“จะหนีไปไหน!”
เว่ยเจิ้นเทียนดูเย่เฟิงออกทันที เขาจึงปล่อยพลังฝ่ามือไม่ยั้งเพื่อปิดทางหนีของเย่เฟิง
“ไสหัวไปซะ!”
เย่เฟิงแผดเสียงะโ ก่อนจะแทงหอกัเงินประกายโจมตี โดยสำแดงกระบวนที่สองหอกตัดิญญาของทักษะหอกปลิดชีวี ลำแสงหอกจึงอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวและผสานด้วยพลังแห่งอำนาจขั้นกายา่ปลาย
“เป็เขา เป็เขาแน่ ๆ!”
ฝั่งที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติ หวงเจาอี๋เห็นเย่เฟิงสำแดงพลังก็รู้ตัวตนของเย่เฟิงในทันที ซึ่งก็คือชายหนุ่มผู้นั้นที่ทำให้นางรู้สึกอัปยศอดสูที่สุดในชีวิต หลังจากนั้น เขาก็ถูกตระกูลอู๋้าตัวมากที่สุด แต่ไม่นึกว่าจะยังอยู่ที่เมืองลอยฟ้า
“ใคร?” หวงเหยียนิเห็นน้องสาวตนคล้ายรู้จักเย่เฟิง จึงเอ่ยถามไปเช่นนั้น
“เย่เฟิง ชายหนุ่มผู้มาจากอาณาจักรจ้าว ก่อนหน้านี้เขาฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋ไปหลายคน ทั้งยังขโมยเรือรบอินทนิลทองคำของตระกูลอู๋ไปอีก จึงถูกตระกูลอู๋ตามล่า” หวงเจาอี๋กล่าวช้า ๆ นางเห็นท่าทีของเย่เฟิงก็พบว่าความเกลียดที่ตนมีต่อเย่เฟิงลดน้อยลงไปมาก ในทางตรงกันข้าม ความชอบที่มีต่อเย่เฟิงกลับเพิ่มขึ้นหลายส่วน นางจึงอดไม่ได้ที่จะหลงใหลไปกับทักษะที่แกร่งกล้าและความกล้าหาญของเย่เฟิง
“ไม่นึกว่าจะเป็เขา มิน่าเขาถึงใจกล้าเพียงนี้!”
หวงเหยียนิกล่าว เขาอาศัยอยู่ที่เมืองลอยฟ้าตลอด ย่อมได้ยินข่าวเื่ตระกูลอู๋เมื่อหลายวันก่อนมาบ้าง แสงเยือกเย็นพลันปะทุออกจากดวงตา จากนั้นเห็นหวงเหยียนิะโขึ้นไปบนเวทีประมูล เพื่อพยายามฆ่าเย่เฟิงร่วมกับเว่ยเจิ้นเทียนและจ้าวหยาง
ผู้มากพร์เช่นนี้ หากปล่อยให้มีชีวิตต่อไป ภายภาคหน้าจะกลายเป็บ่อเกิดแห่งความหายนะ
“คนคนนี้คือคนที่ฆ่าคนตระกูลอู๋ มิหนำซ้ำยังขโมยเรือรบอินทนิลทองคำ วันนี้เขาต้องตายที่นี่!”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังมาจากทางฝั่งตระกูลอู๋ ทางฝั่งนั้นล้วนอัดแน่นไปด้วยความอาฆาตอันเย็นะเื นาทีต่อมาเห็นหลายเงาร่างไปเยือนเวทีประมูล หมายพยายามสังหารเย่เฟิง
เพียงพริบตา เย่เฟิงกลายเป็ผู้ที่ทุกคนต่าง้าตัวและอยากให้เขาตายอยู่ที่นี่
“เ้าออกนอกเมืองลอยฟ้าแล้วใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติออกไปจากที่นี่ พาพวกเราไป จำไว้ ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี!” ฉวนเถี่ยจู้หันไปพูดกับผู้ฝึกยุทธ์สำนักชิงอวิ๋นคนหนึ่ง โดยคำนึงถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติของเมืองลอยฟ้าก่อน
เมื่อกล่าวจบ ฉวนเถี่ยจู้และผู้ฝึกยุทธ์สำนักชิงอวิ๋นสองสามคนไปเยือนเวทีประมูล ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเย่เฟิง
“ผู้แซ่ฉวนมาช่วยแล้ว พวกเราฆ่า!”
ฉวนเถี่ยจู้คลี่ยิ้มให้เย่เฟิงด้วยท่าทีใสซื่อเช่นเดิม ความคิดของเขานั้นเรียบง่ายมาก ในเมื่อเขาคิดว่าเย่เฟิงเป็สหาย ทั้งยังเห็นสหายตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เขาจึงออกโรงปกป้องและเข้าช่วยเหลือทันที หากทำเื่เช่นนี้ไม่ได้ เช่นนั้นเขาฉวนเถี่ยจู้ก็ไม่มีสิทธิ์สานสัมพันธ์ในฐานะสหาย
ระหว่างกล่าวเช่นนั้นจบ ฉวนเถี่ยจู้เหวี่ยงหมัดดุจเหล็กอัดกระแทกอกของผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋คนหนึ่ง ทำให้ร่างผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกระเด็นไปกองกับพื้นเวทีประมูล ทั้งยังถูกฆ่าตายด้วยหมัดเดียว
บัดนี้ฉวนเถี่ยจู้อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ฝึกตนที่สำนักชิงอวิ๋นมาหลายเดือน ทำให้ศักยภาพของฉวนเถี่ยจู้ก้าวะโ พลังสายเืก็ยกระดับไปอีกขั้น
“ดี พวกเราสหายมาร่วมสู้ไปด้วยกัน!”
เย่เฟิงมองชายร่างกำยำที่ยืนเคียงข้างในยามที่เขาตกอยู่ในวิกฤต จู่ ๆ เืก็เดือดพล่านขึ้นมา เขาและฉวนเถี่ยจู้เจอกันที่เวทีประลองในงานชุมนุมหวงปั่ง จึงได้ผูกมิตรเป็สหายกัน แต่ก็เป็เพียงสหายทั่วไปเท่านั้น การที่อีกฝ่ายออกโรงในเวลานี้และอยู่ข้างเย่เฟิงโดยไม่หวาดกลัว นี่พิสูจน์แล้วว่าฉวนเถี่ยจู้มีความกล้าหาญและสัตย์ซื่อถือคุณธรรมเทียมฟ้า
เขาเย่เฟิงได้รู้จักกับสหายเช่นนี้ แม้วันนี้จะรอดออกไปจากที่นี่ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่เสียใจ
อีกด้านหนึ่ง กงซุนหลิงเอ๋อร์เข้าร่วมศึกนี้เช่นกัน แถบผ้าสีม่วงของนางปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่ถูกแถบผ้าพันธนาการต่างต้องตายคาที่
สถานการณ์เริ่มรุนแรง ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกใหญ่ะเืฟ้าดิน แต่หอการค้าเทียนจี๋ที่เป็เ้าภาพกลับเป็ฝ่ายได้เปรียบ ส่วนเย่เฟิง ฉวนเถี่ยจู้ และผู้ฝึกยุทธ์สำนักชิงอวิ๋นเป็ฝ่ายเสียเปรียบ
“ฟังข้า หากผู้ใดเด็ดหัวของคนผู้นี้มาได้ ข้าจะตกรางวัลให้อย่างงาม!” หวงเหยียนิกล่าวกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋ ซึ่งเป็ไปตามคาด เมื่อสิ้นเสียงเขา ผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋เ่าั้ก็ตาลุกวาวและเห็นเย่เฟิงเป็เหยื่อของตัวเองทันที
“หอกดุจั!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ จากนั้นกระหน่ำแทงหอกไม่ยั้ง ทุกที่ที่รังสีหอกพาดผ่าน เสียงกรีดร้องอันโหยหวนจะดังขึ้น ส่งผลให้ผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋ถูกฆ่าตายไปหลายคน
“ฟึ่บ!”
ขณะเดียวกันเย่เฟิงเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อพร้อมแสงดาวปกคลุมร่างกาย ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังดาราไร้ที่สิ้นสุด แผนที่ดาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น เย่เฟิงเคลื่อนไหวดุจดวงดาว ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้านางรับใช้สองคน จากนั้นเขาชิงสมบัติสองชิ้นที่อยู่ในมือพวกนางด้วยความรวดเร็วปานฟ้าแลบ ซึ่งสมบัติสองชิ้นนี้คือเกราะทองคำกิเลนของเว่ยเจิ้นเทียนและจูกั่วหมื่นปีของจ้าวหยางที่พวกเขาสองคนประมูลไปได้ก่อนหน้านี้
ศึกปะทุอย่างดุเดือด สถานการณ์เริ่มโกลาหล เว่ยเจิ้นเทียนและจ้าวหยางที่้าชีวิตของเย่เฟิงโดยเร็วกลับไม่มีใครสนใจสมบัติสองชิ้นนั้นเลย ในเมื่อเป็เช่นนี้ เย่เฟิงจะเกรงใจไปไย? มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยัง้าฆ่าเขา ก็ไม่มีเหตุใดที่เขาจะต้องเกรงใจอีกฝ่ายแล้วมิใช่หรือ?
เมื่อเว่ยเจิ้นเทียน จ้าวหยาง และหวงเหยียนิเห็นเย่เฟิงชิงสมบัติสองชิ้นนั้นไปต่างสีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที จากนั้นได้ยินเว่ยเจิ้นเทียนขึ้นเสียงใส่เย่เฟิงด้วยโทสะว่า “หัวขโมย เ้ากล้าดียังไงมาขโมยของที่ข้าประมูลได้ ตายซะเถอะ!”
ระหว่างที่กล่าวเช่นนั้น เว่ยเจิ้นเทียนสำแดงเคล็ดวิชาท่าร่างของตนพุ่งเข้าหาเย่เฟิงด้วยความเร็วสูงสุด พร้อมกับปลดปล่อยพลังโจมตีทันที แน่นอนว่าพลังแห่งขั้นยุทธ์แท้สูงสุดของเขาไม่ต้องพูดเยอะ เพียงการโจมตีเดียวก็ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันแพ้ราบคาบแล้ว
เย่เฟิงเหยียดยิ้มอย่างเ็า จากนั้นแทงหอกไปที่การโจมตีของเว่ยเจิ้นเทียน รังสีหอกนั่นอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างและผสานด้วยอำนาจขั้นกายา่ปลาย พลังจึงทรงอานุภาพอย่างมาก
“อ้าก!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นในเวลาต่อมา หอกของเย่เฟิงแทงทะลุฝ่ามือของเว่ยเจิ้นเทียน จนเืพุ่งกระฉูดออกมา
เว่ยเจิ้นเทียนเผยสีหน้าบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด ฝ่ามือนี้ของเขาอัดแน่นไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเองและไร้เทียมทาน แต่กลับถูกเย่เฟิงแทงทะลุด้วยหอกเดียว มันช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว จากนั้นเว่ยเจิ้นเทียนร่นถอยหลังพร้อมกุมมือข้างที่าเ็ เขาเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง ตอนที่จะลงมือโจมตีเย่เฟิงอีกครั้งก็เห็นเย่เฟิงและฉวนเถี่ยจู้พร้อมกับผู้ฝึกยุทธ์สำนักชิงอวิ๋นหนีออกไปจากสนามประมูล
“ตามไป อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้!”
หวงเหยียนิเผยสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน เขาคือองค์ชายแห่งเมืองลอยฟ้า เขานำผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋มากมายปิดล้อมมดแมลงตัวหนึ่งที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 พร้อมกำลังสนับสนุนอย่างเว่ยเจิ้นเทียนและจ้าวหยาง ทว่ายังคงปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้ ทั้งยังฆ่าผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋ไปหลายคน ช่างน่าอัปยศอดสูสิ้นดี
ดังนั้นไม่ว่าวันนี้ต้องแลกด้วยอะไร หวงเหยียนิจะต้องทำให้เย่เฟิงตายให้ได้
หลายเงาร่างไล่ตามไปยังทิศทางที่เย่เฟิง ฉวนเถี่ยจู้ กงซุนหลิงเอ๋อร์ และคนอื่น ๆ หนีไป
ทันใดนั้นผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋หลายคนปรากฏตัวที่ทางเข้าสนามประมูล หมายพยายามขัดขวางพวกเย่เฟิง
“ตาย!”
แต่ว่าเย่เฟิง ฉวนเถี่ยจู้ และกงซุนหลิงเอ๋อร์แข็งแกร่งเกินไป แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋เ่าั้ก็หยุดยั้งไม่ได้
พลังโจมตีถูกปลดปล่อยอย่างไม่ขาดสาย ห้วงอากาศต้องเต็มไปด้วยไอสังหารอันหนาวเหน็บ ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้ก็ถูกฆ่าตายจนหมด สุดท้ายแล้วพวกเย่เฟิงก็ฝ่าวงล้อมออกจากสนามประมูลได้สำเร็จ
จากนั้นเว่ยเจิ้นเทียน จ้าวหยาง หวงเหยียนิ และผู้ฝึกยุทธ์จำนวนหนึ่งก็ไล่ตามมาทัน พวกเขาส่งสัญญาณให้ผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้ หมายใช้ลูกศรสังหารพวกเย่เฟิง
ไม่นานนักผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋เ่าั้หยิบธนูจากด้านหลัง ง้างคันธนูที่มีลูกศรทำลายล้าง ก่อนจะยิงไปยังพวกเย่เฟิงที่กำลังหนีไป
“จะหนีไปไหน!”
บริเวณด้านหน้ามีผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋ปรากฏตัวอีกครั้ง ซึ่งพวกเขา้าให้พวกเย่เฟิงตายอยู่ที่นี่
เย่เฟิงเพียงคิด เคล็ดวิชาหล่อกายาเทพาพลันโคจร จากนั้นเกราะเทพาที่เรืองรองแสงแห่งาสีดำปรากฏบนร่างเย่เฟิง ตอนที่ลูกศรเ่าั้ยิงมาก็ถูกเกราะเทพาหยุดยั้งไว้ โดยมิอาจทำร้ายเย่เฟิงได้แม้แต่นิดเดียว
“หมอนี่...”
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋เ่าั้ที่ยิงลูกศรเห็นฉากนี้ต่างก็ตาแข็งทื่อ และคิดว่าเย่เฟิงเป็ตัวประหลาด
“ตาย!”
ขณะนั้นผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋ที่ปิดล้อมเ่าั้กระหน่ำโจมตีพวกเย่เฟิงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ซึ่งในหมู่คนเหล่านี้มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดอยู่สองคน พลังจึงน่าหวาดกลัวมิใช่น้อยเลย
ดวงตาของเย่เฟิงส่องประกายเย็นเยือก เขาใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อพร้อมแทงหอกต่อเนื่องเพื่อกำจัดผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 สองคน
“ย้าก!”
ขณะเดียวกันมีเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นเห็นร่างฉวนเถี่ยจู้ที่อยู่ใกล้ ๆ ถูกปกคลุมด้วยแสงสีแดงเื พร้อมกับมีพลังสายเืปะทุออกจากร่างเขา อีกอย่างดวงตาของเขายังเปลี่ยนเป็สีแดงเืเช่นกัน กระบองเขี้ยวหมาป่าก็ปรากฏในมือเขา ก่อนจะควงกระบองจนเกิดลมกรรโชก
“ปัง ๆ!”
จากนั้นมีสองเสียงดังขึ้น ฉวนเถี่ยจู้ฟาดกระบองเขี้ยวหมาป่าไปที่ร่างผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋สองคน ทำให้สองคนนั้นกระเด็นออกไป กระดูกภายในกายแตกหักกี่จุดก็ยังไม่ทราบ และแน่นอนว่าพวกเขาสองคนตายคาที่ในทันที
