“เซวียนเซวียนมีความคิดดีๆ เช่นไรไหนบอกอาเ้ามาเสีย” หูเหยียนซูวางงานในมือลงแล้วตั้งใจฟังจิ่นเซวียนบอกวิธีทำเงินที่นางบอกมา
“ท่านอาเขย หลายปีมานี้งานก่อสร้างของท่านถือว่ามีชื่อเสียงแล้ว พวกนายท่านคหบดีเ่าั้เห็นถึงฝีมือและคุณสมบัติของท่าน จึงยอมจ่ายหนักเชิญไปต่อเติมบ้าน ข้าคิดว่าพวกท่านอาสามารถตั้งหน่วยงานของท่านเอง แล้วดึงคนมีความสามารถโดดเด่นมาเข้าร่วมกับพวกเราเ้าค่ะ”
จิ่นเซวียนวางแผนให้ท่านอาเขยจัดตั้งกลุ่มก่อสร้าง รวมการออกแบบ ก่อสร้างและตกแต่งไว้ในที่เดียว พวกเขาจะได้ไม่ต้องปันส่วนกำไรก่อสร้างให้ผู้ใด
“ไม่คิดว่าเซวียนเซวียนจะรู้เื่พวกนี้ด้วย” หูเหยียนซูตะลึงกับความรู้ของจิ่นเซวียน ตอนแรกเขาคิดว่าจิ่นเซวียนทำธุรกิจไม่เป็ แต่ฟังนางพูดแล้วก็รู้สึกสมเหตุสมผล
คนในปกครองยินดีติดตามเขาเพราะเขาใจกว้าง ให้ค่าแรงสูงกว่าผู้อื่น
“ท่านอาเขย นอกจากจะต้องตั้งกลุ่มก่อสร้างแล้วยังควรเรียนออกแบบบ้านและออกแบบเครื่องเรือนด้วยเ้าค่ะ ถึงจะดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น และหากเราผูกสัมพันธ์อันดีกับพวกร้านค้าวัสดุอุปกรณ์เอาไว้จะเป็เื่ดีเ้าค่ะ เช่นนี้แล้วเราก็จะตั้งหลักในธุรกิจนี้ได้เ้าค่ะ” ชาติก่อนจิ่นเซวียนทำงานด้านสื่อเป็หลัก ในฐานะนักโฆษณาาุโนางต้องคลุกคลีกับธุรกิจมากมาย แม้จะมิได้เชี่ยวชาญแต่ก็พอมีความรู้ นางมีบริษัทด้านสื่อไม่ต่ำกว่าหนึ่งถึงสองแห่ง นี่คือเหตุผลว่าทำไมพี่ชายถึงสนใจทรัพย์สินของนาง
หากท่านอาเขยอยู่ยุคปัจจุบันต้องเป็นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มือดีแน่
เขามีมันสมองและรู้วิธีใช้มันหาเงิน
“ข้าออกแบบบ้านได้นิดหน่อย แต่ออกแบบเครื่องเรือนไม่เป็ ข้าไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจนัก” หูเหยียนซูอุ้มบุตรสาวเดินไปลานบ้านหารือกับจิ่นเซวียน
หากตั้งตัวได้ก็ไม่ต้องออกไปวิ่งเต้นหางาน เขาอยากใกล้ชิดภรรยากับลูกให้มากขึ้น อยากอยู่เคียงข้างพวกนางทุกเวลา
“ท่านอาเขย ข้าออกแบบเครื่องเรือนได้ หากท่านไม่รังเกียจข้ายินดีวาดภาพเครื่องเรือนให้ท่านสักชิ้นสองชิ้นเ้าค่ะ ท่านสามารถนำมันไปขายให้ร้านเครื่องเรือนที่ท่านรู้จัก ข้ารับรองว่าพวกเขาจะสนใจมันเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนวางแผนขายแบบภาพเพื่อเก็บเงินมาเป็สินสมรส
“เ้าฉลาดใฝ่รู้ั้แ่เล็ก หากเป็ชายต้องได้ตำแหน่งจอหงวนแน่” หูเหยียนซูไม่สงสัยที่จิ่นเซวียนรู้เื่พวกนี้ ท่านปู่จิ่นเซวียนเป็ซิ่วไฉ สอนหนังสือให้ั้แ่นางเริ่มพูดได้ จิ่นเซวียนเลยท่องกวีเป็ั้แ่สามขวบ คอยสร้างความสุขให้ซย่าคุนยิ่งนัก
เมื่อจิ่นเซวียนโตขึ้นก็ไม่ได้ทิ้งวิชาพวกนี้ นางมีทั้งหนังสือตำราแพทย์ หนังสือเกษตรและบทกวีแทบทุกประเภท
“ท่านอาเขย ในห้องหนังสือท่านมีกระดาษหรือไม่เ้าคะ?ข้าจะวาดแบบให้ท่านดู” จิ่นเซวียนเด็ดขาด พูดจริงทำจริง ท่านอาเขยรู้จักผู้คนมากมาย ไม่แน่แบบเครื่องเรือนนางอาจขายได้ราคาดี
“มี ข้าจะพาเ้าไป” หูเหยียนซูเอ่ยแล้วจูงลูกสาวไปห้องหนังสือกับจิ่นเซวียน
หลังเปิดห้องหนังสือก็อุ้มลูกสาวไปหาภรรยา
ห้องหนังสือ!
จิ่นเซวียนฝนหมึกเตรียมไว้และนั่งนึกแบบเครื่องเรือนหน้าโต๊ะหนังสือ นางตัดสินใจวาดเลียนแบบโต๊ะไม้พับได้ จากที่นางรู้โต๊ะยุคนี้จะถูกตรึงอยู่กับที่ หากนางเปิดตัวโต๊ะพับได้เช่นนี้ต้องขายดีแน่
“ฮ่าๆ งานสำเร็จลุล่วง” จิ่นเซวียนใช้เวลาวาดแบบไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เมื่อนางหยิบแบบภาพเดินไปหาหูเหยียนซูกับภรรยา พวกเขาก็เตรียมอาหารรอขึ้นโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ท่านอาเขย ท่านอาเล็ก พวกท่านช่วยดูแบบที่ข้าวาดได้หรือไม่เ้าคะ”
จิ่นเซวียนส่งภาพให้หูเหยียนซูดู เขาตะลึงค้างไป โต๊ะประหลาดเช่นนี้ เขาเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก
“ท่านอาเขย โต๊ะนี้พับได้เ้าค่ะ เก็บวางไว้มุมห้องเมื่อไม่ใช้ ไม่เปลืองเนื้อที่ ตอนอยากใช้ค่อยหยิบออกมากางเ้าค่ะ”
จิ่นเซวียนอธิบายให้ท่านอาเขยฟังตามจุดที่ชี้ในภาพ
“โต๊ะพับได้จะทำออกมาได้หรือ?” ซย่าชุนอวิ๋นสงสัย
“ท่านอาเล็ก บ้านท่านมีไม้ใช่หรือไม่เ้าคะ?ข้าสามารถทำตามแบบได้ พอข้าผลิตออกมาเรียบร้อยแล้ว ท่านค่อยนำสินค้าไปเสนอขายร้านเครื่องเรือนพวกนั้น จะได้น่าเชื่อถือขึ้นเ้าค่ะ” หูเหยียนซูเก็บแบบภาพอย่างระวัง จิ่นเซวียนเก่งนัก นอกจากคิดแบบภาพเช่นนี้แล้วยังใช้เวลาร่างเพียงครู่เดียวอีก
“หากทำออกมาได้ พวกเราก็รวยแล้ว” ซย่าชุนอวิ๋นเอ่ยดีใจ “เซวียนเซวียน เ้าช่างมีความสามารถนัก สมกับเป็หลานสาวของข้า”
ซย่าชุนอวิ๋นตักข้าวให้จิ่นเซวียนอย่างเอาใจ
“ข้าทำซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานหมูที่เ้าชอบ เ้าทานเยอะๆ เล่า”
“ขอบคุณท่านอาเล็กเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนรับตะเกียบจากซย่าชุนอวิ๋นอย่างมีความสุข นางสบายใจที่ได้อยู่กับครอบครัวเช่นนี้ ั้แ่ข้ามมิติมา หาคนดีๆ ได้ยากนัก!
“ท่านอาเขย ข้ายังมีแบบอื่นอีกเ้าค่ะ หากโต๊ะพับได้ขายดี พวกเราแบ่งกันคนละครึ่งนะเ้าคะ”
“เงินที่ได้มาต้องเป็เงินของเ้า ขอแค่เ้ามีชีวิตที่ดี ข้ากับอาเล็กก็วางใจแล้ว”หูเหยียนซูไม่อยากได้เงินจากความคิดของจิ่นเซวียน จากประสบการณ์เขารู้ดีว่าภาพร่างนี้มีมูลค่ามากเพียงใด
สมัยนี้คนไม่โลภหายากยิ่งนัก ปีนั้นท่านปู่นำของตกทอดของแม่นางให้ท่านอาเล็กเก็บรักษา ท่านอาก็ไม่มีใจคิดคด นับประสาอะไรกับครานี้
บางที ท่านอาเขยผู้นี้อาจเป็คู่ค้าที่ดีที่สุดของนาง
“ท่านอา ท่านทำอาหารเหล่านี้เองหรือเ้าคะ?หอมยิ่งนัก!” จิ่นเซวียนหยิบตะเกียบเริ่มทาน
ญาติผู้น้องคีบเนื้อวางในชามนาง “พี่สาวทานเนื้อเ้าค่ะ”
“หานเอ๋อร์ก็ทานด้วย” ส่วนจิ่นเซวียนคีบลูกชิ้นเนื้อให้น้อง
“เซวียนเซวียน ขาของซ่งจื่อเฉินาเ็มาหลายปีแล้ว คงฟื้นตัวได้ยาก ข้ากังวลว่าเขาจะเป็ภาระของเ้า” ระหว่างทานอาหารซย่าชุนอวิ๋นยกเื่แต่งงานขึ้นมาพูดอีกครั้ง นางไม่อยากให้จิ่นเซวียนแต่งกับซ่งจื่อเฉินจริงๆ
“ซ่งผิงคนนั้นเป็คนมีคุณธรรม เขาเอาใจใส่ลูกภรรยาคนแรกอย่างดี ไม่น่ารังแกเซวียนเซวียนหรอก” หูเหยียนซูรู้ดี ต่อให้จิ่นเซวียนอยากถอนหมั้น อาเขยเช่นเขาก็ไม่อาจยื่นมือไปแทรกแซงเื่ในบ้านซ่งได้
“วันนี้ข้าพบซ่งผิงแล้ว ก่อนกลับเขาให้เงินข้ามาสิบตำลึงไปซื้อของที่ชอบเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนบอกเื่ที่ซ่งผิงให้เงินนางกับหูเหยียนซูและท่านอาเล็ก พวกเขาจึงวางใจ
พวกเขาหวังว่าซ่งจื่อเฉินจะหายในเร็ววัน เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของจิ่นเซวียน
“ท่านพ่อ ข้าอยากกินผักเ้าค่ะ” หานเอ๋อร์น้อยแขนสั้นคีบผักไม่ถึงเลยให้ท่านพ่อช่วย
ชีวิตครอบครัวของท่านอาเล็กมีความสุขยิ่ง จิ่นเซวียนยินดีแทนพวกเขานัก
หลังทานอาหารที่บ้านท่านอาเล็กเสร็จ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว แต่เวลานี้ซย่าจิ่นอวิ๋นกลับยกกะละมังไปซักอาภรณ์ริมแม่น้ำ ตอนผ่านประตูบ้านหยวนเฉิงหู่ นางก็ยิ้มทักทายหยวนเฉิงหู่ที่อยู่ใต้ต้นดอกไม้แดง
“พี่อาหู่ วันนี้ท่านไม่ตัดฟืนหรือเ้าคะ?”
“ข้ากับท่านพ่อเพิ่งไปเก็บถั่วแขกมา อวิ๋นเอ๋อร์ดึกเพียงนี้แล้ว เ้ายังไปซักอาภรณ์อีกหรือ” ความจริงแล้วหยวนเฉิงหู่อยากถามซย่าจิ่นอวิ๋นว่าจิ่นเซวียนสบายดีหรือไม่ แต่เขาไม่กล้าเพราะท่านพ่อนั่งล้างมืออยู่ใต้ต้นไม้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้