เก้าในสิบรอบ
“ฉันปรึกษาทนายของจิ่งเซิ่งแล้วล่ะ” เสิ่นอันอันตอบเสียงชัดเจนและใสกังวาน “ขอบคุณนะ”
ฮั่วเฉิงโจวบอกว่าไม่เป็ไร แล้วสนทนากับเธออย่างสงบและอ่อนโยน ยับยั้งความคิดด้านมืดไม่ให้รั่วไหลออกไป
ช่างเป็ผู้ชายที่น่ากลัวจริงๆ
เขาอ่านเธอออกทั้งหมดโดยที่เธอไม่รู้อะไรเลย…
ไม่นานรถก็มาถึงที่หมาย
ฮั่วเฉิงโจวดับเครื่องยนต์ ปลดเข็มขัดนิรภัย และเปิดประตูลงจากรถ “ถึงแล้ว”
เสิ่นอันอันตามเขาลงมาและพบว่าสถานที่ที่เขาพามาก็คือ สนามยิงปืน
...
เสิ่นอันอันยิงปืนทั้งหมดสิบนัด
หลังจากยิงเข้าเป้ารอบแรก อีกเก้ารอบถัดมาเธอก็พลาดทั้งหมด
“ฮั่วเฉิงโจว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแ่เบาและหดหู่ “คุณบอกว่าจะพาฉันไปที่ที่ทำให้มีความสุขไม่ใช่เหรอ?”
เข้าหนึ่งพลาดเก้า เขาแน่ใจเหรอว่านี่คือความสุข?
เมื่อฮั่วเฉิงโจวเห็นท่าทางเศร้าสร้อยของเธอ หัวใจของเขาก็อ่อนยวบทันที “อันอันไม่เคยยิงปืนมาก่อนเหรอ?”
“ไม่เคย” เสิ่นอันอันส่ายหัว “มีหลายอย่างที่ฉันชอบเล่นตอนเด็ก แต่พอพี่ชายเข้ากองทัพ ฉันก็ต้องเรียนรู้งานทุกอย่างของห้างสรรพสินค้า จากนั้นก็ไม่เคยเล่นสนุกอีกเลย”
เธอเคยชอบเล่นบิลเลียดมาก แต่ตอนนี้เธอแทบจะจำวิธีจับคิวพูลไม่ได้ด้วยซ้ำ
ฮั่วเฉิงโจวคิดตามและพูดว่า “งั้นจากนี้ผมจะสอนคุณเล่นเอง ตกลงไหม?”
ปฏิกิริยาของเสิ่นอันอันเป็ไปตามความคาดหวังของเขาอย่างสมบูรณ์ เธอใอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ อย่างลังเล “ตกลง...”
เขายกยิ้มและยื่นขวดน้ำที่คลายเกลียวแล้วให้เธอ
เสิ่นอันอันรู้สึกว่าเธอไม่สามารถคิดอะไรได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ทั้งยังทำตามที่เขาคาดไว้อย่างพอดิบพอดีอีกด้วย
เธอรับน้ำมาจิบหลายครั้งเพื่อบรรเทาเสียงโห่ร้องในใจของเธอ
ฮั่วเฉิงโจวหยิบผ้าเช็ดหน้าเนื้อผ้าไหมสีเทาผืนหนึ่งมาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเธอ
การเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลนี้ดูคล้ายคู่รักที่สนิทกัน
เสิ่นอันอันไม่ได้สังเกตว่าดวงตานกฟีนิกซ์ที่ยาวและแคบของเขาจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตา
ฮั่วเฉิงโจวรอให้เธอดื่มน้ำเสร็จแล้วค่อยๆ พูดว่า “อันอัน”
เธอหมุนฝาขวดน้ำ “หือ?”
ชายหนุ่มดันกรอบแว่นที่ดั้งจมูกของเขา สายตาซุกซ่อนความลับไว้อีกครั้ง “คุณคิดเื่การเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่แล้วหรือยัง?”
เสิ่นอันอันใกับคำถาม
เธอจัดการความวุ่นวายในหัวและตอบอย่างใจเย็นว่า “ตอนนี้ฉันยังไม่สนใจเื่นี้หรอก”
เธอไม่ได้โง่และเข้าใจความหมายของเขา
แต่ตอนนี้เธอยังไม่หย่า และต่อให้หย่าแล้ว เธอก็คงไม่สามารถทุ่มเทให้ความสัมพันธ์ครั้งใหม่ได้อย่างเต็มหัวใจ
เธออายุยี่สิบห้าปีแล้ว ไม่ใช่สิบเก้าปี
“หลังจากนั้นล่ะ?” น้ำเสียงสอบถามของฮั่วเฉิงโจวเบามาก แต่ก็จริงจังมากเช่นกัน “คุณจะลองคิดหน่อยไหม? หรือว่า...คุณจะลองคบกับผมไหม?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เสิ่นอันอันก็รู้สึกเย็นกระดูกสันหลังขึ้นมา
เธอบังคับตัวเองให้ใจเย็น ไม่หวั่นไหวกับคำถามของเขา
ฮั่วเฉิงโจวรู้ว่าเธอประหม่าจึงปลอบเธออย่างอ่อนโยน “อันอัน ไม่ต้องตื่นเต้นไป ผมแค่ถามเฉยๆ”
“ฉัน...ฉันไม่ได้ตื่นเต้น” เสิ่นอันอันกำขวดน้ำแน่น หัวใจเต้นรัวอย่างรุนแรงราวกับกลอง “เพราะคุณถามกะทันหันต่างหาก ฉันเลยประหลาดใจนิดหน่อย”
“อันอัน ผมบอกคุณแล้วว่าผมชอบคุณ”
ฮั่วเฉิงโจวจ้องใบหน้าเล็กๆ ของเธอ กลัวจะพลาดการแสดงออกเพียงเล็กน้อยบนใบหน้างาม
“ปัง! ปัง!”
อีกด้านหนึ่ง คนอื่นๆ กำลังยิงเป้าอยู่
เสียงปืนเ่าั้ราวกับยิงเรียกสติของเสิ่นอันอัน
................................................................................................................
แตะนิดแตะหน่อย
เสิ่นอันอันหันหน้าหนี หลีกเลี่ยงการจ้องมองที่ร้อนแรง
ฮั่วเฉิงโจวไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม เขาเข้าใจความจริงที่ว่า “ยิ่งรีบจะยิ่งทำให้งานเสีย”
โดยเฉพาะเื่ของความสัมพันธ์ ควรค่อยเป็ค่อยไป ไม่ต้องเร่งรีบเพื่อให้ได้มา
เขายกมือจับใบหน้าเล็กๆ ของเธอ เสียงที่อ่อนโยนของเขาเย้ายวนอย่างไม่อาจต้านทาน “ถ้าไม่อยากตอบก็ยังไม่ต้องตอบ ผมไม่รีบ เราค่อยเป็ค่อยไปจนกว่าคุณจะเต็มใจ”
เสิ่นอันอันจ้องมองใบหน้าแสนหล่อเหลาของเขาที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม และรู้สึกสงสัยขึ้นมา
เธออดคิดไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคนที่เธอเจอเมื่อหกปีที่แล้วไม่ใช่เจียงอี้เฉินแต่เป็ฮั่วเฉิงโจว?
ไม่ว่าจะรูปลักษณ์หรือลักษณะนิสัย ฮั่วเฉิงโจวไม่ได้ด้อยไปกว่าเจียงอี้เฉินเลย
ถ้าวางความสัมพันธ์ส่วนตัวลงก่อน ฮั่วเฉิงโจวก็ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อความคิดเช่นนี้เกิดขึ้น เสิ่นอันอันก็ใมาก
ที่แท้ในใจเธอ ฮั่วเฉิงโจวก็ชนะขาดลอยไปนานแล้ว...
“เฉิงโจว” เสิ่นอันอันสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป และไม่กล้าคิดต่อ “ฉันเริ่มเหนื่อยแล้ว กลับกันเถอะ”
“ได้” ตามความ้าของเธอ เขายืนขึ้นและพูดว่า “ผมจะส่งคุณกลับบ้าน”
ระหว่างทาง ทั้งสองคนก็เข้าใจตรงกันว่าไม่ควรพูดถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไปโดยปริยาย
เมื่อมาถึงประตูรั้ว เขาก็หยุดรถและเปิดประตูให้ผู้โดยสาร “เดี๋ยวผมขึ้นไปส่ง”
“ไม่ต้อง” ภาพเมื่อคืนยังติดตาไม่หาย เธอจึงตื่นตัวโดยสัญชาตญาณ “ฉันไปเองได้”
ฮั่วเฉิงโจวเม้มริมฝีปากเป็เส้นตรง ไม่ส่งเสียงอะไร
เสิ่นอันอันก้าวลงจากรถ ทันทีที่ปลายเท้าแตะพื้น ร่างกายของเธอก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงด้วยเหตุผลบางประการ
เธอหน้ามืดและล้มลงในอ้อมแขนของเขาอย่างอ่อนแรง
ชายหนุ่มประคองเธอด้วยสายตาและมือที่ฉับไว “เป็อะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า?”
“ไม่...ไม่เป็ไร”
เสิ่นอันอันลดศีรษะลง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา
เธอไม่กล้าบอกเขาหรอกว่ามันเกิดจากส่วนสงวนของเธอ
แต่ฮั่วเฉิงโจวฉลาดเกินคน เขาจึงเดาได้ทันที “ตรงนั้นไม่สบายหรือเปล่า?”
เกิดเสียง “ตูม!” ขึ้นในใจของเสิ่นอันอัน ตามด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ แม้แต่หลังหูของเธอก็ยังแดงไปด้วย
ฮั่วเฉิงโจวเห็นเธอละอายใจที่จะพูด จึงลดเสียงลงแล้วพูดติดตลก “อันอัน ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณจะอ่อนไหวขนาดนี้ แค่แตะนิดแตะหน่อยน้ำก็ไหลออกมาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะผมคุมตัวเองไว้...”
“ฮั่วเฉิงโจว หุบปาก!”
เขาพูดมากจนเธอไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว น้ำเสียงออกคำสั่งนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
แต่ก็มีความอ้อยอิ่งปนอยู่ด้วย
ฮั่วเฉิงโจวเห็นใบหน้าเล็กๆ แดงไปทั้งหน้า เธอทั้งโกรธทั้งรำคาญ และทำให้รอยยิ้มในดวงตาของเขาลึกขึ้น
เขาจับมือเธอและพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ผมจะพาคุณขึ้นไปชั้นบน”
“ไม่ต้องจริง...”
“อันอัน เชื่อฟังหน่อย”
เสิ่นอันอันเกลียดที่เธอไม่สามารถปฏิเสธเขาได้
ชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าเธอกำลังรอให้เขาเชือดอย่างเชื่อฟัง?
ฮั่วเฉิงโจวเห็นว่าขาของเธออ่อนแรง จึงย่อตัวอุ้มเธอในท่าเ้าหญิง
เสิ่นอันอันกัดริมฝีปากแน่น ฝังใบหน้าแดงระเรื่อของตัวเองเข้ากับแผงอกของเขา
เมื่อเข้าไปในบ้าน เขาอุ้มเธอไปที่ห้องนอน แล้ววางลงบนเตียงอย่างเบามือ
บรรยากาศในห้องเงียบมาก ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ อีกทั้งก่อนออกไปข้างนอกเธอก็ปิดหน้าต่างไว้ กลิ่นตัณหาและร่องรอยความลามกอนาจารจึงยังคงหลงเหลืออยู่
ฮั่วเฉิงโจวนั่งลงข้างเตียงและถามด้วยความเป็ห่วง “ยังรู้สึกไม่สบายอยู่ไหม? ให้ผมซื้อยาให้คุณไหม”