“เ้าค่ะ ท่านย่า”
หรานอิ่งชุนก้มหน้า มือทั้งสองประสานกันแน่น นางเล่าเหตุการณ์ในไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วยแววตาจริงจัง
“เช่นนั้น หากเป็ตามที่เ้าว่า บนร่างของเสี่ยวเยว่จะต้องมีรอยดาบใช่หรือไม่?” ฮูหยินผู้เฒ่าหรานเดินเข้ามาช้าๆ
“เ้าค่ะ ข้าเห็นดาบแทงเข้าไปที่นางกับตา ไม่ผิดแน่” หรานอิ่งชุนพยักหน้า
“เสี่ยวเยว่ มานี่” ฮูหยินผู้เฒ่าหรานพูดด้วยเสียงเฉียบคม
“เ้าค่ะ” เสี่ยวเยว่เดินเข้ามาและคุกเข่าลงกับพื้น
“ทุกคนหันหลังไปให้หมด หากข้าเห็นว่าผู้ใดไม่ทำตาม ข้าจะควักลูกตาออกมาเสีย” ฮูหยินผู้เฒ่าหรานจ้องมองเสี่ยวเยว่แล้วสั่งการ
คนรับใช้และสตรีรับใช้ที่เฝ้าดูพากันหันกลับไป เวินซีลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ไม่หันกลับ และเลือกที่จะดูสถานการณ์
ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองนางแต่มิได้สนใจ นางมองไปที่เสี่ยวเยว่ “ถอดเสื้อผ้าของเ้าออกเสีย”
“นี่มัน...ฮูหยินผู้เฒ่า มิได้นะเ้าคะ หากถอดออก ความบริสุทธิ์ของข้าก็ไม่เหลือแล้วน่ะสิ” เสี่ยวเยว่หันหลังขัดขืน
“คนในตระกูลเดียวกันทั้งนั้น ไม่ถือว่าเป็การทำลายความบริสุทธิ์ของเ้าหรอก ให้ข้าดูสิว่ามีแผลหรือไม่ ดูว่านางโกหกหรือไม่ เร็วเข้า ถอดออก อย่าให้ข้าต้องให้ผู้อื่นถอดให้เ้านะ”
“เ้าค่ะ” เสี่ยวเยว่มีสีหน้ามุ่ยลง นางเริ่มถอดเสื้อผ้าด้วยความจำยอม
ไม่นาน บนร่างกายของนางก็มีเพียงผ้ารัดหน้าท้อง นางค่อยๆ เปิดผ้ารัดหน้าท้องออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียน ไม่มีรอยาแใดๆ
“เป็ไปมิได้ ข้าเห็นจริงๆ ไม่มีทาง เ้ามิใช่เสี่ยวเยว่ใช่หรือไม่? เ้าเป็ผู้ใดกัน?” แววตาของหรานอิ่งชุนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ นางปีนขึ้นไปจับแขนเสี่ยวเยว่ไว้แน่นแล้วเอ่ยถามเสียงแข็ง
เสี่ยวเยว่เมินนางและค่อยๆ ใส่เสื้อผ้ากลับไปทีละชิ้น
“เ้ามีคำใดจะพูดอีก? เข้ามา จับนางไว้ ส่งไปที่ห้องใต้ดิน!”
“ขอรับ”
คราวนี้ไม่ว่าหรานอิ่งชุนจะพูดอันใดก็ไม่มีผู้ใดสนใจอีกแล้ว นางถูกคนลากตัวไปอย่างรุนแรง
ต่อจากนั้นสายตาของทุกคนก็หันไปมองที่เวินซี
แววตาของเวินซีนั้นไร้หนทาง หลังจากที่มองหรานอิ่งชุน นางก็ส่งสายตาว่าจะรอ นางหลบเลี่ยงการดักจับของคนรับใช้ไปได้ทั้งหมด พลันออกจากจวนหรานไป
ฮูหยินผู้เฒ่าหรานจ้องมองไปยังตำแหน่งที่นางหายตัวไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
หลังจากนั้นไม่นานก็โบกมือเรียกสตรีชราที่อยู่ข้างๆ
“รีบไปบอกตระกูลเหลียงว่าผู้ที่ทำร้ายเหลียงฝูหรู่อยู่ที่เมืองนี้ ให้เขาไปจับนางเสีย”
“เ้าค่ะ”
สตรีชราถอยตัวออกไป ส่วนคนของตระกูลหรานก็ค่อยๆ ทยอยกันกลับไปทำงาน
......
หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดติดตามมา เวินซีก็กลับมาที่เวินเซียงเก๋อ เข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อน
ในห้อง ต้วนจิงเย่ถูกสืออีพาตัวออกไปแล้ว ยามนี้จึงเหลือเพียงจ้าวต้านคนเดียว
เมื่อเห็นนางกลับมาคนเดียว จ้าวต้านก็ลุกขึ้นนั่งพลันถามอย่างสงสัย “หรานอิ่งชุนล่ะ? ซูเหอบอกว่าเ้าพานางออกไป ตระกูลหรานรู้ตัวตนนางแล้วหรือ?”
“เปล่าเ้าค่ะ นางถูกคนตระกูลหรานจับตัวไป เสี่ยวเยว่สตรีรับใช้ส่วนตัวของนางยังไม่ตาย นางบอกว่านางปลอดภัยดี ทั้งยังบอกว่าสตรีอีกนางหนึ่งคือหรานอิ่งชุน ทำให้ทุกคนล้วนเชื่อนาง”
เวินซีเดินไปที่โต๊ะ รินน้ำแก้วหนึ่งพลันดื่มจนหมดอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเยว่มิได้ตายหรือ?” สายตาของจ้าวต้านเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พลันมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้ามองเวินซีอย่างจริงจัง “เื่นี้เ้าอย่าไปยุ่งจะดีกว่า ระวังจะโดนลากเข้าไปเอี่ยว”
พวกเขาไม่รู้จักหรานอิ่งชุน จึงไม่รู้ว่าผู้ใดคือตัวจริง หากคนที่พวกเขาเจอเป็ตัวปลอมล่ะ...
“นางกำลังรอให้ข้าไปช่วยนางอยู่ จะไม่สนใจได้เช่นไร อีกอย่าง หากนางเป็ตัวจริง ก็ถือว่าเราได้ช่วยหลานสาวแม่ทัพหราน ถึงตอนนั้นเขาจะต้องขอบคุณท่านแน่” เวินซีนั่งลง
“เช่นนั้นเ้ามีความคิดใดบ้างหรือไม่?”
“ถือว่ามีล่ะเ้าค่ะ เราให้ทหารลับไปตรวจสอบพื้นเพของเสี่ยวเยว่ก่อน จากนั้นก็ตรวจสอบฮูหยินผู้เฒ่าหราน ข้าคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าผู้นี้ดูแปลกๆ”
ตามคำบอกเล่าของหรานอิ่งชุน นางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮูหยินผู้เฒ่าหราน เหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าถึงไม่เข้าไปตรวจสอบนางเอง แต่กลับฟังคำของเสี่ยวเยว่
“ได้ ข้าว่าตามเ้า” จ้าวต้านพยักหน้ารับ
“เ้าค่ะ เื่นี้เราค่อยว่ากันวันพรุ่ง ท่านพักผ่อนเถิด ข้าจะออกไปซื้อยา เดี๋ยวจะมาฝังเข็มให้”
“คืนนี้ข้าจะหาวิธีทำให้เนี่ยนหานกู่สงบ”
“ได้สิ” เมื่อรู้สึกได้ถึงความใส่ใจของนาง จ้าวต้านก็ตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม
“ไปนอนเถิดเ้าค่ะ ข้าจะออกไปแล้ว” เวินซีลุกขึ้นแล้วเดินออกไปที่ประตู
“เวินซี” จู่ๆ จ้าวต้านก็เรียกนาง
“มีอันใดหรือ?” เวินซีหยุดแล้วหันไปมองเขา
“อยู่ห่างจากต้วนจิงเย่ไว้ เขามิได้มีเจตนาดี มิได้เป็คนอย่างที่เ้าเห็น” จ้าวต้านก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตนถึงพูดเช่นนั้นออกไป
เขารู้เพียงว่าหากไม่พูดออกไป เมื่อได้เห็นเวินซีและต้วนจิงเย่อยู่ด้วยกัน ในใจของตนจะรู้สึกแสนทรมาน
“ทราบแล้วเ้าค่ะ เพียงแต่ว่าเขาาเ็ ข้าจะไม่สนใจเขามิได้ เมื่อเขาอาการดีขึ้นแล้วข้าจะรักษาระยะห่าง วางใจเถิดเ้าค่ะ ข้ารู้ดีว่าทำอันใด ท่านอย่าลืมสิ ข้าเองก็มิได้เป็อย่างที่เขาเห็นเช่นกัน” เวินซียิ้มให้เขา
จ้าวต้านพยักหน้าด้วยความโล่งอก
“รีบไปรีบกลับนะ” เขาพูดเบาๆ พลันเอนตัวลงบนเตียง
เวินซีก้าวออกจากห้องไป
ที่ทางเดิน โจวอวี่ชางวิ่งมาด้วยสีหน้าดำมืดไปที่สวนหลัง เมื่อเห็นเวินซีที่กำลังจะเดินออกไป เขาก็รีบวิ่งมาหานาง
“เวินซี ช้าก่อน” เขาเอ่ยรั้ง
“มีอันใดหรือเ้าคะ?” เวินซีหันกลับมาพลันเดินไปหา
“ดูนี่สิ” โจวอวี่ชางยื่นกระดาษในมือให้นาง
เวินซีรับไปด้วยความสงสัย
สิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนี้คือประกาศคำสั่งจับตัว ส่วนคนที่อยู่บนประกาศก็คือนาง
ในประกาศระบุว่านางสมรู้ร่วมคิดกับพวกอันธพาล มีเจตนาร้าย พยายามหลอกลวงตระกูลหรานแต่ถูกจับได้ นางยังหลบหนีไปใส่ร้ายเหลียงฝูหรู่ทำให้เขาได้รับาเ็และต้องรักษาตัวอยู่จนถึงตอนนี้
“เื่ที่เกิดขึ้นกับเหลียงฝูหรู่...เ้าเป็คนทำหรือ?” โจวอวี่ชางถามอย่างระมัดระวัง แววตาของเขาแอบหวังว่าจะมิใช่ฝีมือนาง
“ข้าทำเองเ้าค่ะ” เวินซียอมรับตรงๆ นางมองดูจำนวนเงินรางวัลก็ยิ้ม “หนึ่งร้อยตำลึง ข้ามีราคาดีอยู่นะเ้าคะ”
“ยามนี้ปัญหามิได้อยู่ที่เ้าราคาดีหรือไม่ เื่ที่ต้องทำคือเราต้องคิดว่าจะหลบหนีคำสั่งจับตัวจากตระกูลหรานและตระกูลเหลียงได้เช่นไร”
“่นี้เ้าอยู่ที่สวนหลังไปก่อน อย่าได้ออกไปโผล่หน้าข้างนอก หลบการจับตามองจากคนอื่น ข้าจะหาวิธีแก้ปัญหาให้”
โจวอวี่ชางมองนางอย่างเป็กังวล
ทันทีที่มีประกาศคำสั่งออกมา ก็มีเ้าหน้าที่อำเภอเข้าร่วมด้วย ยามนี้พวกเขาจำต้องซ่อนตัวไปก่อน
“หลบมิได้หรอกเ้าค่ะ เวินเยียนอยู่ที่นี่ นางต้องหาวิธีบอกตระกูลเหลียงกับตระกูลหรานว่าข้าอยู่ที่เวินเซียงเก๋อแน่” เวินซีขยำประกาศเป็ก้อนพลันโยนลงพื้น นางพูดอย่างสบายๆ
โอกาสดีๆ เช่นนี้ เวินเยียนไม่มีทางพลาดแน่
“นางรู้ได้เช่นไร?” โจวอวี่ชางใพลันถามอย่างไม่ทันได้คิด
“แม้ข้าจะมิได้โผล่หน้าในร้าน แต่เมื่อพูดถึงหม้อไฟ ชานม ผู้ใดจะคิดมิได้บ้างว่าผู้ริเริ่มคือข้า? ไม่ต้องพูดถึงเวินเยียนหรอกเ้าค่ะ ข้าจะหาที่ซ่อนเอง ไม่ต้องห่วงข้าหรอกเ้าค่ะ”
“ก็ได้” เวลานี้โจวอวี่ชางไม่มีทางอื่นนอกจากเห็นด้วยกับนาง
ทั้งสองกำลังจะไปที่โถงหน้าด้วยกัน แต่ทันใดนั้นก็มีคนรับใช้วิ่งโซเซเข้ามา เมื่อเห็นทั้งสองคน เขาก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นอีก
เขาหยุดฝีเท้าที่เบื้องหน้าของโจวอวี่ชาง พลันเอ่ยปากอย่างตื่นตระหนก
“จ่างกุ้ย แย่แล้วขอรับ เ้าหน้าที่ล้อมร้านเราไว้หมดแล้วขอรับ”