยบรรณาธิการเขียนมาให้ก่อน อย่างไรแล้ว การบีบบังคับคนที่ประหยัดคำพูดถึงขนาดกล่าวสุนทรพจน์ตอนได้รับรางวัลเพียงแค่สี่คำให้มาเขียนข้อความยาวๆ แบบนี้ก็เป็เื่ยากเกินไปสำหรับเขา
ในขณะที่ฉีลั่วอิ่งกำลังจะถามเมิ่งไป๋ไป๋ว่าคิดดีแล้วหรือยัง ก็ได้รับคำตกลงของอีกฝ่าย
การประนีประนอมของเมิ่งไป๋ไป๋ทำให้ฉีลั่วอิ่งถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคดีที่เมิ่งไป๋ไป๋ไม่ได้จี้ถามที่มาของรูป เพราะหลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว ไม่ว่าข้อแก้ตัวไหนก็ล้วนมีช่องโหว่ทั้งนั้น แล้วเขาก็ไม่สามารถยอมรับตรงๆ ได้ว่าตัวเองคือฉีลั่วอิ่งด้วย
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ว่ามาสิ”
สุ่ยเก้ออี้ฟาง : “ทักษะการแสดงของฉีลั่วอิ่งกับเมิ่งเชวี่ยไป๋ ของใครดีกว่ากัน?”
เมิ่งไป๋ไป๋ : “ฉีลั่วอิ่งดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”
ดีมาก! แน่อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้ด้อยกว่าเมิ่งเชวี่ยไป๋!
ฉีลั่วอิ่งรู้ว่าการถามคำถามแบบนี้กับแฟนคลับนั้นไม่เป็กลางเท่าไร แต่คำตอบที่เขาอยากได้ในตอนนี้มีแค่คำตอบเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจสักนิดว่าจะเป็กลางหรือเปล่า และเขาก็ไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับคำวิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตอย่างแน่นอน
คืนนี้ฉีลั่วอิ่งได้รับความรักจากแฟนคลับอย่างเต็มเปี่ยม เขาวางโทรศัพท์อย่างพึงพอใจแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็สวมชุดคลุมอาบน้ำมานอนบนเตียงใหญ่ที่อ่อนนุ่ม ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ เตรียมจะเข้านอน
ก่อนหลับตาลง ฉีลั่วอิ่งนึกถึงเหล่าแฟนคลับที่ให้กำลังใจเขาและคิดว่าควรตอบแทนอะไรบางอย่าง เขายกโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดหน้าเพจทางการของตัวเอง แล้วเขียนข้อความลงไป
“ขอบคุณทุกคน”
ขอบคุณแฟนคลับที่สนับสนุนเขามาโดยตลอด ขอบคุณที่เข้าใจเขาเหมือนกับเมิ่งไป๋ไป๋ ขอบคุณผู้กำกับที่เห็นคุณค่าของเขา ขอบคุณนักแสดงที่แสดงด้วยกัน ขอบคุณทีมงานที่ร่วมฝ่าฟันกันมา ความรู้สึกขอบคุณที่อัดแน่นถูกย่อลงให้เหลือเพียงไม่กี่คำ จนเหมือนกับคำขอบคุณตอนได้รับรางวัลของเมิ่งเชวี่ยไป๋อย่างน่าประหลาดใจ
ฉีลั่วอิ่งจ้องไปที่คำสี่คำนี้ เขารู้สึกว่าการโพสต์โดยไม่มีรูปประกอบอาจดูไม่จริงใจไปหน่อย จึงเปิดกล้องแล้วถ่ายภาพใบหน้าด้านข้างที่กำลังพิงหมอนเป็ภาพถ่ายราตรีสวัสดิ์เพื่อเซอร์วิสแฟนๆ แล้วกดอัปโหลด
กลางดึกคืนนั้น ในกลุ่มอู้รู่ฉีถูก็คึกคักขึ้นมา ทุกคนต่างกำลังพูดถึงโพสต์ใหม่ล่าสุดของฉีลั่วอิ่ง
เื่ที่หนึ่ง คือ ตลอดสองปีมานี้น้อยครั้งมากที่ฉีลั่วอิ่งจะโพสต์อะไรด้วยตัวเอง ส่วนเื่ที่สอง คือ ฉีลั่วอิ่งไม่เคยโพสต์รูปบนเตียงมาก่อนเลย──ในมุมมองของแฟนคลับ การถ่ายรูปอยู่บนเตียงก็คือรูปบนเตียง
“ตำแหน่งทางซ้ายเป็ของฉัน!”
“ด้านขวาฉันจองแล้ว!”
“ตำแหน่งด้านข้างทั้งสองของฉีฉีมอบให้สองคนก่อนหน้าได้ไม่มีปัญหา ฉันนอนอยู่บนตัวของฉีฉีก็พอ”
“ชั่วร้ายเกินไปแล้ว! ถึงกับแย่งตำแหน่งที่ดีที่สุดไป!”
“บ้าเอ๊ย! ฉันคิดไม่ถึงได้ยังไง?”
แฟนคลับที่ยังตื่นอยู่ต่างก็บันทึกภาพของเขาและเปลี่ยนภาพหน้าจอในคืนนี้ รวมถึงเมิ่งไป๋ไป๋ด้วย
----------
ฉีฉี : “ทำไมคืนนี้ถึงนอนไม่ค่อยสบายเลยนะ? หนักตัวมากเลย...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้