ในตอนนั้นข้ามีอายุห้าขวบ เขาอายุหกขวบ ตอนนั้นข้าโดนเด็กหลายคนรังแก เขาเข้ามาช่วยข้าไว้ทำให้พวกเราได้รู้จักกัน
เขาในตอนนั้นน่ารักมาก
ต่อมาถึงได้พบว่าพวกเราสองตระกูลผูกพันกันมาหลายชั่วอายุคน พวกเราจึงกลายเป็สหายที่คุยกันได้ทุกเื่
ข้ากับเขาเรียกได้ว่าเป็คู่รักในวัยเด็ก
่เวลาดีๆ เกิดขึ้นได้ไม่นาน ตระกูลพวกเราโดนสังหาร หนึ่งตระกูลสิบเจ็ดคน มีเพียงเขาที่หนีออกมาได้
ตอนที่เขามาเจอข้า ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเืและยังมีาแอีกหลายรอย เขามาเพื่อบอกลาข้า บอกว่าต้องไปจากที่นี่
เขาได้รับาเ็หนัก ข้าจึงตัดสินใจไปกับเขาด้วย อาจเป็เพราะข้ารู้ว่าตอนนั้นหากข้าไม่ไปด้วย การจากลาครั้งนั้นคงเป็การจากลาตลอดชีวิต
ตอนนั้นเขามีอายุสิบสี่ปี
เพราะเป็แบบนั้น พวกเราสองคนจึงออกมาใช้ชีวิตด้วยกันั้แ่ยังเด็ก และหนีมาถึงหุบเขาสุขาวดี
หุบเขาสุขาวดีคือสถานที่ไร้กฎเกณฑ์ แต่ก็เป็สถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยโอกาส เขากล้าหาญและยอดเยี่ยมมาก เพียงไม่นานพวกเราก็สร้างชื่อเสียงขึ้นที่นี่ ได้รู้จักผู้คนมากมาย ได้รับความเคารพนับถือจากใครหลายๆ คน
“หลังจากนั้นก็เข้ามาในสุสานแห่งนี้ เ้าน่าจะรู้เื่แล้วใช่ไหม!”
“อืม”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า
“เ้าจะต้องบอกเขาว่า ข้าเต็มใจรับพลังโจมตีนั้นแทนเขา อย่าให้เขาโทษตัวเอง”
นางเน้นย้ำประโยคนี้อยู่ตลอด ให้เสิ่นเสวียนไปบอกาามารตะวันตกให้ได้
“เ้าไม่ได้ติดอยู่ที่นี่หรอกหรือ” เสิ่นเสวียนถาม
“ไม่เลย ตอนนั้นที่นี่ยังไม่มีค่ายกล แล้วข้าโดนคนลอบโจมตี...”
“ดังนั้นเ้าก็เลยรับพลังโจมตีนั้นแทนเขา เ้าตายไปแล้ว ส่วนเขารอดชีวิต แล้วคนที่ลอบโจมตีล่ะ” เสิ่นเสวียนเพิ่งเข้าใจเื่ทั้งหมด เป็เขาที่เข้าใจผู้เฒ่าจี๋เล่อผิดไป
“เขาตายไปแล้วเช่นกัน โดนเสี่ยวสือโถวฆ่าตาย”
นางมองไปยังสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลนัก คนผู้นั้นน่าสังเวชยิ่งกว่า สามสิบปีผ่านไปกระดูกผุสลายโดนลมพัดหายไปหมดแล้ว
“เฮ้อ!”
“คนตายไปแล้ว ผ่านมานานมากแล้ว ข้าช่วยเ้าไม่ได้จริงๆ”
เสิ่นเสวียนมองนาง เขาอยากช่วยนางมากจริงๆ แต่กาลเวลาและพลังยุทธ์ของเขาไม่อนุญาต แม้ตอนนี้จะมีพลังยุทธ์ขั้นเซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์ เขาก็ยังมิอาจช่วยนางได้อยู่ดี
“ข้ารู้ ขอบใจเ้ามาก เ้านำคำของข้าออกไปบอกเขาได้ ข้าก็พอใจมากแล้ว” ขณะที่กล่าว ร่างจิติญญาของนางที่เลือนรางอยู่แล้วยิ่งเบาบางลงไปอีก
“เ้าต้องบอกเสี่ยวสือโถวให้ได้นะ ขอร้องล่ะ”
ประโยคสุดท้ายดังออกมาจากด้านข้างศิลาดอกท้อ แล้วค่อยๆ จางหายไป
นางเลือนหายไปแล้วจริงๆ
เสิ่นเสวียนยืนอยู่ข้างๆ ศิลาดอกท้อ จ้องมองความว่างเปล่าตรงจุดที่นางเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้เงียบๆ
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็เื่ธรรมดาของมนุษย์ ในฐานะเซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์ เขาคุ้นชินกับเื่นี้มานานแล้ว ตอนนี้เขากำลังคิดว่าจะบอกาามารตะวันตกอย่างไรดี
หลังจากนั้นราวสิบลมหายใจ เสิ่นเสวียนถึงกล่าวกับอากาศว่างเปล่าตรงหน้า
“เ้าวางใจเถอะ ข้าจะบอกเขาอย่างแน่นอน”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็เก็บกระดูกที่พื้นรวมไปถึงหินที่ทับอยู่เข้าไปในมิติทั้งหมดเพื่อพานางกลับออกไป
“เกิดความผูกพันอย่างนั้นหรือ”
เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ดังออกมาจากในมิติ
เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยนกำลังฝึกฝนอยู่ นางแค่ให้ความช่วยเหลือเสิ่นเสี่ยวเม่ย เื่ที่เกิดขึ้นนี้นางเห็นอยู่ตลอด เพียงแต่ไม่กล่าวอะไรออกมาเท่านั้น
“เปล่า แค่รู้สึกเสียใจ”
เสิ่นเสวียนเงยหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นก็ยิ้มออกมา
“ท่านไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ” เสิ่นเสวียนถามเสวียนหลิงเอ่อร์
“ไม่หรอก เห็นมามาก ชินชาไปเสียแล้ว”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวออกมาจากในมิติ จากน้ำเสียงของนางฟังออกได้ว่า นางไม่ได้เสียใจเหมือนกับเสิ่นเสวียน
“ไปกันเถอะ ข้าต้องออกไปจากสุสานแล้ว ท่านจะตามออกไปจริงๆ ใช่ไหม” เสิ่นเสวียนถามเสวียนหลิงเอ่อร์อีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นก็ไปกันเลย
เสิ่นเสวียนมองไปรอบๆ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอะไรแล้ว เขาจึงเดินออกจากป่าท้อไปอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้น คลื่นพลังมิติที่คุ้นเคยพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า ร่างของใครคนหนึ่งเดินผ่านป่าท้อออกมา พลางมองหาไปรอบๆ โดยไม่มีจุดหมาย
เริ่นเสี้ยวเทียนนั่นเอง คนตรงหน้าก็คือเขา
“สหายเริ่น เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เสิ่นเสวียนะโถามเริ่นเสี้ยวเทียนที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นเขาก็หายตัวไปปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเริ่นเสี้ยวเทียน
“สหายเสิ่น? เ้าหายไปไหนมา”
เริ่นเสี้ยวเทียนเห็นเสิ่นเสวียนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา จึงถามออกไปทันที
“เกิดเื่ขึ้นเล็กน้อย เอ๋? พลังยุทธ์ของเ้าถึงขั้นราชันระดับสูงสุดแล้วหรือ”
เสิ่นเสวียนมองเริ่นเสี้ยวเทียน ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ใช่ ข้าเจอสถานที่ยอดเยี่ยมมากในการฝึกฝน ก็เลยฝึกฝนมาตลอดจนถึงตอนนี้”
เริ่นเสี้ยวเทียนรู้สึกดีใจมาก ไม่ได้สนใจที่เสิ่นเสวียนมองออกถึงพลังยุทธ์ของตนเอง เขารู้ดีถึงความน่ากลัวของเสิ่นเสวียน มองออกเช่นนี้ไม่ได้ผิดปกติอะไร
“เ้ามาที่นี่เพื่อตามหาร่างของเด็กสาวคนนั้นใช่ไหม”
เริ่นเสี้ยวเทียนมองเสิ่นเสวียนพลางถาม
เดิมทีเขาสามารถฝึกฝนต่อไปได้จนถึงเวลาสุสานปิด แต่ระหว่างฝึกฝนเขาพบว่าสุสานไม่ได้ปิดตัวลง ก็เลยฝึกฝนไปเรื่อยๆ แต่เมื่อคิดไปถึงภารกิจที่าามารตะวันตกมอบหมายให้พวกเขา เขาจึงละทิ้งการฝึกฝนเข้ามาที่นี่เพื่อตามหาร่างของเด็กสาวผู้นั้น
เมื่อสองเดือนก่อนเขาเข้ามาตามหาที่นี่แล้ว แต่ค่ายกลแปลกๆ ของที่นี่ทำให้เขาติดอยู่ด้านใน ทำอย่างไรก็ออกไปไม่ได้
หากไม่ใช่เพราะวิธีการฝึกฝนที่เสิ่นเสวียนถ่ายทอดให้ เขาคงหิวตายไปนานแล้ว
“ข้าหาเจอแล้ว พวกเรารีบออกไปกันเถอะ”
เสิ่นเสวียนชื่นชมเริ่นเสี้ยวเทียนเป็อย่างมาก สามารถต้านทานความ้าในการฝึกฝน เข้ามาตามหาร่างของเด็กสาวที่นี่โดยไม่ห่วงชีวิตตนเอง จิตใจเช่นนี้คือเหตุผลที่เสิ่นเสวียนให้ความสำคัญกับเขา
“ไม่ได้ พวกเราออกไปไม่ได้เลย ป่าแห่งนี้แปลกประหลาดมาก ข้าเดินไปเดินมากว่าสองเดือนแล้วยังหาทางออกไปไม่ได้เลย”
ผู้เฒ่าจี๋เล่อที่ยืนอยู่้าได้เห็นดังนั้นก็รู้สึกมั่นใจมาก แต่พอนึกถึงที่เสิ่นเสวียนเพิ่งทำลายค่ายกลทั้งหมดของเขาไปด้วยหมัดเดียว ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
“ออกได้แล้ว”
เสิ่นเสวียนส่งยิ้มลึกลับให้เริ่นเสี้ยวเทียน จากนั้นก็เงยหน้ามองผู้เฒ่าจี๋เล่อ เขาไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่ส่งสายตาให้กับผู้เฒ่าจี๋เล่อเล็กน้อย
ค่ายกลในป่าท้อถูกเขาทำลายไปแล้ว เขา้าบอกผู้เฒ่าจี๋เล่อว่า ตอนนี้ถ้าไม่ปิดสุสานแล้วส่งพวกเขาออกไป คงต้องทำลายสุสานแล้วออกไปแทน
เริ่นเสี้ยวเทียนมองท้องฟ้าเหมือนกัน แต่สิ่งที่เห็นกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย
ร่างจิติญญาของผู้เฒ่าจี๋เล่อซ่อนตัวไปแล้ว หากเขาไม่อยากให้ใครเห็น ไม่มีทางที่ใครจะเห็นเขาได้
ผู้เฒ่าจี๋เล่อที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าแม้จะไม่พอใจ แต่ก็เริ่มปิดสุสานด้วยตนเอง
ขณะนั้น คนอื่นๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ภายในสุสานพลันรู้สึกได้ถึงพลังรุนแรงพวยพุ่งออกมาจากมิติ กระชากร่างของพวกเขาออกไป
จี๋เล่อน้อยและคุณชายน้อยซูร่างโชกไปด้วยเื อยู่ใกล้กับแอ่งน้ำ
สถานการณ์ของทั้งสองคนตกอยู่ในอันตราย จระเข้เขี้ยวดาบสามตัวกำลังล้อมโจมตีพวกเขาอยู่ ทิ้งร่องรอยาแทั้งเล็กและใหญ่ไว้บนร่างของพวกเขา
แม้จะมีศาสตราวิเศษขั้นปฐีอยู่ในมือ แต่ต้องเผชิญหน้ากับจระเข้เขี้ยวดาบสามตัว ก็ยังคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี มีเพียงต้องทนต่อความพ่ายแพ้เท่านั้น
“ขอโทษด้วย ข้าไม่น่ามาด้วยเลย”
คุณชายน้อยซูโดนจระเข้เขี้ยวดาบกัดเข้าที่ต้นขา ทำให้เืไหลนองราวกับสายน้ำ ตอนนี้ทั้งสองคนหันหลังชนกันอยู่ พลางมองจระเข้เขี้ยวดาบสามตัวกำลังย่างสามขุมเข้ามา
“เหลวไหล ได้ตายอยู่ที่นี่นับว่าเป็การตายที่มีเกียรติมากแล้ว”
จี๋เล่อน้อยแววตาเยือกเย็น เขาไม่หวั่นไหวแม้ต้องเผชิญหน้ากับความตาย
ในขณะนั้นเอง มีพลังรุนแรงพุ่งเข้ามาซัดจระเข้เขี้ยวดาบสามตัวนั้นกระเด็นออกไป จากนั้นทั้งสองคนก็โดนพลังนั้นกระชากออกไปจากท้องฟ้า
สุสานปิดลงแล้ว ทุกคนที่มีชีวิตอยู่จะถูกกระชากกลับออกไปด้านนอก นอกเสียจากติดอยู่ในค่ายกลบางอย่างจนมิอาจออกไปได้
ในชั่วขณะนั้น คนที่เหลือเพียงร้อยกว่าคนเหาะออกจากสุสานไปอย่างรวดเร็ว
เสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนไม่ได้โดนพลังเ่าั้รบกวน
เสิ่นเสวียนมองไปบนท้องฟ้าพลางกล่าว “ภายหน้าพวกเราจะได้พบกันอีก”
ขณะที่กล่าว เขาดึงร่างของเริ่นเสี้ยวเทียนให้เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยกัน
ใจกลางทะเลสาบ เขตกู่ซวี หุบเขาสุขาวดี
ทางเข้าออกที่สงบนิ่งมานานกว่าครึ่งปีเกิดคลื่นพลังมิติขึ้น พลังน่ากลัวมากมายพุ่งออกมาจากถ้ำ แสดงให้เห็นว่าสุสานกำลังจะปิดตัวลง
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบริมทะเลสาบมานานพลันตื่นตัวขึ้นทันที และพากันมองไปทางปากถ้ำ
การต่อสู้แย่งชิงครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ฟุ่บ!
มีร่างของคนผู้หนึ่งเหาะออกมาจากปากถ้ำ