จวินเย่าเฉิงลุกขึ้นมา ท่าทางตื่นเต้นนั้นเกือบจะเป็จุดสนใจของผู้คนแทนที่องค์หญิงหวายหนิงเสียอีก
องค์หญิงหวายหนิงทำได้เพียงร่วมมือแสดงละครไปกับเขา “พี่ชายใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว…ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้้าทำร้ายท่านพี่จิ้งหวาง ข้าก็ไม่รู้ว่าลิ่วตันซางลู่มีพิษ อาจารย์แพทย์เจี่ยนหลอกลวงข้า! ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จวินจิ่วเฉินจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเ็า “เื่ราวมันเป็เช่นไร อธิบายให้ชัดเจน! ”
องค์หญิงหวายหนิงร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วตอบกลับไป “อาจารย์แพทย์เจี่ยนบอกข้าว่าลิ่วตันซางลู่กับโสมเล็ก…”
นางยังไม่ทันได้เอ่ยจบจวินจิ่วเฉินก็ขัดจังหวะถามขึ้นมา “เ้าพบอาจารย์แพทย์เจี่ยนได้อย่างไร? ถ้าการสับเปลี่ยนยาไม่ใช่เพื่อวางแผนประทุษร้ายแล้วเพื่อเหตุใด? ”
“ข้า ข้า”
องค์หญิงหวายหนิงยึกยักพูดไม่ออก นางมองไปที่กูเฟยเยี่ยนจึงพบว่าใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนเต็มไปด้วยความตั้งตารอคอย สีหน้ายินดีไปกับความโชคร้ายของคนอื่น ภายในใจของนางไม่พอใจและอาฆาตแค้นจนไม่อยากจะตอบกลับไปมากกว่าเดิม การที่จะให้นางยอมรับว่าแรงจูงใจในการก่อคดีคือ้าทำร้ายกูเฟยเยี่ยน มันน่าอึดอัดใจมากกว่าการให้นางยอมรับว่าก่ออาชญากรรมขึ้นเสียอีก! ทว่าจวินจิ่วเฉินปราศจากความอดทน เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “พูด! ”
องค์หญิงหวายหนิงใจึงร้องไห้อย่างหนัก ทันใดนั้นก็ชี้นิ้วไปทางกูเฟยเยี่ยน “ทั้งหมดมันเป็เพราะนาง! ทั้งหมดเป็เพราะนังคนชั้นต่ำผู้นั้น! นางเป็คู่หมั้นของท่านพี่อวี้ชัดๆ ทว่ากลับไม่รักษาจรรยาของสตรี เป็หญิงที่ชอบมั่วโลกีย์ สมรู้ร่วมคิดกับเฉิงอี้เฟยเพื่อทำให้ท่านพี่อวี้อับอายขายหน้า! ข้า ข้าเกลียดนาง! ข้ารู้มาว่าเสด็จย่าจะพระราชทานย่าวซ่าน ข้าจึงไปหาอาจารย์แพทย์เจี่ยน อาจารย์แพทย์เจี่ยนบอกข้าเกี่ยวกับใบสั่งยาและยังบอกอีกว่าลิ่วตันซางลู่เหมือนกันกับโสมเล็กทุกประการ หากใช้ไปแล้วจะไม่มีอะไรร้ายแรง ข้าจึงให้ท่านพี่ฟู่ฟางไปติดสินบนเฉินซานหยวนและคนอื่นๆ เพื่อให้พวกนั้นโยนความผิดไปให้กูเฟยเยี่ยน ข้าแค่้า…้าสั่งสอนนางแทนท่านพี่อวี้ ข้าคิดไม่ถึงว่าอาจารย์แพทย์เจี่ยนจะหลอกลวงข้า ข้าคิดไม่ถึงว่าเื่ราวจะเป็เช่นนี้ ข้า ข้า…ฮึกๆ…ข้าไม่มีความผิด ล้วนเป็เพราะกูเฟยเยี่ยน ล้วนเป็เพราะนาง! ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาทุกคนล้วน…ตกตะลึง บางคนมองไปที่กูเฟยเยี่ยน บางคนมองไปที่เฉิงอี้เฟย แน่นอนว่าก็มีคนมองไปที่ฉีอวี้ด้วย
ในสถานการณ์เช่นนี้ การที่องค์หญิงหวายหนิงพูดเื่นี้ออกมา…จะดีหรือ?
นางต้องพูดถึงแรงจูงใจในการก่อคดีก็จริง แต่ว่านางไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญหน่อยหรือ ทำไมจึงต้องทำให้เกิดความอึดอัดเช่นนี้?
ในเวลานี้อย่าว่าแต่ฉีอวี้เลย แม้แต่ใบหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่ฉีก็เกิดความเขียวแล้ว ถึงแม้ว่าเื่ราวชู้สาวของเฉิงอี้เฟยกับกูเฟยเยี่ยนจะถูกแพร่กระจายออกไปนานแล้ว ทว่านี่เป็ครั้งแรกที่มีคนพูดเื่นี้ต่อหน้าพวกเขาท่ามกลางผู้คนอื่นๆ น่าอับอายขายหน้าเสียจริง!
สีหน้าของเฉิงอี้เฟยไม่ดีนัก เขาหรี่ตาลงกำมือไว้แน่น
สีหน้าของกูเฟยเยี่ยนก็เปลี่ยนแปลงไป เื่แย่ๆ ของนางกับเฉิงอี้เฟยไม่ใช่เป็เพราะถูกตระกูลฉีบีบบังคับหรอกหรือ? บัดนี้นางนับได้ว่าเป็คนของจิ้งหวางฝู่ครึ่งหนึ่งแล้ว นางรังเกียจที่มีคนพูดถึงเื่นี้ต่อหน้าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเป็อย่างมาก! นางทำให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเสียศักดิ์ศรีไปแล้ว!
องค์หญิงหวายหนิงตกอับอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้วยังมีหน้ามาด่าคนอื่นอีกหรือ? นางมีหน้ามาพูดว่าตนเองไม่ได้รับความเป็ธรรมได้อย่างไร? คิดว่าผู้อื่นไม่ทราบว่านางมีความสัมพันธ์อย่างไรกับฉีอวี้หรือ?
ใบหน้าเ็าของกูเฟยเยี่ยนก้มลงเล็กน้อยก่อนจะตบลงบนโต๊ะเสียงดัง “ปัง” ก้องไปทั่วศาลพิจารณาคดี
ทุกคนล้วนตระหนกใ
กูเฟยเยี่ยนลุกขึ้นมาซักถามด้วยโทสะ “องค์หญิงหวายหนิง เื่ของข้ากับฉีอวี้เกี่ยวอะไรกับท่าน? ท่านมีสิทธิ์อะไรที่จะมาสั่งสอนข้าแทนฉีอวี้?
กูเฟยเยี่ยนโกรธไม่ไหวแล้ว หญิงสาวจึงถามเพิ่มอีก “ท่านเป็อะไรกับฉีอวี้? ท่านมีสิทธิ์อะไร? ท่านเป็มารดาของเขาหรือเป็ย่าของเขากัน? ”
นี่…
เดิมทีบรรยากาศมีความตึงเครียดมาก แต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของกูเฟยเยี่ยน หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แม้ว่าคำถามของกูเฟยเยี่ยนจะหยาบคายเล็กน้อย ทว่าเป็คำถามที่ฉลาดและน่าสนใจมากทีเดียว เห็นได้ชัดว่านี่เป็การเสียดสีองค์หญิงหวายหนิงและการมั่วโลกีย์ของฉีอวี้ ใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาข่าวลือเกี่ยวกับเื่ราวชู้สาวขององค์หญิงหวายหนิงกับฉีอวี้ได้แพร่กระจายไปมากกว่าเื่ของกูเฟยเยี่ยนกับเฉิงอี้เฟยเสียอีก!
ฉีอวี้อับอายขายหน้าจนถึงที่สุดแล้ว เขาแทบอยากจะหารอยร้าวตามพื้นเพื่อมุดเข้าไป แต่เมื่อได้ยินคำตอบต่อมาขององค์หญิงหวายหนิง เขาถึงกับคิดอยากจะวิ่งชนกำแพงเลย
องค์หญิงหวายหนิงโกรธจนสูญเสียสติสัมปชัญญะ นางตอบกลับเสียงดังโดยไม่คิดสักนิด “สิทธิ์ที่ท่านพี่อวี้ชอบข้า! ”
“พอได้แล้ว! ”
จู่ๆ ฉีอวี้ก็ะโขึ้นมาเสียงดัง เขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เขากลัวว่าหากองค์หญิงหวายหนิงพูดต่อไปนางจะเปิดโปงไปถึงเื่ราวที่เขาและพี่สาวได้แอบไปยุติการหมั้นหมายที่ตระกูลกูตอนกลางดึกกลางดื่น
องค์หญิงหวายหนิงตกตะลึงตาค้าง ดูเหมือนว่านางจะรับรู้แล้วว่าตนเองพูดอะไรผิดไป นางหันไปมองฉีอวี้ด้วยใบหน้าที่มีน้ำตาเนืองนองและรู้สึกน้อยใจมากขึ้นไปอีก
ฉีอวี้ไม่้าสนใจนางอีก และยิ่งไม่อยากพูดถึงเื่ราวนี้ต่อไป เขาจึงรีบหันไปมองจวินจิ่วเฉิน “องค์หญิงหวายหนิงยอมรับผิดแล้ว จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยโปรดคืนความบริสุทธิ์ให้แก่ตระกูลฉีด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ”
แม่ทัพใหญ่ฉีก็รีบร้อนเอ่ยออกมา “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ตระกูลฉีไม่มีทางวางแผนประทุษร้ายอย่างแน่นอน อาจารย์แพทย์เจี่ยนหลอกลวงองค์หญิงหวายหนิง คนที่้าวางแผนประทุษร้ายจะต้องมีคนอื่นอีก! ข้าน้อยดูแลสั่งสอนบุตรสาวไม่ถูกวิธี บุตรสาวจึงได้ฟังคำยุยงส่งเสริมขององค์หญิงหวายหนิงจนก่อให้เกิดเป็ภัยพิบัติร้ายแรง ข้าน้อยเต็มใจแบกรับโทษของบุตรสาวทั้งหมด! จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยโปรดิเจียน! ”
ในขณะเดียวกันทุกคนก็นึกถึงเื่สำคัญขึ้นมา เพราะเมื่อเทียบกับการหาตัวคนร้ายตัวจริงแล้ว เื่ราวชู้สาวของกูเฟยเยี่ยนกับเฉิงอี้เฟย อีกทั้งเื่ราวมั่วโลกีย์ขององค์หญิงหวายหนิงกับฉีอวี้ล้วนนับว่าเป็เื่เล็ก
กูเฟยเยี่ยนนั่งลงที่เดิมพลางถอนหายใจออกมา หญิงสาวไม่้าเสียเวลาไปกับเื่ไร้สาระพวกนี้เช่นกัน นางเพียงแค่รู้สึกเหยียดหยามแม่ทัพใหญ่ฉีเป็อย่างมาก ไม่ว่าอย่างไรการที่องค์หญิงหวายหนิงก่อเื่เช่นนี้ก็เพื่อฉีอวี้ เขามีหน้ามาใช้คำว่า “ยุยงส่งเสริม” ได้อย่างไร?
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้้าเอาเื่ต่อไป เพราะถึงอย่างไรแล้วเื่หลักสำคัญกว่า จิ้งจอกเฒ่าสำคัญกว่า!
ทว่า!
จวินจิ่วเฉินกลับเอ่ยขึ้นมาอย่างเ็า “ฉีอวี้ สิ่งที่หวายหนิงพูด เป็เื่จริงหรือไม่? ”
คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรกัน!
ผู้คนล้วนไม่เข้าใจ ฉีอวี้ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ เขาคิดว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยคงยังไม่เชื่อคำมอบตัวองค์หญิงหวายหนิงและยังคงสงสัยตระกูลฉี เขาจึงรีบอธิบาย “ทูลเตี้ยนเซี่ย องค์หญิงหวายหนิงและท่านพี่ข้า…”
เขายังเอ่ยไม่จบจวินจิ่วเฉินก็แทรกขัดจังหวะขึ้นมาอย่างไร้ความอดทน “เปิ่นหวางถามเ้าว่า หวายหนิงบอกว่าเ้าชอบนาง เป็เพราะเ้า นางจึงเจตนาโยนความผิดให้กูเฟยเยี่ยน เื่นี้เป็จริงหรือไม่? ”
ในคราวนี้ทุกคนจึงรับรู้ว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกำลัง้าทราบความชัดเจนถึงแรงจูงใจการก่อคดีขององค์หญิงหวายหนิง
สีหน้าของฉีอวี้เรียกได้ว่า…ชีวิตที่ปราศจากความรัก!
ก่อนที่เื่ราวจะเกิดความใหญ่โตเช่นนี้ เขาไม่เคยยินยอมที่จะเปิดเผยยอมรับว่าตนเองชอบองค์หญิงหวายหนิง ทว่าบัดนี้ล่ะ?
อย่างไรก็ตาม เขาจำเป็ต้องยอมรับ!
หากเขาไม่ยอมรับแรงจูงใจขององค์หญิงหวายหนิง คดีนี้ก็จะล่าช้าลงไป ์ทราบดีว่าจะเกิดการพลิกแพลงเช่นไร? ต้องทราบไว้ว่าจุดประสงค์ของคนร้ายตัวจริงก็คือตระกูลฉีของพวกเขา!
เขากัดฟันตอบกลับไป “เป็ เป็…เป็เื่จริงพ่ะย่ะค่ะ! ”
จวินจิ่วเฉินไม่พอใจจึงได้เอ่ยขึ้นมาอีก “ตอบให้ชัดเจน! ”
ฉีอวี้จำเป็ต้องตอบกลับไปอีกครั้ง “ข้าน้อย ข้าน้อยชอบองค์หญิงหวายหนิง จึง จึงส่งผลให้องค์หญิง…”
ฉีอวี้ไม่อาจพูดต่อไปได้อีกจึงโค้งศีรษะลง “ข้าน้อยก็มีความผิด! ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาศาลพิจารณาคดีที่เงียบสงบก็มีเสียงซุบซิบนินทาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะว่าข่าวลือต่อให้แพร่กระจายออกไปอย่างไรก็เป็เพียงแค่ข่าวลือ คำประณามของคนอื่นไม่ว่าอย่างไรก็เป็เพียงแค่คนอื่น แต่เมื่อคู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างยอมรับแล้ว เื่นี้จึงเป็เื่ใหญ่อย่างยิ่งและได้ข้อสรุปสุดท้ายออกมาแล้ว!
มุมปากของจวินจิ่วเฉินปรากฏถึงรอยยิ้มเยาะเย้ย “เพียงการชอบกัน พวกเ้าสองคนต่างฝ่ายต่างก็มีใจให้กันสินะ! ”
เมื่อกูเฟยเยี่ยนได้ยินถึงคำพูดเหล่านี้จึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ นางมักจะรู้สึกว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ใช่ผู้ที่ชอบประเมินค่าความรู้สึกของผู้อื่น ดูเหมือนว่าการที่เขากล่าวเช่นนี้ น่าจะเป็เพราะมีจุดประสงค์อย่างอื่น
นางกำลังครุ่นคิด ทว่าจวินจิ่วเฉินไม่ได้ถามคำถามนี้ต่อไป เขาทำการไต่สวนเื่ราวของคดีแทน “หากอาจารย์แพทย์เจี่ยนมีเจตนาในการโยนความผิด แล้วทำไมนางจึงถูกสังหาร? ”