แต่ใครจะไปคิดว่าจางอิ่นปินแผลหายแล้วจะลืมบทเรียนที่สั่งสอนไป เขาอาศัย่ที่จางต้ากั๋วไม่อยู่บ้านมาหาเธออีกครั้ง
เขาปิดประตูแล้วพุ่งเข้าใส่เธอประหนึ่งหมาป่าหิวโหย แรงเยอะจนน่าใ ทั้งยังหอบหายใจบอกว่าถ้าเธอกล้าขัดขืนจะป่าวประกาศเื่นั้นให้คนทั้งหมู่บ้านรู้กันหมด
ฟังถึงตรงนี้ ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกสงสารจางหวาขึ้นมา ถูกคนกดขี่ข่มเหงซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ หากไม่นับเื่ที่เธอไม่รักษาจรรยาบรรณของสตรี บางทีเธออาจเป็ภรรยาที่ช่วยเหลือสามีและดูแลลูกได้ดีคนหนึ่งเลย
หากตัดเื่ศีลธรรมออก เธอดูเหนือกว่าหลิวเยวี่ยเป็ร้อยเท่า อย่างน้อยเธอก็อ่อนโยนใจกว้างและจริงใจกับผู้อื่น ไม่อย่างนั้นจางต้ากั๋วคงไม่หลงหัวปักหัวปำขนาดนี้
“ต่อมาน้าออกอุบายให้เขาไปจีบหลินเข่อเอ๋อร์แทน ชีวิตน้าจึงสงบลงได้”
“อะไรนะ?” ฮั่วเสี่ยวเหวินโมโห “เหตุใดคุณต้องทำแบบนี้ คุณรู้หรือไม่ว่าคุณทำร้ายจางอิ่นเซิงขนาดไหน?”
เมื่อคืนฝนตกลมพัดแรง หลับลึกฤทธิ์สุรายังคงเหลือ ถามผู้ที่มาเปิดม่าน กลับตอบว่าดอกไห่ถางยังเหมือนเดิม
ตอนที่จางอิ่นเซิงท่องกลอนบทนี้ ภายในใจเขาต้องเ็ปมากแน่ เหมือนกับหลี่ชิงจ้าวที่ต้องแบกรับความรู้สึกของบ้านเมืองที่ถูกยึดกับการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงภายในครอบครัว คนที่ไม่เข้าใจจะพูดว่าเขาแค่สูญเสียสหาย
จางหวาก้มหน้าลง “น้าผิดเอง ตอนนั้นน้าเคียดแค้นเขาเหลือเกิน…เป็เหตุให้หาวิธียิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว”
ความจริงเธอแค่ช่วยผสมโรงเท่านั้น ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้ว่าต่อให้ไม่มีจางหวา จางอิ่นเซิงกับหลินเข่อเอ๋อร์ก็อยู่ด้วยกันยาก เพราะอย่างไรจางอิ่นเซิงก็เคยทำร้ายหลินเข่อเอ๋อร์มาก่อน
มองจางหวาเดินจากไป ฮั่วเสี่ยวเหวินอดทอดถอนใจไม่ได้ คนแบบจางอิ่นเซิงและหวางเจาหวาต้องแบกรับการถูกทำร้าย แต่คนแบบจางหวาและจางอิ่นปินกลับได้ใช้ชีวิตตามใจ นี่คือโลกที่คนดีถูกทำร้าย ส่วนคนเลวเป็อิสระหรือ?
เธอนึกว่าจางหวาแค่ไปแจ้งความกับสถานีตำรวจ ไม่ได้รู้ว่าจางหวาสูญเสียชายที่ตัวเองรักไปแล้วและไม่มีวันได้เจอผู้ชายแบบจางต้ากั๋วอีก
ฮั่วเสี่ยวเหวินพาเฉินอวี่โหรวกลับถึงบ้าน และต้องพบกับปัญหาที่น่าปวดหัวยิ่งกว่า ที่บ้านมีเตียงเพียงแค่หลังเดียวจะให้หล่อนนอนตรงไหน? จะให้นอนเบียดกันสามคนก็ไม่ใช่เื่
ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยกลับไปดูในตำบล ฮั่วเสี่ยวเหวินเอาแต่รู้สึกว่าตัวเองถูกเด็กผู้หญิงคนนี้หลอก หากพ่อแม่หล่อนมาตามหาก็ส่งตัวคืนกลับไปก็แล้วกัน
แต่แน่นอนว่าหากไม่มีคนมาตามหา ฮั่วเสี่ยวเหวินก็มีแต่ต้องรับตัวอีกฝ่ายไว้
บอกตามตรงว่าเฉินอวี่โหรวพูดเก่งมาก หากอยู่ช่วยเธอขายผักดองได้ก็ไม่เลวเลย
ฮั่วเสี่ยวเหวินยังจำตอนที่นำผักดองไปเสนอขายในร้านอาหารได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ขนาดพูดแค่ไม่กี่คำยังรู้สึกขายหน้า หากตัวเองพูดเก่งได้สักครึ่งหนึ่งของเฉินอวี่โหรวก็คงดี
เฉินอวี่โหรวทิ้งก้นนั่งลงบนเตียงอิฐ กวาดสายตามองภายในบ้านไม่หยุด เดี๋ยวก็พูดว่า “น้องเสี่ยวเหวิน เธอจนมากเลย” และเดี๋ยวก็พูดว่า “น้องเสี่ยวเหวิน พ่อแม่เธอจะกลับมาตอนไหน? ปกติพวกเขาใจร้ายกับเธอหรือไม่?”
สำหรับเด็กหญิงน่าปวดหัวคนนี้ ฮั่วเสี่ยวเหวินเลือกใช้วิธี ‘เมินเฉย’ เธอไม่สนใจเสียอย่าง ดูซิว่าจะทำอะไรอีก?
จางเจียิใกล้กลับมาแล้ว ฮั่วเสี่ยวเหวินเตรียมไปนวดบะหมี่ที่ห้องด้านข้าง เธอรู้ว่าจางเจียิจะหิวน้ำและหิวข้าวทุกวันหลังเลิกงาน ดังนั้นเธอจึงกะเวลาทำอาหารไว้เสมอ
กระดานนวดแป้งยาวเกือบเท่าตัวของฮั่วเสี่ยวเหวิน งานนี้ต้องใช้แรงเยอะมาก เธอจึงต้องขึ้นไปยืนบนเก้าอี้
“โอ้ น้องเสี่ยวเหวิน เธอทำอาหารเป็ด้วยหรือ”
เฉินอวี่โหรวเดินเข้ามาั้แ่เมื่อไรไม่รู้ ฮั่วเสี่ยวเหวินใเกือบร่วงตกจากเก้าอี้
“ทำอาหารเป็ด้วย?” ฮั่วเสี่ยวเหวินจนใจ ั้แ่จำความได้ เธอถูกยายแก่ฮั่วสั่งให้ทำอาหาร จะว่าไปแล้วเธอต้อง ‘ขอบคุณ’ ยายแก่ใจั์คนนั้น
ฮั่วเสี่ยวเหวินไม่สนใจเฉินอวี่โหรว แต่อีกฝ่ายกลับเดินเข้ามาจับมือเธอไว้ “น้องเสี่ยวเหวิน เธอไม่ต้องทำแล้ว ยืนนวดแป้งแบบนี้อันตรายมากนะ หากร่วงตกลงมาคงไม่ตลกแน่”
ก็ได้ ในเมื่อกระตือรือร้นขนาดนี้ ฮั่วเสี่ยวเหวินยื่นไม้นวดแป้งให้เฉินอวี่โหรว “ยืนนวดจากบนเก้าอี้ก็อันตรายจริงๆ นั่นแหละ ถ้าอย่างนั้นเธอมาช่วยนวดบะหมี่ก็แล้วกัน”
เฉินอวี่โหรวรับไม้นวดแป้งมาอย่างกล้าหาญ “ได้ วันนี้พี่สาวจะทำอาหารให้เอง เธอไปเล่นเถอะ”
ฮั่วเสี่ยวเหวินตอบตกลงแล้วออกไป ตอนแรกแค่อยากให้เธอช่วยงานสักเล็กน้อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายแทนตัวเองว่าพี่สาวทุกคำและเห็นเธอเป็เด็กแบบนี้ เช่นนั้นก็ปล่อยให้เธอรับผิดชอบมื้อเย็นด้วยตัวคนเดียวไปเลย
ขณะที่ฮั่วเสี่ยวเหวินกำลังจัดโถผักดอง จางเจียิก็เดินเข้ามาอย่างหมดแรง เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเกียจคร้าน ฝุ่นผงบนตัวร่วงใส่ผ้าห่มสีแดง ปลอกผ้าห่มเลอะรอยดำเป็จุดๆ
“เสี่ยวเหวิน ทำกับข้าวเสร็จหรือยัง พี่หิวเหลือเกิน”
ฮั่วเสี่ยวเหวินเงยหน้ามองไปทางจางเจียิ “บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้ายังไม่อาบน้ำก็ห้ามขึ้นเตียง”
ฮั่วเสี่ยวเหวินร้องอย่างใ เธอวางฝาโถลงบนเก้าอี้ตัวเตี้ยแล้ววิ่งไปลากจางเจียิลงจากเตียง
จางเจียิสะดุ้งเหมือนโดนไฟดูดเมื่อได้ยินเสียงร้องของเธอ เขาเกาหัวตัวเอง “ครั้งหน้าพี่ซักผ้าห่มเอง”
ฮั่วเสี่ยวเหวินเดินไปปัดฝุ่นบนผ้าห่มออกด้วยความรังเกียจ ให้เขาเป็คนซัก? อย่าเลยดีกว่า คนที่ขนาดเสื้อผ้าของตัวเองยังขยี้แค่ไม่กี่ครั้ง จะคาดหวังให้เขาซักผ้าห่มให้สะอาดได้หรือ?
“พี่ชายรอยมีดคนนี้เป็ใคร?” เฉินอวี่โหรวออกมาจากครัว เห็นจางเจียิกำลังรินชาดื่มเอง
“พี่ชายรอยมีด?”
จางเจียิหันไปมอง เห็นเด็กสาวชุดฟ้าท่าทางกำยำน่าเอ็นดูยืนอยู่ เธอตัวเตี้ยกว่าเขาหนึ่ง่ศีรษะ ใบหน้าขาวสะอาด หน้าอกนูนขึ้นเล็กน้อย เหมือนคนที่อยู่ในวัยแรกแย้ม
ปกติเขาไม่ชอบให้คนพูดถึงรอยแผลเป็ของตัวเอง แต่เห็นหน้าตาน่าเอ็นดูของอีกฝ่ายแล้วก็โมโหไม่ลง
ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้นิสัยเขา รีบเอ่ยคลี่คลายบรรยากาศ “เขาชื่อจางเจียิ เธออย่าเรียกมั่วๆ”
จากนั้นก็แนะนำตัวเฉินอวี่โหรว “เธอชื่อเฉินอวี่โหรว เธอบอกว่าไม่มีบ้านให้กลับ ฉันเลยเก็บกลับมา”
จางเจียิพึมพำกับตัวเอง “เก็บกลับมา…”
เฉินอวี่โหรวยู่ปาก พึมพำเสียงเบาว่า “เธอนั่นแหละที่ถูกเก็บกลับมา”
คนพูดไม่คิดอะไร แต่คนฟังกลับคิด เฉินอวี่โหรวเอาแต่เรียกฮั่วเสี่ยวเหวินว่า ‘น้องสาวตัวน้อย’ ตัวเธอเองไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง แต่ฮั่วเสี่ยวเหวินฟังแล้วไม่สบายใจ เธอเด็กขนาดนั้นเลยหรือ? หากเป็ตอนที่ยังไม่ทะลุมิติมา เฉินอวี่โหรวต่างหากที่เป็เด็กในสายตาเธอ
“มีอะไรไหม้หรือเปล่า?” คำพูดของจางเจียิทำให้เฉินอวี่โหรวต้องรีบวิ่งกลับเข้าครัว แย่แล้วๆ ลืมไปว่าทิ้งกับข้าวไว้ในกระทะ
อาหารถูกยกขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็ว เฉินอวี่โหรวยกอาหารออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก ฮั่วเสี่ยวเหวินคีบบะหมี่ที่หนายิ่งกว่าตะเกียบขึ้นมา สายตาที่มองเฉินอวี่โหรวแทบจะมีไฟพ่นออกมา
เฉินอวี่โหรวใช้ตะเกียบเขี่ยบะหมี่ในชามไม่หยุด “ขอโทษด้วย ฉันทำอาหารไม่ค่อยเป็”
ฮั่วเสี่ยวเหวินต้องยอมจำใจ ผักสุกแค่ครึ่งเดียว แตงกวาไหม้เป็ถ่าน แค่นี้ก็แย่พอแล้ว บะหมี่ยังจะเกลือเยอะขนาดนี้อีก นี่เธอแค่ ‘ทำไม่ค่อยเป็’ จริงหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้