นางจางอ้าปากหวอ “จริงหรือ?”
หากสามารถได้ทั้งโรงเต้าหู้สกุลเสิ่นและจัดการเสิ่นม่านนังคนชั้นต่ำนั่นได้ ช่างสาแก่ใจยิ่งนัก!
นางไม่ชอบขี้หน้าเสิ่นม่านมานานแล้ว! แม้แต่ในฝันยังฝันว่าเล่นงานนางจนชักดิ้นชักงอ!
จางซิ่วอวิ๋นยกยิ้มมุมปาก จากนั้นโน้มตัวกระซิบกับนางจางอยู่พักหนึ่ง
มุมปากของนางจางยกโค้งขึ้นสูงและอดไม่ได้ที่จะชม
“ล้ำเลิศ! ตกลง! เช่นนั้นวันนี้ข้าจะอดทนก่อน ปล่อยให้นางชั้นต่ำนั่นจองหองอีกครึ่งวัน! รอวันหน้านางเข้าสกุลจางของข้า ข้าจะต้องทำให้นางรู้ซึ้งว่า หญิงชราอย่างข้าไม่ได้รังแกได้ง่ายๆ!”
ทั้งสองมีแผนในใจ จากนั้นกลับเข้าโถงบรรพชนอย่างสุขใจ
หลังจากทั้งสองออกไปได้ไม่นาน มุมด้านล่างกำแพงที่หักครึ่งมีศีรษะขนาดเล็กโผล่เรียงกันออกมาสามหัว
เสี่ยวตงขมวดคิ้วโมโหกัดฟันกรอด “หญิงร้ายกาจสองคนนี้ กล้าคิดไม่ซื่อกับโรงทำเต้าหู้ของเรา ช่างหน้าไม่อาย!”
เสี่ยวหลานมองพี่ชายด้วยความกังวล จากนั้นเอ่ย “พี่ จะทำอย่างไรกันดี? พวกนางคิดจะวางแผนกับท่านอาและท่านลุงหนิง เรารีบไปบอกพวกเขาดีกว่า”
ต้าเป่าเองก็ใบหน้ายับยู่ยี่ มือสองข้างยันคางไว้ “แต่ว่า ท่านแม่กำลังยุ่งกับการปรุงอาหารทางนั้น เราไปเรียกนาง เกิดสองคนนั้นเห็นเข้าจะทำอย่างไร?”
ก็จริง อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น
สมองของเสี่ยวตงแล่นฉิว ดวงตาเป็ประกายเ้าเล่ห์
“พวกนางตั้งใจเล่นงานครอบครัวเราไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็ซ้อนแผน สับเปลี่ยนให้พวกนางได้รับผลกรรมเสียเอง!”
ต้าเป่าที่ไม่รู้ว่าฟังเข้าใจหรือไม่ เพียงได้ยินคำพูดนี้ก็ตบมืออย่างยินดี “พี่ชาย! สำนวนของท่านพูดออกมาได้ดีเหลือเกิน! อ้อ ไม่สิ… เื่ดีๆ แบบนี้ให้ข้าร่วมด้วยนะ!”
เสี่ยวตง “…” น้องชายเ้ามักจะจับประเด็นผิดอยู่เรื่อย แต่ถือว่ามีคุณสมบัติพื้นฐานในการทำเื่ใหญ่โต
เสิ่นตงซานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ตกลง ถึงเวลาเ้าก็ร่วมมือกับข้า”
เสี่ยวหลานก็ชูมือทั้งสองข้างเพื่อขอเข้าร่วม “ยังมีข้าด้วย! ข้าก็จะลงโทษผู้หญิงชั่วสองคนนั้น!”
อืม! น้องสาวก็เก่งใช้ได้! เสี่ยวตงพยักหน้าอย่างขึงขังและเอ่ยย้ำหนักแน่น
“จะเข้าร่วมปฏิบัติการ ก็ต้องเชื่อฟังข้า ข้อหนึ่ง การปฏิบัติการหนนี้ห้ามบอกกับผู้ใด เราต้องปฏิบัติโดยไม่ให้ผู้ใดรู้เห็น!”
เสี่ยวหลานกับต้าเป่าพยักหน้ารัว “อืม!”
เมื่อพิจารณาแล้ว เสี่ยวตงเสริมต่อ “แล้วก็ พวกเ้าไม่ต้องไปรายงานผู้ใดทั้งนั้น!”
หลังจากถือคำพูดของพี่ชายคนโตเป็ดั่งราชโองการ ต้าเป่ากับเสี่ยวหลานตอบ “ไม่มีปัญหา!”
เมื่อได้รับการสนับสนุนจากน้องๆ เสี่ยวตงถึงค่อยๆ บอกเล่าแผนการของตนให้แก่เด็กน้อยขี้สงสัยทั้งสอง
ฮี่ๆ … คืนนี้มีเื่น่าสนุกทำแล้ว
ส่วนอีกฟาก จางซิ่วอวิ๋นกับนางจางกลับเข้าห้องครัว ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็ธรรมชาติ ไม่รู้ด้วยเหตุใด
เสิ่นม่านแทบจะรับรู้ได้ในทันทีจากจิตใต้สำนึกว่า สองคนนี้คงต้องไปที่ใดสักแห่งและหาปั้นเื่ไม่ดีสักอย่างมาว่าร้ายตนแน่ หรือไม่ก็วางแผนไว้แล้วแต่ยังไม่ทันกระทำ
อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่เื่ดีอะไร นางต้องคอยระวังตัวไว้
บรรดาสาวชาวบ้านทำกับข้าว วัตถุดิบมีเพียงไม่กี่อย่าง เสิ่นม่านเป็ลูกมือให้นางเจียง นางเอาไข่ซึ่งมีมากที่สุดมาทำไข่ตุ๋นฉ่ำน้ำหลายสิบถ้วย
แล้วยังมีมันเทศไม่น้อย เสิ่นม่านนำมันเทศมาไว้ด้านล่างหม้อทำซี่โครงอบ กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วสารทิศ ทำเอาผู้หญิงทั้งหลายที่ช่วยงานถึงกับน้ำลายไหล แทบอยากจะยื่นมือเข้ามาในหม้อเพื่อหยิบซี่โครงไปแทะให้หายอยากสักสองชิ้น
นางเจียงรู้สึกมหัศจรรย์จึงถามนาง “สมัยก่อน ไยจึงไม่เคยรู้ว่าเ้ามีฝีมือการปรุงอาหารเยี่ยมยอดเช่นนี้? พวกเราคือคนหมู่บ้านเดียวกัน ตามหลักแล้วควรทำอาหารใกล้เคียง เหตุใดเ้าจึงทำอาหารได้ล้ำเลิศนัก?”
เสิ่นม่านรับรู้ว่ามีคนกำลังสงสัยนางอยู่
นางยิ้มแย้ม “สมัยก่อนพ่อแม่ข้าเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ รวบรวมตำราโบราณมาไม่น้อย ในนั้นมีเล่มหนึ่งที่เป็วิธีปรุงอาหารแปลกใหม่ หลังจากท่านแม่จากไป ข้าจัดการข้าวของจึงพบตำราโบราณเ่าั้จึงเริ่มอ่าน ดังนั้นจึงเรียนรู้วิธีการปรุงอาหารมาไม่น้อย”
จากข้อมูลในระบบ บิดาของร่างเดิมสมัยก่อนคือพ่อค้าพเนจร ค้าขายเลี้ยงชีพ จึงมักเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ แน่นอนว่าต้องพบเจออะไรมาไม่น้อย
การผลักภาระเื่เหล่านี้ให้แก่เขา น่าจะไม่ผิดปกติ
เป็ดั่งที่คาด นางเจียงไม่สงสัยแต่อย่างใด ใบหน้านางเผยความรู้สึกว่า ‘ที่แท้ก็เป็เช่นนี้เอง’
“มิน่า ยังดีที่พี่ชายเ้าเคยสอนตัวหนังสือให้เ้าบ้าง ไม่เหมือนเราที่เป็พวกไม่รู้หนังสือ ต่อให้ได้ตำราโบราณมาไว้ในมือ คงไม่รู้แม้กระทั่งว่าถือตำรากลับหัวหรือไม่!”
“ฮ่าๆๆ …”
บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างสงบสุข
หลังจากยุ่งมาทั้งบ่าย ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยไปทางทิศตะวันตก ผู้ชายที่ทำความสะอาดหมู่บ้านก็กลับมาแล้ว
โถงบรรพชนขนาดเล็กเบียดเสียดด้วยผู้คนนับร้อยชีวิต ทำให้ดูคึกคักเป็พิเศษ
ไม่นานนางเจียงก็ขานขึ้นว่า “อาหารเรียบร้อยแล้ว” ผู้ชายน้อยใหญ่ทั้งหลายก็ขนเก้าอี้กับโต๊ะและวางชามกับตะเกียบไว้เรียบร้อย โต๊ะงานเลี้ยงถูกจัดเรียงรายกันั้แ่ด้านในไปจนถึงด้านนอก จากหน้าหมู่บ้านไปยังท้ายหมู่บ้าน
งานเลี้ยงเริ่มแล้ว อาหารส่วนใหญ่คืออาหารชาวนาบ้านๆ ถึงอย่างไรปีนี้เนื้อไก่เป็ดปลาทั้งหลายก็แพง ดีที่ข้าวของอย่างอื่นหลากหลายมากพอ ภายใต้การปรุงแต่งของแม่บ้านทั้งหลาย อาหารส่งกลิ่นหอมอบอวล ทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างน้ำลายไหลไปตามกัน
ใต้แสงจันทร์มีกับแกล้ม ย่อมต้องมีสุราจึงจะดี วันนี้จางซิ่วอวิ๋นให้คนขนสุราจากบ้านตนเองมาสองไหใหญ่ เพื่อให้ทุกคนได้ดื่มกันอย่างสุขสำราญ
ด้านนอกนั้นงานเลี้ยงเริ่มดำเนินไปแล้ว ชาวบ้านทั้งหมดกำลังฟังผู้ใหญ่บ้านพูดอยู่ข้างนอก เนื่องจากเสิ่นม่านเปิดโรงงานเป็แห่งแรกในหมู่บ้าน ทั้งยังทำให้ชาวบ้านมีรายได้กันไม่น้อย ตอนนี้จึงถือว่าเป็แขกผู้มีเกียรติและถูกเรียกออกไปประกาศเกียรติคุณ
ดังนั้นในโรงครัวตอนนี้จึงเหลือเพียงนางจางกับจางซิ่วอวิ๋นที่กำลังตักสุราแบ่ง
เมื่อแบ่งได้พอสมควร จางซิ่วอวิ๋นก็ล้วงห่อกระดาษจากแขนเสื้อออกมาสองห่อ จากนั้นโรยใส่ในถ้วยสองใบ หลังจากคนจนละลายก็กำชับนางจาง
“ท่านอา สองถ้วยนี้เอาไปให้เสิ่นม่านเหนียงกับหนิงโม่ ท่านอย่าสลับเชียวล่ะ เดี๋ยวทำข้าเสียเื่!”
นางจางยิ้มอย่างมีชัย รอยย่นบนใบหน้าถึงกับเบ่งบาน “วางใจได้ๆ ข้าจำไว้หมดแล้ว ไม่มีทางผิด!”
จางซิ่วอวิ๋นยังคงไม่ไว้ใจอาที่พึ่งพาไม่ได้คนนี้ จึงกำชับเสียงค่อย “ท่านต้องระวังให้มาก เสิ่นม่านขี้ระแวง โอกาสมีเพียงหนเดียว เื่นี้เกี่ยวพันถึงการจะควบคุมสกุลเสิ่นไว้ใต้อำนาจของครอบครัวเราได้หรือไม่!”
นางจางหุบยิ้มและถามกลับ “คิดว่าข้าไม่รู้จักแยกแยะหนักเบาหรือ? เพื่อโรงงานสกุลเสิ่น ข้าจะต้องจัดการเื่นี้ให้สำเร็จ!”
นางจางรับประกันหนักแน่น จางซิ่วอวิ๋นถึงโล่งอก จากนั้นให้นางยกสุราออกไป
นางจางเพิ่งถึงลานบ้าน เด็กคนน้อยคนหนึ่งก็พุ่งเข้าไปกระแทกเข้ากับอกของนาง ทำเอาสุราในถาดเกือบหกกระจาย
นางจางที่เกือบถูกคนทำเสียเื่ใหญ่ อดไม่ได้ที่จะด่าทอ “เด็กบ้าที่ไหนกัน ไม่มีตาหรือ?”
เสี่ยวหลานเงยหน้าขึ้นจากอกนาง กะพริบตาปริบๆ ทั้งน่าสงสารและบอบบาง
“ท่านย่าจาง ท่านเหยียบโดนถุงเงินของข้า”
นางจางก้มศีรษะลง มองเห็นริมเท้ามีถุงเงินเย็บปักตุงๆ อยู่หนึ่งใบ
ความละโมบก่อเกิดในใจ นางรีบวางถาดไว้ด้านข้าง จากนั้นเก็บถุงเงินยัดใส่อ้อมอกตนเอง
“ถุงเงินอะไรของเ้า? ชัดเจนว่าเป็ของข้าที่ทำตกไว้ต่างหาก! เหตุใดอายุน้อยแต่คิดละโมบโลภมาก?”
เสี่ยวหลานยื่นมือข้างหนึ่งมาแย่งถุงเงินไม่ยอมปล่อย
“ถุงเงินเป็ของข้าชัดๆ! ท่านอาซื้อให้ข้า ด้านในยังมีเงินค่าขนมของข้าอีกด้วย!”
นางจางยื่นมือไปหมายจะหยิก แต่เด็กน้อยกลับหลบพ้น นางจางกัดฟันกรอดอย่างโมโห จากนั้นยัดถุงเงินไว้ในอกเสื้อตนเองพลางด่า
“เด็กถ่อย! เ้ากับอาของเ้าคนนั้นเหมือนกันอย่างกับแกะ! คิดจะหลอกผีหรือ? เด็กน้อยจะไปมีเงินค่าขนมได้อย่างไร! ไสหัวไป! อย่ามาขวางข้าทำงาน!”
เสี่ยวหลานถูกด่าไปหนึ่งยก นางโมโหไม่พูดจา ได้แต่จ้องนางจางยกถาดขึ้นใหม่อีกครั้งและจากไป
รอจนนางเดินออกจากลานไป ด้านหลังถึงมีเงาศีรษะน้อยๆ สองหัวโผล่ออกมา มือข้างหนึ่งถือถาดสุรา
เสี่ยวหลานซับน้ำตาและเลิกคิ้วอย่างได้ใจ “เป็อย่างไร? ฝีมือการแสดงของข้าไม่เลวใช่หรือไม่?”
เสิ่นตงซานดมกลิ่นสุราแฝงสิ่งปนเปื้อนที่พวกเขาแอบสลับกัน่โกลาหลเมื่อครู่ จากนั้นยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ต่อจากนี้ ก็รอดูเื่สนุกได้เลย!”
-----
