ร่างกายของอวี๋มู่นี้ได้รับการฝึกวรยุทธ์มาแรมปี จนเป็นาฬิกาชีวิตที่มีนิสัยตื่นเช้า ดังนั้นเมื่อฟ้าเริ่มสาง เขาก็ลืมตาตื่น
อรุณยามเช้าของป่าเขา เดิมน่าจะสดชื่นกระปรี้กระเปร่า แต่อวี๋มู่กลับทำจมูกฟึดฟัด และขมวดคิ้ว
เพราะในถ้ำยังคงมีกลิ่นคาวจางๆ ลอยคลุ้งอยู่ ไม่อาจทำราวกับเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อวี๋มู่นอนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ ตรงอกมีคนนอนทับอยู่หนึ่งคน
ชีพจรตรงขมับเขาเต้นตุบๆ แทบอยากจะบีบเว่ยจวินหยางที่นอนทับเขาอยู่ให้ตายคามือ แต่พอเห็นใบหน้าที่นอนหลับฝันสบายอยู่ เขาจึงทนไว้
ใช่ เ้าหมอนี่หลังจากที่กลืนกินเขาทั้งตัวเสร็จแล้วก็คืนกลับไปอยู่ในร่างเด็กไร้เดียงสา มองไปก็รู้สึกทั้งอ่อนโยนทั้งน่ารักน่าชัง ทำให้อวี๋มู่ที่เป็คนรักเด็กลงมือไม่ลง
หากว่าเขาไม่ได้กลายเป็เด็ก…...หากไม่ใช่เพราะภารกิจล่ะก็……
อวี๋มู่ลุกขึ้นพร้อมกับกัดฟันกรอด รู้สึกถึงบางอย่างในร่างกายที่ผิดปกติ
ตัวแข็งทื่อทันใด เขาโมโหจนตัวสั่น จ้องเขม็งไปที่เว่ยจวินหยางในอ้อมอก กำหมัดจนเสียงกระดูกดังกรอบแกรบ แทบอยากจะตบให้ตายคาฝ่ามือเสียจริง!
ถึงอย่างไรก็ตาม เขาต้องไปล้างเนื้อล้างตัว ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เขาวางเว่ยจวินหยางไว้อีกทาง อวี๋มู่เค้นความทรงจำของเ้าของร่างเดิม แล้วต่อข้อมือที่เคลื่อนอยู่กลับเข้าที่ เจ็บจนเหงื่อซึมบนหน้าผาก
ครั้งนี้ไม่รู้ทำไม หลังจากเมื่อคืน เขาเริ่มมีความทรงจำของเ้าของร่างเดิมขึ้นมาแล้ว
นี่มีส่วนช่วยอย่างมากที่จะทำให้เขาใช้ความสามารถของร่างเดิมได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเข็ดฟันกับความทรงจำที่ผ่านมาของเ้าของร่างนี้เสียจริง
เมื่อวานเขาเพิ่งมาถึงโลกนี้ ภาพประทับใจแรกพบที่มีต่อเว่ยจวินหยางถือว่าไม่เลว แล้วยังรู้สึกว่าคนๆ นี้แม้จะเป็ตัววายร้าย แต่ดูท่าแล้วน่าจะเป็เด็กที่มีจิตใจเมตตาเหมือนเหลียงเสี่ยวหาน
แต่หลังจากตกนรกจากเหตุการณ์เมื่อวานแล้วยังมีความทรงจำของเ้าของร่างที่พึ่งรับรู้มา เขารู้สึกว่าจำเป็ต้องยึดคำวิจารณ์ที่บอกว่าเว่ยจวินหยางไร้เดียงสาก่อนหน้านี้กลับมา
ตัววายร้าย เว่ยจวินหยาง ในโลกนี้ช่างสุดแสนจะโรคจิต บ้าคลั่ง
เขาช่างเหมาะสมกับการเป็ปรมาจารย์พรรคมารตามชื่อ เผาฆ่าปล้นสะดมเื่ไม่ชั่วไม่ทำ ชื่นชอบการเข่นฆ่าคนที่เขาไม่ถูกชะตา ความซาดิสก์โหดร้ายในการร่วมรัก
อวี๋มู่ในยุทธภพได้รับการขนานนามว่าเป็คุณชายมู่ กระบี่เมฆาวิสุทธิ์ แต่ในสำนักชิงอีเขาเป็เพียงนายบำเรอที่ต้องสนองตัณหาและไม่มีเกียรติ
ตอนนั้นเว่ยจวินหยางบอกว่ามือเขาสวย ชอบประสานมือตัวเองไว้กับมือเขา ทั้งฉุดทั้งยื้อ ข้อต่อจึงหลุด จากนั้นพอต่อกลับ ก็ดึงหลุดอีก
รอจนเขาสนุกพอแล้ว สีหน้าของอวี๋มู่ก็ซีดขาว เหงื่อซึมทั่วศรีษะ
นานวันเข้า ความทนทานต่อความเ็ปของเ้าของร่างเดิมก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้น ความทนทานเช่นนี้ก็ส่งต่อให้กับอวี๋มู่ในตอนนี้ด้วย
ส่งผลให้เขายังพอมีเรี่ยวแรงจับทั้งตัวเองและเว่ยจวินหยางใส่เสื้อผ้าหลังจากเหตุการณ์ไร้สาระเมื่อคืน ลากกันออกจากถ้ำในสภาพปวกเปียก
คำนวณดูแล้ว สิ่งที่เว่ยจวินหยางทำกับเขามื่อวาน นับว่าเป็ครั้งแรกของเว่ยจวินหยางด้วย
ถึงอย่างไร จากความทรงจำของเ้าของร่างเดิม แต่เดิมเว่ยจวินหยางไม่เคยโปรดปรานนายบำเรอแม้แต่ผู้เดียว เขารู้สึกรังเกียจ ดังนั้นจึงเพียงมองดูพวกเขาเ็ปทุรนทุราย แค่นั้นเขาก็รู้สึกถึงจุดสุดยอดอย่างน่าประหลาด
แต่เื่ที่แย่งชิงความบริสุทธิ์ของเว่ยจวินหยางไม่ได้ทำให้อวี๋มู่รู้สึกดีใจแต่อย่างใด เขายังคงโมโหจนอยากฆ่าเว่ยจวินหยางอยู่ดี
เขาคือชายแท้ เป็ชายแท้ทั้งแท่ง
แต่เมื่อวานกลับถูกบังคับ…
ขณะที่คิด อวี๋มู่ก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาดอมดมอย่างไม่รู้ตัว วินาทีที่รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไร เขาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ…
“บ้าจริง! ” เขาโมโหจนเตะก้อนหินที่อยู่ข้างตัว แต่กลับออกแรงมากจนกระทบกระเทือนกับส่วนด้านหลังที่บวมเป่ง เจ็บจนต้องแทบร้องขอชีวิต ฉับพลันเขาหน้าเปลี่ยนสี วนครบั้แ่ส้มเหลืองเขียวน้ำเงินม่วง
เดินผ่านลำธารที่เดินมาเมื่อวาน อวี๋มู่เปลือยกาย เหยียบเข้าไป จากนั้นอาบน้ำชำระล่างกายด้วยท่าทีแสนจะอึดอัด
ฤดูร้อนเช่นนี้อาบน้ำเย็นไม่เป็ไร แต่ตอนนี้เขาเข่าอ่อนมาก จึงรีบอาบให้เสร็จแล้วขึ้นมา สวมกางเกงและรองเท้าเรียบร้อย เปลือยกายท่อนบนและแกะผ้าพันแผลที่เปื้อนเืไปทั้งผืนออก
หลังผ่านการทารุณไร้มนุษยธรรมจากเว่ยจวินหยางมาเมื่อคืน แผลของเขาแย่ลงกว่าเดิม
ตอนที่แกะออก ผ้านั้นติดแผล เจ็บจนอวี๋มู่ต้องสูดหายใจลึก
หลังซักผ้าพันแผลจนสะอาด พันแผลเสร็จ เขานำเสื้อตัวในสีขาวที่นับว่ายังสะอาดอยู่พับเป็เส้น โปะสมุนไพรที่ปากแผลแล้วพันไว้ ผ้าที่เหลือมาพันคอ ยึดกระดูกไว้กับหน้าอก บดบังร่องรอย
จนเมื่อพันเสร็จ เขาก็สวมเสื้อเกราะแข็งแรงสีดำทับ รัดเข็มขัด แล้วมองดูเงาตัวเองสะท้อนในน้ำ อวี๋มู่รู้สึกว่าในที่สุดตัวเองก็ดูเหมือนคนขึ้นมาบ้าง
[โฮสต์ครับ เมื่อคืน…...คุณสบายดีใช่ไหมครับ? ] อวี๋มู่ที่ยังคงยืนส่องเงาตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงเ้าระบบที่จู่ๆ ก็หายหัวไปั้แ่เมื่อคืน ตอนแรกคือชะงัก ถัดจากนั้นเริ่มโกรธ
เขาถามกลับ : นายว่าอย่างไรล่ะ?
[ผมรู้สึกว่า...น่าจะฮ่าๆๆๆๆๆ…...] ระบบพูดได้ครึ่งเดียว ทันใดนั้นก็ปล่อยเสียงหัวเราะก๊ากเหมือนคนบ้า
อวี๋มู่ : หัวเราะบ้าอะไร!
[ไม่ใช่ ไม่ใช่ครับ โฮสต์ ผมไม่ได้หัวเราะเยาะคุณนะ ผมเพียงแต่ปลื้มใจอย่างยิ่งที่วิดีโอคลิปที่ผมเคยส่งให้ ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์แล้ว]
ยิ่งพูดถึงเื่นี้ สีหน้าของอวี๋มู่ยิ่งมืดมนสนิท : นายคงรู้ว่าทำไมเมื่อวานเขาถึงทำแบบนั้นใช่ไหม?
ระบบรู้ว่าตัวเองเริ่มไม่สมเหตุสมผล จึงรีบอธิบายกับอวี๋มู่
[ผมตรวจค้นแล้ว รู้มาว่าพิษดอกเสน่หานั่นคล้ายกับยาโป๊สมัยนี้ครับ แต่ว่าเข้มข้นกว่า อีกทั้งพิษยังร้ายแรงกว่า คนที่ถูกพิษนี้เข้าหลังจากมีสัมพันธ์กับใคร ถัดจากนั้นเขาต้องมีเพศสัมพันธ์กับคนผู้นั้นวันเว้นวัน ไม่อย่างนั้นไข้สูงจะไม่ลด ชีพจรแตกซ่านจนตายได้ครับ]
อวี๋มู่ : …ระบบ เราพอจะเจรจาเื่เปลี่ยนโลกให้ฉันได้ไหม?
เมื่อถึงจังหวะแบบนี้เมื่อไหร่ ระบบจะแสดงออกอย่างแน่วแน่เป็พิเศษ [ขออภัยด้วยครับ โฮสต์ โลกพวกนี้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนได้กลางทาง คุณมีเพียงสองทางเลือก หนึ่งคือถอดใจกับภารกิจ กลับไปโลกปัจจุบัน ถ้าแบบนั้นชีหย่วนก็มีเพียงการตายหนทางเดียว ทางเลือกที่สองคือเอาชนะใจเว่ยจวินหยางต่อไป เติมคะแนนความประทับใจให้เต็มเพื่อไปยังโลกถัดไปครับ]
อวี๋มู่ : ทำไมฉันรู้สึกว่าระบบหยวนเมิ่งกำลังแกล้งฉันล่ะ? หรือไม่นายเปลี่ยนชื่อเป็ระบบเปลี่ยนชายแท้ให้เป็วายไปเลยก็ได้นะ ขืนเป็แบบนี้ต่อไป ฉันรู้สึกว่าตัวเองคงต้องถูกเว่ยจวินหยางทรมานตายก่อน
เขาฟังออกว่าระบบกำลังกลั้นหัวเราะ [อะแฮ่ม เป็ไปไม่ได้หรอกครับ โฮสต์ต้องมองให้กว้าง การร่วมรักก็แค่การแสดงความรักกัน นี่จะต้องเพิ่มเื่คะแนนความประทับใจได้แน่นอน อีกอย่าง ว่าไปแล้วร่างนี้ก็ไม่ใช่ของคุณสักหน่อย จะถูกกระทำสักหลายสิบรอบก็ไม่เห็นจะเป็ไรเลย]
อวี๋มู่ถอนหายใจ : นายพูดได้ถูกต้อง หรือไม่ก็ให้นายมาแทน?
แม้ว่าจะได้รับการปลอบใจน้อยนิดจากระบบ แต่ศักดิ์ศรีชายชาตรีของเขาก็ถูกเว่ยจวินหยางปู้ยี่ปู้ยำหมดสิ้นไปเมื่อคืนแล้ว อวี๋มู่รู้สึกว่าผ่านอุปสรรคนี้ไปได้อย่างยากเย็นเหลือเกิน
ระบบรีบปฏิเสธเขา [แทนไม่ได้ๆ ครับ]
อวี๋มู่ไม่ได้ตอแยกับเขาต่อ เขาเก็บกระบี่เมฆาวิสุทธิ์เข้าที่เอว ระหว่างทางกลับก็เก็บผลไม้ที่ดูทรงพอจะกินได้ เดินตุปัดตุเป๋กลับไปที่ถ้ำ
แต่พอกลับมาถึงปากถ้ำ กลับพบว่าเว่ยจวินหยางหายตัวไปแล้ว เขาขมวดคิ้ว อุ้มผลไม้วิ่งหาจนรอบทิศ ทันใดนั้นด้านหลังก็มีเสียงเคลื่อนไหว สัญชาตญาณอันตรายพุ่งเข้าสมอง ผลไม้หล่นพื้น มือเขาจับไปที่กระบี่เมฆาวิสุทธิ์เตรียมรับการต่อสู้
[โฮสต์อย่าพึ่งขยับ! เว่ยจวินหยางเองครับ! ]
ระบบพูดขึ้น เขาจึงยั้งมือ จากนั้นรู้สึกหนักตรงบ่า มือเล็กเย็นคล้องไว้ที่คอเขา เต็มไปด้วยพลังงานอัดแน่น
เว่ยจวินหยางเอาขาเกี่ยวคออวี๋มู่ไว้แน่น วางอกบนหัวเขา ทั้งๆ ที่จิตสังหารรุนแรงชัดเจน แต่พอออกเสียงกลับกลายเป็เสียงเด็กน้อยใสแจ๋ว
“อวี๋มู่ ทำไมเ้าต้องช่วยชีวิตข้าด้วย? ” เขาหรี่ตามอง แล้วเอ่ยถาม “เ้าถูกแต่งตั้งเป็คุณชายทั้งห้าแห่งสำนัก เ้าสารเลวทั้งสี่คนนั่นล้วนทรยศข้า เ้ากับพวกเขาอยู่ด้วยกันทุกเมื่อเชื่อวัน แต่กลับเลือกที่จะพาข้าหนี เ้ากำลังวางแผนอะไรกันแน่? ”
หลอดลมถูกเด็กน้อยขย้ำอยู่จนรู้สึกเจ็บ อวี๋มู่เบะปาก เดิมก็โมโหที่ไอ้บ้านี่ทำหื่นกามใส่ แต่พอได้ยินเสียงเด็ก กลับโมโหไม่ลง
เขาบ่นกับระบบ : ระบบ นายดูเขาถามสิ ฉันเองก็คิดไม่ออก ทั้งๆ ที่เขาทำแบบนั้นกับฉัน แล้วทำไมยังต้องช่วยเขาอีก?
[ถ้าแบบนั้นก็ต้องสร้างเื่ขึ้นมาสิครับ! คนอย่างเว่ยจวินหยางเป็คนขี้ระแวงสงสัยอยู่แล้ว หากคุณตอบได้ไม่ดี เขาคงจะจัดการคุณจริงๆ! อย่าเห็นว่าเขาเป็เพียงเด็กน้อยเพราะธาตุไฟเข้าแทรก แต่พลังของเขายังคงอยู่สามส่วน แล้วตอนนี้คุณอยู่ในฐานะผู้ถูกกระทำแบบนี้ เขานึกอยากฆ่าโฮสต์ก็ไม่ใช่เื่ยากเลย! ]
อวี๋มู่ : …...แล้วเมื่อกี้นายสั่งให้ฉันห้ามขยับทำไม? นายตลบหลังฉันงั้นเหรอ?
[ผมไม่ได้ทำนะ ไม่ได้ทำ โฮสต์พูดบ้าๆ ]
อวี๋มู่ : …...ถ้าอย่างนั้นนายลองบอกฉันสิว่า คะแนนความประทับใจของเขาตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่?
[ดำสนิทครับ]
มารดามันเถอะ! เมื่อวานเขาถูกกระทำชำเราได้น่าเวทนาขนาดนั้น แต่กลับดำหมดงั้นเหรอ??
ยิ่งกว่าสุนัข เว่ยจวินหยาง!
“ทำไมไม่พูดล่ะ? ” เว่ยจวินหยางขมวดคิ้ว ออกแรงที่มือมากกว่าเดิม “ตอบคำถามข้ามา”
อวี๋มู่เหมือนคิดไปเองว่าหัวตัวเองกำลังจะหลุดจากบ่า นึกย้อนไปถึง ‘คุณูปการ’ แต่เดิมของเว่ยจวินหยาง เขาก็รู้สึกขนลุกซู่ในใจ
ดังนั้นเขาจึงคิดเหตุผลที่ดูไม่ค่อยจงใจออกมา พูดอย่างเคารพ “เพราะท่านคือนายท่านของข้า”
“......” เว่ยจวินหยางชะงัก ฉับพลันหัวเราะเยือกเย็น “น่าขัน ข้าก็เป็นายท่านของคุณชายทั้งสี่ ทั้งยังเป็ประมุขสำนักชิงอี แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหักหลังข้า ลำพังแค่คำพูดของเ้าจะมาโน้มน้าวข้า เ้าไม่รู้สึกว่ามันน่าขันหรืออย่างไร? ”
“……” อวี๋มู่รู้สึกว่าตัวเองนั้นนิสัยดีมากแล้ว แต่พอข้ามมาโลกนี้เจอเข้ากับเว่ยจวินหยาง เขาแทบอยากผ่ากะโหลกเ้าหมอนี่ออกมาดูสักหน่อย ว่าข้างในใส่อะไรบ้าบอไว้กันแน่
หากเขาอยากฆ่าเว่ยจวินหยางจริง ยังต้องรอจนถึงตอนนี้งั้นเหรอ? จัดการเก็บเขาั้แ่เมื่อวานตอนที่สลบไสลไม่ได้สติซะก็จบ
บอกแล้วว่าจงรักภักดี นายยังไม่เชื่อ แล้วอยากได้ยินว่าอะไร?
แต่เผชิญหน้ากับเป้าหมายที่เป็คนบ้า อวี๋มู่ตัดสินใจต้องอดทนให้มาก เอ่ยถาม “ต้องทำอย่างไรนายท่านถึงจะยอมเชื่อข้า? ”
ั์ตาดำขลับของเว่ยจวินหยางส่องประกาบวาบ เอ่ยเสียงเยือกเย็น “เ้าต้องตัดนิ้วแม่มือขวา แล้วข้าจะยอมเชื่อเ้า”
เขาไม่มีความทรงจำเมื่อวาน รู้เพียงว่าตัวเองถูกอวี๋มู่พาออกมาจากสำนักชิงอี ส่วนเขาเหมือนจะแก้พิษแปลกประหลาดนั่นได้แล้ว ไม่รู้สึกเ็ปเป็ไข้ แต่นี่ไม่ได้แปลว่าเขาต้องเชื่ออวี๋มู่จนหมดใจ
เขารู้ตัวดีว่าแต่ก่อนเขาปฏิบัติตัวต่อคุณชายทั้งห้าเลวร้ายแค่ไหน อวี๋มู่ที่เป็หนึ่งในพวกเขามาช่วยชีวิตเขาไว้ นับเป็เื่ที่เกินความคาดหมายอย่างมาก
อันที่จริงเขาเอนเอียงไปทางความคิดที่อยากจะฆ่าอวี๋มู่ซะเดี๋ยวนี้ แต่ไม่รู้ทำไมวินาทีที่จะลงมือกลับรู้สึกลังเล เปลี่ยนเป็แค่ล็อกคออีกฝ่ายไว้แล้วบีบบังคับเขาให้ตอบคำถามน่าขันพวกนี้
ตอนนี้เขา้าดูว่าอวี๋มู่จะยอมทำเพื่อเขาจนถึงขั้นไหน
คุณชายมู่ กระบี่เมฆาวิสุทธิ์หมกมุ่นกับศิลปะการต่อสู้ ใช้วิชากระบี่ชั้นยอด หากตัดนิ้วแม่มือที่เป็มือข้างที่ถนัด ก็เท่ากับทำลายฝีมือของเขาไปครึ่งหนึ่ง และเท่ากับเป็การทำลายอนาคตของเขาด้วย
หากว่าอวี๋มู่ทำได้ ก็จะเชื่อใจเขา
อันที่จริงเขาออกจะคาดหวัง ถึงขั้นรู้สึกตื่นเต้น
เดิมทีเขาเป็ถึงเ้าสำนักชิงอี สถานะสูงส่ง คนมากมายประจบสอพลอเขา ไม่ต้องพูดถึงแค่ตัดนิ้ว ต่อให้ทำลายวรยุทธ์ ทำลายเส้นเอ็นแขนขา คนพวกนั้นยังเลือกกระทำโดยไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย
แต่เว่ยจวินหยางรู้ว่าสิ่งเ่าั้ล้วนเป็ของเท็จ ไม่มีใครจะจริงใจต่อเขา มนุษย์ล้วนอนิจจัง ย่อมมีความละโมบและเห็นแก่ตัว เพื่อได้รับผลประโยชน์และอำนาจพวกเขาสามารถสวมหน้ากากต่างๆ นานา เบื้องหน้าพวกเขาประจบสอพลอ แต่เื้ัไม่รู้ว่าด่าทอเขาอย่างไรบ้าง
พอมาตอนนี้ เขาไร้ซึ่งทุกสิ่งอย่าง เพราะธาตุไฟเข้าแทรกพลังแกร่งกล้าทั้งหมดจึงลดลงเหลือเพียงสามส่วน จนมาตอนนี้ถึงขั้นต้องอยู่ในกายหยาบของเด็ก ตัวเองที่เป็เช่นนี้ ในยามนี้ยังจะมีคนที่จะยอมปล่อยวางอนาคตเพื่อพิสูจน์ “ความจงรักภักดี” ที่มองไม่เห็นและััไม่พบอย่างนั้นหรือ?
เขาสงสัยว่าอวี๋มู่จะทำหรือไม่ แต่ก็แน่ใจว่าอวี๋มู่ไม่มีทางทำแน่
เพราะความจริงใจ ซื่อสัตย์ และความจงรักภักดี สำหรับเว่ยจวินหยางนั้นไม่ต่างอะไรกับมูลสัตว์
เขาไม่เชื่อเื่พวกนี้ ถึงขั้นทิ้งพวกมันไปแล้ว
ดังนั้น อวี๋มู่ ตัดสินใจมาซะ
หนึ่งคือยอมตัดนิ้วเพื่อข้า สองคือต่อต้านเพื่อตัวเ้าเอง
เลือกสองเถอะ เลือกสอง หากเลือกสองข้าจะได้ฆ่าเ้าเสีย ณ ที่แห่งนี้ นิ้วของข้าจะทิ่มแทงเข้าไปยังคอของเ้าแล้วบดทำลายหลอดลมของเ้าให้แหลกละเอียด หรือบางทีข้าอาจจะใช้ขาของข้าหักคอของเ้า ไม่นาน ไม่มีอะไรเ็ปหรอก
เลือกสิ เลือกสิ
มาเถอะ เลือกเลย
------------------------------------------------------------------------------------------------