จุนห่าวอยู่ในเทศะสักพักแล้วจึงออกมา เขาขยับร่างกายเล็กน้อย เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและไม่รู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้งเหมือนตอนที่ยังไม่ฟื้น
เสี่ยวไป๋บอกกับเขาว่า เพราะเขาเพิ่งจะฟื้น จึงทำให้รู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง และเป็เพราะิญญาของเขายังไม่ผสานรวมกับร่างกายนี้อย่างสมบูรณ์ด้วย เสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า ิญญาของเขากับร่างกายนี้ เข้ากันได้อย่างลงตัวพอดี ใช้เวลาปรับตัวเพียงแค่ครู่เดียว ก็จะสามารถใช้ร่างนี้ได้ดั่งใจปรารถนา ที่ตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลาย คงเป็เพราะิญญาของเขากับร่างกายนี้ผสานรวมเป็หนึ่งเดียวกันแล้ว ตอนนี้ร่างนี้เป็ของเขาโดยสมบูรณ์ แม้แต่ผู้เก่งกาจก็คงดูไม่ออกว่าเขากำลังสิงร่างนี้อยู่
จุนห่าวลุกยืนข้างเตียง เหยียดแขน และเตะขาด้วยท่าต่อสู้ง่าย ๆ จุนห่าวรู้สึกว่าสมรรถภาพของร่างกายนี้ไม่เลวเลยทีเดียว เขาเชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน สมรรถภาพของร่างกายจะยิ่งดีขึ้นอีก เพราะจุนห่าวไม่ใช่พลเมืองของแผ่นดินชางหลาน เขาจึงไม่ได้รู้ลึกซึ้งมากพอที่จะฝึกฝนตัวเองเพื่อให้เป็ผู้ฝึกปราณให้ได้ขนาดนั้น เขาไม่ใช่ร่างเดิมที่อยากจะเป็ผู้ฝึกปราณ ในเมื่อพร์มีน้อย คงต้องใช้เวลาถึง 10 ปี จุนห่าวครุ่นคิด เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ในเมื่อไม่อาจเป็ผู้ฝึกปราณได้ แต่เขายังสามารถฝึกการใช้อาวุธได้ การฝึกอาวุธจะต้องมีความมุมานะในการฝึกเป็อย่างมาก ทว่าสิ่งที่จุนห่าวกลัวที่สุด คือ ความยากลำบาก แต่ถ้าเขากลัวความลำบาก ก็คงไม่อาจเป็ทหารมาได้หลายปี
จุนห่าวเชื่อมั่นว่า สิ่งที่ปรารถนาจะสามารถประสบความสำเร็จได้ อย่างที่มีสุภาษิตว่าไว้ ‘ทนในสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้ ถึงจะเป็คนเหนือคน’
หลังจุนห่าวขยับร่างกาย ก็พลันรู้สึกหิวขึ้นมา เขาไม่ได้กินอะไรเลยั้แ่เมื่อวาน จึงไม่แปลกถ้าเขาจะหิว ขณะที่เขากำลังคิดจะออกไปหาอะไรกิน ก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นพอดี ประตูเปิดมาพร้อมคนรับใช้ผู้ที่มีใบหน้ากลมก้าวเข้ามา หนุ่มน้อยผู้นี้เป็หนึ่งในคนรับใช้สองคน ณ จวนของจุนห่าว เขามีนามว่า ซานสี่ อายุ 14 ปี เป็ซวงเอ๋อร์ เพราะครอบครัวของเขามีฐานะยากจนจึงขายซานสี่ให้กับตระกูลจุนในฐานะคนรับใช้ ส่วนคนรับใช้อีกคนมีนามว่า หลี่ว์ซิ่ว อายุ 15 ปี หลี่ว์ซิ่วถูกส่งมาเพื่อรับใช้และดูแลชีวิตประจำวันของร่างเดิม แม้ว่าร่างเดิมจะมีพร์ในการบำเพ็ญเพียรอ่อนด้อย แต่เขาก็ยังเป็นายน้อยสายตรงของตระกูลจุน จึงต้องมีคนรับใช้ และหลังจากที่เขาแต่งงาน ทางตระกูลจึงส่งซานสี่เพื่อมาดูแลหานรุ่ย แต่เพราะร่างเดิมเกลียดห่านรุ่ย จึงสั่งไม่ให้ซานสี่ไปดูแล และปล่อยให้หานรุ่ยดูแลตัวเอง
เมื่อซานสี่เห็นจุนห่าวยืนอยู่ข้างเตียง จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจว่า “นายน้อย ท่านฟื้นแล้ว! ดีจริง ๆ ข้าคิดว่าท่านจะไม่ฟื้นขึ้นมาซะแล้ว”
“ทำไมล่ะ ข้ายังโชคดีอยู่นะ” จุนห่าวกล่าว “มีอะไรให้ข้ากินบ้าง ข้าหิวแล้ว”
“มี...มีขอรับ ข้าเตรียมมื้อกลางวันไว้แล้ว นายน้อย ท่านจะออกไปทาน หรือจะทานในห้องนอนนี้” ซานสี่ถามกลับ ซานสี่เข้ามาเพื่อดูว่าจุนห่าวฟื้นหรือยัง หากจุนห่าวยังไม่ฟื้น เขาตั้งใจจะไปเชิญหมอมาตรวจ แม้ว่าคนที่พานายน้อยกลับมาจะบอกว่า จุนห่าวไม่ได้เป็อะไร เพียงแค่สลบไปเท่านั้น แต่ซานสี่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ พลางคิดในใจว่า ชีวิตของนายน้อยช่างน่าสงสารเสียจริง แม้าเ็ก็ยังไม่มีใครเหลียวแล อันที่จริงนายน้อยก็เป็คนดีคนหนึ่ง แค่เพียงเพราะเขามีพร์ด้านการบำเพ็ญเพียรอ่อนด้อยเท่านั้น ั้แ่เขาอยู่ที่นี่มาครึ่งปี นายน้อยไม่เคยทำให้เขาลำบากใจเลยสักครั้ง
“เดี๋ยวข้าออกไปกินละกัน” จุนห่าวตอบ พูดจบจุนห่าวก็เดินออกไป เขาอยู่แต่ห้องนอนนี้ และไม่เคยได้ออกจากห้องเลย จุนห่าวใช้ความทรงจำของร่างเดิมนำทางเขามายังห้องครัว บนโต๊ะในห้องโถงเล็กที่อยู่ด้านนอกของห้องครัว มีสำรับเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว มีข้าวหนึ่งชาม, ซุปหนึ่งอย่าง และกับข้าวสามอย่าง เป็อาหารแบบมังสวิรัติสองอย่าง และอาหารคาวอีกหนึ่งอย่าง ในสายตาของจุนห่าว อาหารดูไม่เลวเลยทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับลูกหลานตระกูลจุนทั้งหมด มื้ออาหารนี้กลับดูเรียบง่ายธรรมดาที่สุด
“นายหญิงกินข้าวแล้วหรือยัง?” จุนห่าวเอ่ยถามขณะนั่งลง เขารู้ว่าร่างเดิมไม่กินข้าวพร้อมหานรุ่ย จึงไม่แปลกใจที่ไม่เห็นหานรุ่ยที่นี่
“ไม่ทราบขอรับ นายหญิงไม่กินข้าวพร้อมพวกเรา เขาหากินเอง” ซานสี่ตอบ ซานสี่ฉุกคิดขึ้นมาว่า เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยกันนะ ทำไมจู่ ๆ ถึงถามถึงนายหญิงล่ะ อย่าบอกนะว่านายน้อยเกิดจำไม่ได้ขึ้นมา เขาเป็คนพูดเองนี่ ว่าไม่ให้ไปยุ่งเื่อาหารการกินของนายหญิง? นายหญิงอยู่แต่ในห้องสำหรับอนุภรรยา น้อยครั้งนักที่จะออกมา เขาเคยแอบดูนายหญิงอยู่บ้าง ต้องคอยประคองท้องใหญ่ ๆ เพื่อทำอาหารอยู่เพียงคนเดียว ไม่ใช่เื่ง่ายเลย ครั้นเมื่อเขาพูดว่าอยากจะช่วย นายน้อยก็ไม่อนุญาต เขาดีกับทุกคน แต่กลับโหดร้ายกับนายหญิงเพียงผู้เดียวซะอย่างนั้น
จุนห่าวไม่ให้คนรับใช้คอยดูแลหุงหาอาหารให้หานรุ่ยจริงในความทรงจำ พอได้ยินซานสี่บอกมาเช่นนี้ เขายิ่งรู้สึกว่าร่างเดิมนี่ใช้ไม่ได้เลย ตัวเองไม่สนใจหานรุ่ยไม่พอ ยังจะไม่ให้คนอื่นสนใจอีก จุนห่าวไม่มีอารมณ์จะกินข้าวแล้ว เขาให้ซานสี่พาเขาไปหาหานรุ่ย
จุนห่าวออกจากห้องโถงใหญ่เพื่อไปยังห้องอนุภรรยาที่หานรุ่ยพักอยู่ ณ เวลานั้น หานรุ่ยกำลังกินข้าวด้วยกับข้าวแบบง่าย ๆ โดยมีหมั่นโถวหนึ่งลูกกับผัดผักอีกหนึ่งจาน
“นายหญิง นายน้อยมาหาขอรับ” ซานสี่กล่าวต่อหานรุ่ยซึ่งกำลังกินข้าวอยู่
พอซานสี่พูดจบ หานรุ่ยจึงเงยหน้าขึ้นมา จุนห่าวจึงได้ยลโฉมของซวงเอ๋อร์ที่ขี้เหร่ที่สุดในตำนาน ใบหน้าคมเข้มเด่นชัดที่อยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ แม้จะดูซีดเผือดและสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีไปบ้าง แต่ในสายตาของจุนห่าว หายรุ่ยกลับดูหล่อเหลา เปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งและมีมาดของชายชาตรี ซึ่งตรงสเปกของจุนห่าวทุกอย่าง เขารู้สึกว่าตัวเองใจเต้นตึกตักไม่หยุด
จุนห่าวชอบผู้ชาย...ชอบผู้ชายที่แข็งแกร่งสมชายชาตรี เขาไม่ชอบผู้ชายแนวหนุ่มน้อยหน้าหวาน ซึ่งนี่ก็เป็อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาครองความโสดมาตลอด 30 ปี ใครที่ได้เห็นจุนห่าวล้วนแต่อยากจะเข้าใกล้เขา แต่จุนห่าวยังบริสุทธิ์และครองความโสดมาตลอด เมื่อจุนห่าวได้เห็นหานรุ่ยก็รู้เลยว่าตัวเองจบเห่ละ เขาตกหลุมรักหานรุ่ยั้แ่แรกเห็น จากที่แต่เดิมตั้งใจจะดูแลหานรุ่ยเพียงเพราะหน้าที่ แต่ตอนนี้เขาอยากจะดูแลหานรุ่ยด้วยใจจริง ในเมื่อตอนนี้หานรุ่ยคือภรรยาของเขา ต่อจากนี้ไป หานรุ่ยจะต้องเป็ภรรยาของเขา...ของจุนห่าวผู้นี้เท่านั้น! ของดีแบบนี้ตกถึงมือแล้ว เขาจะไม่มีวันปล่อยไปเด็ดขาด!