เล่มที่ 7 บทที่ 203 ผิดแผน
วันรุ่งขึ้น หลินเฟยก็เดินออกมาจากห้วงมิติดินิถู่ด้วยสีหน้าย่ำแย่…
จะว่าไปหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ที่ผ่านมาเขาเองก็ได้ประโยชน์ไม่น้อย ถึงกับมีไออสูรมหาศาลคอยหล่อเลี้ยงเอาไว้ ทำให้ห้วงมิติขยายออกนับสิบเท่า แถมยังมีมีดบินฮั่วอู๋ที่กลายเป็ดวงจันทร์ิเย่วอีก ทำให้ห้วงมิติดินิถู่เข้าใกล้ห้วงมิติจริงเข้าไปอีกขั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอสรพิษเกล็ดหินและกุ่ยิที่มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวะโจนเกือบจะบรรลุขั้นกุ่ยหวังเลยด้วยซ้ำ…
แทบจะเรียกได้ว่าเพียงเวลาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนนี้เท่านั้น ก็ถือว่าร่นเวลาพัฒนาเป็สิบปีแล้ว…
แต่ตอนนี้กลับผิดแผนไปหมด…
เดิมทีอักขระกระบี่จิ่วหยินก็ถูกรวมเข้ากับเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จูเทียนไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็อักขระกระบี่หยินหลีหรืออักขระกระบี่เจิงหนิง ก็ถือว่าเป็รากฐานของหลินเฟย ไม่อย่างนั้นหลินเฟยคงไม่สามารถสร้างกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่ออกมาได้ แต่บัดนี้อักขระกระบี่หยินหลีได้กลายเป็ดินิถู่ และไออสูรอันเข้มข้นก็ได้เหนี่ยวนำเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จูเทียนในตัวหลินเฟย และบัดนี้ก็ได้เวลาฝ่าเคราะห์ที่สามแล้ว…
ยังดีที่หลินเฟยไหวตัวทัน เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก็รีบปลดปล่อยปราณกระบี่ทั้งสี่ออกมาเพื่อกดข่มพลังที่พวยพุ่ง จึงสามารถสกัดการฝ่าเคราะห์น้ำเอาไว้ได้…
แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น
หรือบางทีอาจจะถ่วงเวลาได้แค่หนึ่งถึงสองเดือนเท่านั้น สุดท้ายก็ยังต้องฝ่าเคราะห์น้ำอยู่ดี…
ซึ่งก็หมายความว่าแผนการทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตอนแรกคิดไว้ว่าจะให้ผ่านไปสักสามปีเสียก่อน เมื่อกล่องกระบี่เจิงหนิงพัฒนาเป็ศาสตราวุธแล้วจึงค่อยฝ่าเคราะห์น้ำ แต่บัดนี้หลินเฟยกลับมีเวลาเพียงหนึ่งถึงสองเดือนเท่านั้น แล้วเวลาแค่นี้จะพออะไร?
นอกเสียจากว่าภายในสองเดือนนี้หลินเฟยจะมีปราณกระโฮ่วเทียนสายที่สาม…
ในตอนนี้หลินเฟยมีปราณกระบี่โฮ่วเทียนอยู่สองสาย นั่นก็คืออิ๋นเหวินและทงโยว ปราณกระบี่อิ๋นเหวินสามารถแช่แข็งทุกสิ่งได้ ส่วนปราณกระบี่ทงโยวก็สามารถสะบั้นตัดห้วงหยินหยาง และเพราะปราณกระบี่โฮ่วเทียนทั้งสองสายนี้เอง จึงทำให้เคล็ดวิชาหมื่นจูเทียนของหลินเฟยพัฒนาขึ้นอย่างก้าวะโโดยไม่มีข้อผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้เคราะห์น้ำก็ใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้นจะต้องรีบหาปราณกระบี่โฮ่วเทียนสายที่สามให้ได้เสียก่อน…
สำหรับปราณกระบี่สายที่สามนั้น นับว่าค่อนข้างยุ่งยากเลยทีเดียว…
ที่จริงตอนนี้หลินเฟยเองก็ไม่ได้ขาดแคลนหินิญญา เพราะทุกวันนี้ร้านหลอมอาวุธฟานซื่อก็มีหินิญญาหลักล้านไหลมาเทมาทุกวัน ถึงจะแบ่งส่วนให้ฟานซื่อกับเจียงหลีไปบ้าง แต่ก็ยังได้หลายแสนต่อวันอยู่ดี ภายในเวลาแค่ไม่กี่วัน ก็มีหินิญญาสะสมเยอะจนน่ากลัว ดังนั้นการจะซื้อแร่โฮ่วเทียนสักก้อน จึงไม่ใช่เื่ยากสำหรับเขา…
แต่ปัญหาก็คือหลินเฟยตอนนี้ไม่เหมือนกับหลินเฟยในอดีตแล้ว เพราะขั้นบำเพ็ญที่สูงขึ้น ทำให้้าแร่ที่มีคุณภาพสูงขึ้นตามไปด้วย บัดนี้แร่ที่มีขั้นเดียวกับปราณกระบี่อิ๋นเหวินและทงโยวจึงไม่อาจใช้ได้
สิ่งที่หลินเฟย้าก็คือแร่โฮ่วเทียนขั้นห้าขึ้นไป จึงถือว่าเป็เื่ยากเลยทีเดียว เพราะแร่โฮ่วเทียนขั้นห้าจัดว่าเป็ของหายาก ก่อนหน้านี้ในงานประมูลของหอว่านเย่ว ซึ่งได้ชื่อว่าเป็แหล่งรวมทุกสิ่งอย่าง ทว่าแร่โฮ่วเทียนที่ดีที่สุดในงาน ก็มีเพียงแร่ขั้นสี่เท่านั้น…
“ไว้ค่อยลุ้นเอาแล้วกัน…”
หลินเฟยครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะที่นี่คือทะเลอูไห่ แม้จะมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ แต่ที่นี่ก็คือพิภพซ่างจงที่มีข้อบกพร่องตามธรรมชาติ ไม่สามารถรองรับพลังที่สูงกว่าระดับจิงตันได้ ฉะนั้นแร่โฮ่วเทียนขั้นห้าที่เป็ของหายากเช่นนี้ จึงไม่สามารถพบเจอกันได้ง่ายๆ…
สุดท้ายหลินเฟยจึงต้องไปตามเจียงหลีเข้ามา เพื่อให้เขาช่วยปล่อยข่าวว่าหลินเฟย้าซื้อแร่โฮ่วเทียนในราคาสูง แต่จะซื้อได้หรือไม่ ก็ต้องวัดดวงกันสักตั้งแล้วล่ะ…
หากซื้อไม่ได้ละก็…
ก็คงต้องหาวิธีสะกดเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จูเทียน จากนั้นค่อยกลับไปฝ่าเคราะห์น้ำที่พิภพหลัวฝู…
เจียงหลีเองเห็นเื่ที่หลินเฟยสั่งเป็เื่สำคัญ เช้าวันถัดมาจึงรีบออกจากร้านไปั้แ่เช้าตรู่ กระทั่งตะวันลับขอบฟ้าถึงได้กลับมา และก็เป็อย่างที่หลินเฟยคิดเอาไว้ไม่มีผิด ไม่มีข่าวคราวของแร่โฮ่วเทียนขั้นห้าเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง
“ได้ยินว่าหลายวันนี้มีผู้บำเพ็ญมากมายแห่กันไปที่เกาะนั่น…” หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เมื่อกลับมาถึงร้านหลอมอาวุธ เจียงหลีก็ดื่มน้ำติดกันอยู่หลายจอก จากนั้นค่อยเล่าเื่เกาะปริศนาที่ปรากฏขึ้นมา หลังจากเหตุการณ์ปีศาจอูหลิงบุกเมือง
“มิน่า…” หลินเฟยไม่แปลกใจกับเื่ที่มีมารปีศาจบุกเมืองวั่งไห่แม้แต่น้อย เพราะหลายวันก่อนตอนที่ค่ายกลคุ้มกันเมืองทำงาน แม้แต่ระฆัง ยันต์ และกระบี่ที่ประจำอยู่ทั้งสามทิศยังต้องออกโรงพร้อมกัน ในตอนนั้นเองหลินเฟยก็พอจะเดาได้ ว่าจะต้องมีปีศาจที่ร้ายกาจปรากฏกายขึ้น
แต่เื่ที่มีเกาะปริศนาปรากฏขึ้นนั้น กลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไม่น้อยเลย…
‘อันที่จริงสามสำนักใหญ่ก็อาศัยอยู่ที่ทะเลอูไห่แห่งนี้มานาน จะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าที่ห่างจากเมืองออกไปไม่ถึงพันลี้ จะมีเกาะเช่นนี้อยู่?’
แถมตามที่เจียงหลีเล่ามา ดูเหมือนว่าเกาะนี้มีโชควาสนาให้เสี่ยงอยู่มากทีเดียว โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญนับร้อยที่เข้าไปเป็กลุ่มแรก ถึงกับมีหลายคนได้ของดีกลับมา ได้ยินว่ามีคนได้เกราะหยินหยางที่มีมนต์สะกดสามสิบหกสายกลับมาด้วยซ้ำ
‘แล้วทำไมถึงไม่มีคนรู้จักเกาะนี้ล่ะ?’
‘สามสำนักใหญ่มัวไปทำอะไรอยู่?’
คิดได้ดังนั้นหลินเฟยก็รู้สึกสนใจขึ้นมา ขณะที่กำลังจะสั่งให้เจียงหลีออกไปสืบข่าวมาเพิ่ม จู่ๆก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาพอดี
และคนที่มาก็คือจ้าวซื่อไห่นั่นเอง
เจียงหลีเชิญจ้าวซื่อไห่เข้ามาในร้าน หลังจากก้าวเข้ามา จ้าวซื่อไห่ก็ไม่กล้าแสดงกิริยาอวดดีอีก หลังจากกล่าวขอบคุณเจียงหลีอย่างนอบน้อม เขาก็มอบจดหมายฉบับหนึ่งให้หลินเฟย
“ศิษย์พี่หลิน นี่เป็จดหมายที่ผู้ขายชิ้นส่วนประตูมิติสั่งให้หอว่านเย่วนำมาให้”
“หื้ม?” หลังจากรับจดหมายมาหลินเฟยก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนหน้านี้หอว่านเย่วบอกว่าผู้ขายนัดให้ไปพบที่หุบเขาร่วนสือในอีกหนึ่งเดือน แต่พอนับเวลาดู เหมือนจะเป็อีกครึ่งเดือนไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นเขาไม่น่าจะรีบส่งจดหมายมาตอนนี้…
หลินเฟยพินิจเล็กน้อย สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดจดหมายออกมาอ่าน
เนื้อความในจดหมายมีไม่มาก มีเพียงไม่กี่ตัวอักษรเท่านั้น หลังจากหลินเฟยกวาดตาอ่านก็ใบหน้าก็เปลี่ยนสีทันที ส่วนคิ้วก็ขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ…
“ขออภัยด้วย ข้าขอตัวก่อน” หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ หลินเฟยก็พับจดหมายเก็บเข้ากระเป๋า จากนั้นก็พยักหน้าให้เจียงหลี
“ต้อนรับศิษย์น้องจ้าวแทนข้าที”
หลังจากออกร้านหลอมอาวุธฟานซื่อไป หลินเฟยก็รีบมุ่งไปทางท่าเรือทันที เพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น เขาก็เดินทางมาถึงท่าเรือของเมืองวั่งไห่…
บัดนี้ซากปรักหักพังที่เกิดจากการทำลายของปีศาจอูหลิงได้ถูกซ่อมแซมจนหมดแล้ว ตรอกซอยที่พังพินาศ ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็เช่นวันวาน ส่วนระฆังไท่เสวียนก็ยังคงแขวนอยู่บนกำแพงเมือง และกำแพงที่ขรุขระทรุดโทรมไปตามกาลเวลาก็ยังเหมือนเดิมเช่นเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสภาพราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน สิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือที่นี่ดูครึกครื้นกว่าเดิม…
มีเหล่าผู้บำเพ็ญมากมายพากันขึ้นเรือ และปลายทางของพวกเขาก็คือเกาะปริศนาแห่งนั้นนั่นเอง…
หลินเฟยยืนมองเกาะลึกลับนั่นจากกำแพงเมือง ในหัวก็มีภาพตัวอักษรในจดหมายปรากฏขึ้นมา
“ที่เกาะนั่นมีของที่เ้าและข้าหมายตาอยู่…”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------