“ช่างเป็อำนาจดาบที่แข็งแกร่งนัก!” ฝูงชนเริ่มใจเต้นแรง
ศิษย์ทั้งสี่ของนิกายเฮ่าเยว่ต่างตกตะลึง ตอนที่อยู่ในภัตตาคารเทียนซาน พวกเขาได้ยั่วยุหลินเฟิง แล้วเหลิ่งเยว่ที่เป็คนเผด็จการได้ใช้มีดทำให้โต๊ะที่อยู่ข้างๆ พวกหลินเฟิงต้องแตกเป็เสี่ยงๆ แต่หลินเฟิงยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น ทำให้พวกเขาคิดว่าหลินเฟิงเป็คนขี้ขลาด ทว่าตอนนี้อำนาจที่ปลดปล่อยออกมามันทำให้พวกเขาเข้าใจว่า หลินเฟิงไม่ใช่ไม่กล้า แต่พวกเขาและเจตจำนงมีดของเหลิ่งเยว่ มันไม่มีค่าพอให้เขาเหยียดหยาม
เมื่อััได้ถึงอำนาจดาบที่แหลมคมนั้น ทำให้เหลิ่งเยว่ต้องขมวดคิ้วแน่น หลินเฟิงในตอนนี้แข็งแกร่งมากกว่าเขา หรือบางทีตัวตนที่แท้จริงของหลินเฟิงคงปรากฏขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้มีดและด้วยมีดที่แหลมคม หากก้าวไปข้างหน้าก็สามารถตัดได้ทุกสิ่งอย่าง แม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เหลิ่งเยว่ก็ไม่หวั่นเกรง เพราะเขาได้บรรลุการผสานมีดแล้ว ด้วยความรักและเข้าใจในทักษะมีด เขาจึงถูกยกย่องเป็คุณชายเตา ซึ่งฉายาดังกล่าวมันไม่ใช่ชื่อเสียงจอมปลอม แม้ว่าเขาจะหยิ่งผยองในฝีมือของตนมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาเป็ผู้มีพร์ที่โดดเด่น
ทันใดนั้นแสงที่เย็นเยียบก็ถูกปลดปล่อยจากมีดเสี้ยวจันทรา ประกายแสงนี้ราวกับจันทราที่กำลังส่องแสงนวลตา
“มีดเสี้ยวจันทรา อาวุธจิติญญาระดับสูง ไม่คาดคิดว่า... เหลิ่งเยว่จะต้องใช้เสี้ยวจันทรา ทั้งๆ ที่เขาเป็แค่คนไร้ชื่อแท้ๆ ทำไมกัน?”
หลายคนต่างคิดในใจ เหลิ่งเยว่ในตอนนี้ไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย ทั้งร่างราวกับเป็มีดเล่มหนึ่ง เมืุ่์หลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับมีดแล้ว มีดนั้นจะแหลมคมไร้ที่ติ
“ข้ายอมรับว่าข้ากังขาในตัวเ้า แต่เมื่อเทียบกับข้าแล้ว… ถึงอย่างไรเ้ามันก็ยังดีไม่พอ” เหลิ่งเยว่กระชับมีดเสี้ยวจันทราในมือแน่นขณะปลดปล่อยเจตจำนงมีดออกมา แม้ว่าเขาจะทำตัวยโสโอหังสักเพียงใด แต่เขาก็ยังไม่อยู่ในสายตาของหลินเฟิงเลยสักนิด
“ข้าเหลิ่งเยว่เมื่ออายุได้ห้าขวบก็อยากเป็มือมีด เมื่อครั้งที่อยู่ในนิกายเฮ่าเยว่ ตอนนั้นทักษะมีดของข้ายังไม่ดีพอ จึงฝึกฝนเพิ่มเติมต้วยตัวเอง ทำความเข้าใจในอำนาจมีดจนก้าวเข้าสู่ขอบเขตการผสาน ภายในหนึ่งปีข้าจึงเอาชนะศิษย์ร่วมนิกายได้มากมาย และมีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ มันมีทักษะมีดที่ข้าได้เรียนรู้ด้วยตัวเองชื่อว่า ‘เงาเดียวดาย’ หากทำให้เ้าตายได้ด้วยการลงมีดเพียงครั้งเดียว ข้าก็ภูมิใจมากแล้ว”
เหลิ่งเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง เมื่อผู้คนได้ยินคำพูดของเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเหลิ่งเยว่ เพราะเขาเป็อัจฉริยะที่แท้จริง ซึ่งได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตการผสานและสร้างทักษะมีดด้วยตัวเอง ช่างร้ายกาจนัก เมื่อถึงจุดนี้แล้วฝูงชนต่างคิดว่าหลินเฟิงด้อยกว่าเหลิ่งเยว่อย่างเห็นได้ชัด
“เ้ายังไม่เข้าใจในมีดจริงๆ พร์ของเ้าก็ธรรมดา” หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า “เ้ากับข้ามันก็ไม่แตกต่างกัน นักดาบเองก็สามารถเรียนรู้และสร้างทักษะดาบด้วยตัวเองภายในเวลาหนึ่งปีได้เช่นกัน ถ้าไม่เชื่อล่ะก็... เข้ามาลองดูสิ!”
“หนึ่งปี?” ฝูงชนต่างตกตะลึง หลินเฟิงเป็นักดาบได้เพียงแค่หนึ่งปี? ทำไมเขาแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?
นอกจากนี้หลินเฟิงยังบอกว่าเหลิ่งเยว่ไม่เข้าใจในมีดดี มิหนำซ้ำยังเป็อัจฉริยะที่เหมือนกับคนธรรมดา แล้วจะไม่ให้พวกเขาว่าหลินเฟิงได้อย่างไรกัน หลินเฟิงช่างยโสโอหัง ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้ฝูงชนไม่พอใจอย่างมาก
“ก็ดี จงจำไว้ชื่อทักษะนี้คือ เงาเดียวดาย”
เหลิ่งเยว่กล่าวเน้นคำอย่างช้าๆ แล้วทะยานไปกลางอากาศ ทว่าไม่ได้ปลดปล่อยอำนาจมีดใดๆ ออกมา แต่กลับเป็มีดที่ซ่อนไว้... การผสานมีด
“เงาเดียวดาย!”
สิ้นเสียงอันแ่เบา พลันเกิดประกายมีดที่ส่องสกาว เงาเดียวดายนั้นราวกับเงาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
นี่คือขอบเขตมีดที่แม้แต่ตัวเองก็เป็เงาเดียวดายที่ไร้ทิศทาง ขอบเขตการผสานจะทำให้มีดที่ร่วงหล่น ถึงแม้จะเป็เพียงแค่มีดเล่มเดียว แต่กลับดูเหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็หลายพันเล่ม ทว่าเงาเ่าั้จะจับต้องได้อย่างไร มีดที่ร่วงหล่นมานั้นไม่มีใครสามารถรับมันได้
ก่อนหน้านี้ ตราบใดที่เหลิ่งเยว่ใช้ทักษะนี้กับคู่แข่งอยู่ระดับเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถสังหารได้อย่างง่ายดาย แม้จะเป็ผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 9 ที่แข็งแกร่งกว่าเขาก็ตาม
เงาเดียวดายนั้นไม่เคยมีใครจับต้องได้ ยิ่งไปกว่านั้น เหลิ่งเยว่ในตอนนี้ก็ยังใช้มีดเสี้ยวจันทราซึ่งเป็อาวุธจิติญญาระดับสูงอีกด้วย
“หลินเฟิงต้องตายแน่ๆ”
“มีดเล่มนี้นั้นไร้ข้อกังขาใดๆ สมแล้วที่เป็คุณชายเตา เขาช่างแข็งแกร่งกว่าปิงหยวนเสียอีก”
เมื่อผู้คนเห็นขอบเขตมีด หัวใจของพวกเขาพลันเต้นระรัว พวกเขารู้ดีว่าหากมีดของคุณชายเตาปรากฏเมื่อไร เมื่อนั้นจะต้องมีคนตาย
ทักษะเงาเดียวดายนั้นไร้รูปและเงา ฝูงชนต่างคิดว่าหลินเฟิงจะต้องถูกสังหาร แต่ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้น ทำให้ม่านตาของฝูงชนหดแคบลง
“เกิดอะไรขึ้น?”
หัวใจของผู้คนกำลังสั่นอย่างรุนแรง เมื่อมีดเสี้ยวจันทราร่วงหล่นด้วยทักษะเงาเดียวดาย อย่างไรก็ตามหลินเฟิงกลับไม่ได้ยืนเฉยอยู่ตรงนั้น ด้านหน้าของหลินเฟิงได้ปรากฏดาบธรรมดาเล่มหนึ่ง ทว่าดาบเล่มนี้กลับสามารถหยุดใบมีดเ่าั้เอาไว้ได้
“เป็ไปได้ยังไง?”
ผู้คนต่างจดจ้องไปที่ดาบธรรมดานั่น ดาบนั่นสามารถยับยั้งเงาเดียวดายได้ ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครรู้ว่าหลินเฟิงนั้นทำได้อย่างไร
“ข้าบอกแล้วว่าเ้ายังไม่เข้าใจในมีด”
หลินเฟิงกล่าวเสียงเรียบขณะมองเหลิ่งเยว่ ที่มีสีหน้าราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง จากนั้นดาบของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนกลับมาช้าๆ ขณะที่ปลดปล่อยแสงสว่างออกมา… ดาบแผดเผา!
“การผสาน!”
หัวใจของเหลิ่งเยว่เต้นกระหน่ำอย่างไม่อาจควบคุมได้ การผสานมีดป้องกันดาบไว้ ทำให้เกิดเสียงหนึ่งอย่างชัดเจน มีดเสี้ยวจันทรากระเด็นไปพร้อมกับเืที่สาดกระเซ็นไปทั่ว เหลิ่งเยว่ถอยร่นอย่างบ้าคลั่ง หากเขาไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตการผสานล่ะก็... ป่านนี้หลินเฟิงคงสังหารเขาได้แล้ว
หลินเฟิงคว้าไปที่มีดเสี้ยวจันทรา จากนั้นก็ะโว่า “ป้าเตา!”
ป้าเตาพลันประหลาดใจเมื่อหลินเฟิงโยนมีดเสี้ยวจันทราให้กับเขา ดวงตาภายใต้หน้ากากเปล่งประกายอย่างตื่นเต้น
หลินเฟิงได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เขานำมีดเสี้ยวจันทรามอบให้กับป้าเตา แม้ว่าวิธีการที่ได้รับจะไม่ถูกต้อง แต่มันก็ไม่สำคัญแต่อย่างใด
หลินเฟิงคาดหวังให้เหลิ่งเยว่โจมตีเขา เขารู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็ว มีดเสี้ยวจันทราก็จะกลายเป็ของป้าเตา
เหลิ่งเยว่ก้มหัวลงมองรอยเืตรงแขนที่เป็ทางยาว ตอนนี้เองดวงตาของเขากลับกลายเป็แข็งทื่อ มีดของเขาไม่มีเล่มไหนที่เฉียดหลินเฟิงได้ เพราะหลินเฟิงสามารถหยุดพวกมันได้อย่างง่ายดาย แต่ดาบของหลินเฟิง เขากลับไม่สามารถจับต้องมันได้ นี่คือช่องว่างที่แตกต่างกันอย่างมาก
คำพูดที่เย่อหยิ่งยังคงดังกังวานอยู่ในหัว เหลิ่งเยว่บอกว่าหลินเฟิงจะต้องตายด้วยทักษะเงาเดียวดายของเขาแน่นอน แต่ในความเป็จริงกลับไม่เป็เช่นนั้น เหมือนกับที่หลินเฟิงบอกว่า เหลิ่งเยว่ไม่เข้าใจในมีดเลย เขาที่ได้ชื่อว่าอัจฉริยะนั้นก็เทียบได้กับคนธรรมดา
“ข้าได้เรียนรู้ทักษะมีดมาแต่เยาว์วัย ส่วนเขาชำนาญทักษะดาบเพียงเวลาแค่หนึ่งปี แต่กลับเอาชนะข้าอย่างง่ายดาย ความภาคภูมิใจของข้ามันขึ้นอยู่กับอะไรกันแน่?”
เหลิ่งเยว่ถามกับตัวเอง เขาสูญเสียความภูมิใจและชื่อเสียงในฐานะอัจฉริยะไปแล้ว
“ข้าภูมิใจในทักษะเงาเดียวดาย แต่กลับถูกเขาหยุดได้อย่างง่ายดาย บางทีคงเป็ข้าเองที่ไม่เข้าใจในมีดจริงๆ”
หัวใจของเหลิ่งเยว่นั้นทั้งโศกเศร้าและผิดหวัง ความภาคภูมิใจของเขาได้ถูกหลินเฟิงทำลายไปจนหมดสิ้น
เมื่อััได้ว่าเหลิ่งเยว่กำลังเสียใจ หลินเฟิงก็คลี่ยิ้มเ็าออกมา ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องเมิ่งฉิง ผู้นั้นจะต้องตาย!
“ตาย!”
หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นดาบที่น่าสะพรึงกลัว มันทำให้หัวใจของฝูงชนต่างเต้นไม่เป็จังหวะ ชายคนนี้้าจะสังหารเหลิ่งเยว่?
อีกหนึ่งอัจฉริยะกำลังจะหายไปจากโลกนี้?
ดาบของหลินเฟิงเจิดจรัสอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหลิ่งเยว่ที่เศร้าซึมในตอนนี้ไม่มีเจตจำนงการต่อสู้แล้ว ขณะมองดาบของหลินเฟิงด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขาไม่เข้าใจเลยว่าทั้งที่ตนเองฝึกฝนทักษะมีดมาเนิ่นนาน แต่ทำไมมันถึงได้แย่ขนาดนี้
“ไสหัวไป!”
ในขณะนั้นได้มีเงาปรากฏด้านหลังเหลิ่งเยว่ ร่างเงานี้เหมือนกับมีดที่แหลมคม จากนั้นมันก็พุ่งไปที่หลินเฟิงอย่างรวดเร็ว
“สะบั้น!”
เมื่อดาบของหลินเฟิงกวัดแกว่งออกไป ก็เกิดเสียงคำรามกึกก้อง จากนั้นพื้นดินพลันเกิดรอยแยก ทว่าหลินเฟิงถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนต้องถอยหลัง
“มีดคือความบ้าคลั่งของศาสตราวุธทั้งมวล ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ถือเป็เื่ปกติ ผู้ที่คิดว่าแข็งแกร่งกว่า มันก็จะมีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา”
เสียงที่ทรงพลังและน่าเกรงขามดังขึ้น “เหลิ่งเยว่ มันเป็เพียงการต่อสู้ ใยเ้าต้องท้อถอย อย่างไรก็ตามข้าจะช่วยเ้าเอง ข้าจะไม่สังหารเขา เพื่อในวันข้างหน้าเ้าจะได้กลับมาตัดสินกับเขาด้วยมีดของเ้า”
สิ้นเสียงดังกล่าวก็เห็นร่างเงาสองสายทะยานขึ้นไปในอากาศ ผู้คนที่มองตามต่างใจเต้นแรง
ขอบเขตลี้ลับ... คาดไม่ถึงว่าผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับจะปรากฏกายขึ้นและหยุดหลินเฟิงไว้ จากนั้นก็พาเหลิ่งเยว่จากไป
เขาบอกว่าจะไม่สังหารหลินเฟิง นั่นหมายความว่าเขาสามารถสังหารหลินเฟิงได้ แต่จงใจปล่อยเขาไว้เช่นนั้น!
“หลินเฟิง ช่างโชคดียิ่งนัก” ฝูงชนต่างพึมพำ
แต่ในขณะนั้นพื้นดินได้สั่นะเืขึ้นมาฉับพลัน ร่างเงาสีขาวที่ราวกับเงามายาได้โจมตีออกไป พริบตาเดียวนางก็พุ่งออกไปไกลและปลดปล่อยไอเย็นออกมา ซึ่งทำให้หัวใจของผู้คนถูกแช่แข็ง เหลือเพียงความหนาวเย็นอันไร้ที่สิ้นสุด
“ตาย!”
เสียงะโที่เยือกเย็นดังขึ้น และบนท้องฟ้าก็ราวกับมีสะพานสีขาวทอดยาวออกไปไกล และพุ่งติดตามร่างเงาที่ห่างไกลเ่าั้
ร่างเงานั่นพลันสั่นสะท้านอย่างตกตะลึงก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นราวกับเงามีด อย่างไรก็ตามสะพานสีขาวได้พุ่งไปที่หลังของเขา ทำให้เขาส่งเสียงร้องออกมา ตอนนี้เองที่เืสีแดงฉานได้สาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ นั่นทำให้คำพูดที่เขาเอ่ยเมื่อครู่นี้กลายเป็เื่น่าขัน!
เขาอยากสังหารหลินเฟิงเมื่อไรก็สังหารอย่างนั้นหรือ?