นั่นปะไร ตอนนี้บุตรชายของนางไม่ใช่คนเดียวลำพังแล้ว ยังมีผู้ติดตาม ย่อมไม่ต้องห่วง เฉินซื่อคิดว่าหากครั้งหน้าบุตรชายกลับมา คงมีสะใภ้กลับมาแล้ว
เมื่อนึกถึงคำพูดของเขาเมื่อคืนที่บอกว่า หากหาเงินมาได้มากมาย ต่อไปต้องหาสะใภ้ได้ดี ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยสนับสนุนหลานสาวได้อีกด้วย
คำพูดนี้เฉินซื่อชอบฟังยิ่งนัก นางมีเชื้อสายเพียงสองคน จึง้าให้ทั้งครอบครัวรักใคร่ปรองดองกัน
เมื่อเห็นว่าถึงเวลาสมควรแล้ว ผู้ติดตามของจางอวี้เต๋อจึงกระซิบบอก
เฉินซื่อรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันจริงๆ น้ำตาจึงคลอเบ้า จางกุ้ยฮัวก็ร้องไห้นานแล้ว น้ำตานั้นเปื้อนอยู่บนแขนเสื้อของหลิวซานกุ้ย
“ท่านแม่ อยู่บ้านดีๆ หากไม่มีอะไรก็ช่วยท่านพี่เลี้ยงลูกให้คล่องมือ รอลูกกลับมาสู่ขอสะใภ้และคลอดลูก ท่านจะได้มีประสบการณ์”
ตามคาด เฉินซื่อไม่อาจเศร้าใจได้ต่อ เพียงแต่ตำหนิจางอวี้เต๋อ จากนั้นก็ดีใจที่บุตรชายไม่ใช่ว่าจากไปอย่างไม่กลับมาอีก
ท้ายที่สุดเมื่อมีความหวัง เฉินซื่อก็มีพลังชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม
หลังจากที่จางอวี้เต๋อจากไปก็ไม่ได้โศกเศร้ามากนัก ครรภ์ของจางกุ้ยฮัวก็ยิ่งโต เฉินซื่อฟังคำพูดของบุตรชาย เวลาที่ดูแลจางกุ้ยฮัวก็ยิ่งใส่ใจ
หลิวเต้าเซียงเพิ่งมีรอยยิ้ม เมื่อมีความหวังย่อมเป็เื่ที่ดี
จากนั้นก็รู้สึกว่าน้าชายของตนนั้นเ้าเล่ห์ไม่เบา ขณะที่จะจากกันยังตะล่อมท่านยายจนหัวหมุน เห็นทีคนเฒ่าเองก็ยินดีที่จะให้หลอก!
ใครกันย้อมนภาให้กลายเป็สีส้ม ที่แท้ก็ฉางเอ๋อร์ [1] คิดถึงบ้าน
ชั่วพริบตาก็มาถึงฤดูที่ดอกจินกุ้ยส่งกลิ่นหอมโชยไปทั่ว ท้องของจางกุ้ยฮัวก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้น
เนื่องจากนางมีครรภ์ มารดาของนางจึงอาศัยอยู่ที่บ้านของหลิวซานกุ้ยตลอด หนึ่งเพราะจะได้ดูแลบุตรสาวเองกับมือ สองก็คือช่วยดูแลบ้าน
ส่วนเื่เลี้ยงไก่กับหมูเป็หน้าที่ของสองพี่น้อง
“ท่านพี่เต้าเซียง ท่านพี่เต้าเซียง!”
เสียงของเด็กน้อยที่อยู่ละแวกนั้นดังขึ้น เมื่อจางกุ้ยฮัวตั้งครรภ์ ความเป็แม่ก็ยิ่งท่วมท้น ได้ยินเสียงเด็กน้อยไม่ได้เลย
ขณะนี้หัวใจของนางละลายไปนานแล้ว
“ท่านพี่เต้าเซียงของเ้าไปเก็บไข่ตรงเนินเขาแล้ว ซานหนิว มาหาป้าเร็ว”
สิ้นเสียงของนาง เมื่อมองดูที่หน้าประตูก็เห็นศีรษะของเด็กน้อยโผล่มาอีกสอง สาม สี่…
จางกุ้ยฮัวนั่งอยู่ตรงระเบียงของเรือนหลัก ที่หัวเข่ามีตะกร้าเข็มกับด้ายวางอยู่ ในตะกร้ามีเสื้อขนาดเล็ก นี่คือเสื้อที่นางจะเย็บให้ลูกที่ยังไม่คลอด
“ซานหนิวมานี่” นางโบกมือให้เด็ก ๆ
ร่างเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่ทางเข้าลานบ้าน ดูแล้วอายุเพียงไม่เกินห้าถึงหกขวบ มัดผมชี้ตั้งขึ้นฟ้าแล้วใช้ด้ายแดงพันไว้ สวมเสื้อกล้ามผ้าหยาบ ด้านล่างสวมกางเกงที่ดูสีไม่ออก ตัวกางเกงนั้นมีรอยปะเต็มไปหมด ส่วนเท้าก็สวมใส่รองเท้าหญ้าฟางที่สานออกมา
“ป้ากุ้ยฮัว!” ซานหนิวค่อยๆ เดินไปพร้อมกับตะกร้าไม้ไผ่
เขาเชื่อฟังคำพูดของมารดายิ่งนัก เมื่อรู้ว่าท่านป้าตรงหน้ากำลังตั้งครรภ์น้องชายตัวเล็กจึงไม่อยากทำให้ท่านป้าใ
จางกุ้ยฮัวมองไปที่เด็กเจ็ดถึงแปดคนถือตะกร้ายืนเบียดกันอยู่ จึงยิ้มแล้วเอ่ย “รีบมาเร็ว พี่เต้าเซียงของพวกเ้าบอกว่า เดี๋ยวนางก็กลับมา หากพวกเ้าหิวก็ไปตักน้ำดื่มในโอ่งได้ เพียงแค่เปิดผาโอ่งเล็กๆ ออก พี่เต้าเซียงของพวกเ้ายังชงใบชาไว้ด้วย”
“เข้าใจแล้ว ท่านป้ากุ้ยฮัว เราจะรอให้ท่านพี่เต้าเซียงกลับมา” ซานหนิวกวักมือเรียกเพื่อนๆ ให้เอาตะกร้าไม้ไผ่มาไว้รวมกัน จากนั้นก็พาทั้งหมดเข้าไปในห้องครัว
เฉินซื่อนั่งอยู่บนบันไดเพื่อช่วยจางกุ้ยฮัวเย็บปัก ก่อนจะเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “เด็กเหล่านี้น่ารักน่าชัง กุ้ยฮัว ก่อนหน้านี้ข้าสังเกตว่า หลังจากที่เื่เ้าตั้งครรภ์แพร่ออกไป คนที่มาบ้านเราคนแรกก็คือเด็กซานหนิว เกรงว่าในท้องเ้าน่าจะเป็ผู้ชายนะ”
“ท่านแม่ หมอบอกว่าข้าคลอดชุนเซียงและร่างกายาเ็ โชคดีที่ลูกรองมักจะหาวิธีเอาของดีกลับมา พอบำรุงไปหนึ่งชุด ใครจะรู้ว่าตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ ดีที่ท่านหมอบอกว่า เพียงแค่กินยาบำรุงครรภ์ไม่กี่ชุด ครรภ์นี้ก็ปลอดภัย นับว่าข้ามีบุญมาั้แ่ชาติปางก่อนจริงๆ”
“ขมนำหวานตาม แม่ว่า เ้าคงผ่านความทุกข์ยากในชีวิตนี้มาหมดแล้ว ต่อไปคงรอพบเจอแต่ความอยู่ดีมีสุข เ้าอย่าปฏิเสธ ข้ามองดูเต้าเซียงเก็บไข่ได้หลายตะกร้าต่อวัน ใครเห็นใครก็รัก ได้ยินนางพึมพำว่า ลำพังขายไข่ไก่ วันหนึ่งก็มีรายได้ไม่น้อย”
จางกุ้ยฮัวยิ้มอย่างมีความสุข ตอนนี้ในหมู่บ้านใครบ้างที่ไม่เลื่อมใสที่นางคลอดบุตรสาวที่ดีได้ กระทั่งว่ามีลูกสะใภ้ที่แต่งเข้ามาในหมู่บ้านนี้ให้กำเนิดบุตรสาว ก็ไม่ได้ยินว่าจะมีแม่สามีบ้านใดต่อว่าและตำหนิ ได้ยินเพียงว่าต้องดูแลสะใภ้่อยู่เดือนให้ดี เกรงว่าลูกสะใภ้จะได้รับความลำบาก
“ข้าว่า ขอเพียงสั่งสอนให้ดี ลูกชายหรือลูกสาวก็เหมือนกันหมด”
เฉินซื่อยิ้ม “แต่นี่เป็เพียงเหตุผล เ้าดูหมู่บ้านเ้าสิ เด็กผู้ชายโตมาก็รู้จักแต่ขึ้นเขาไปหารังนก จับปลาในลำธาร แต่ว่าลูกสาว ไม่ถึงห้าขวบก็ฝึกทำงานบ้าน แล้วยังฝึกเย็บปัก ทั้งยังหาเงินได้ไม่น้อย”
“ชิวเซียงเป็เด็กดี เด็กสาวในหมู่บ้านยินดีเรียนกับนาง นางก็ยินดีที่จะสอน” จางกุ้ยฮัวนึกถึงชิวเซียงก็หุบยิ้มไม่ลง
เฉินซื่อถอนหายใจ “ลูกชาวนาเดิมทีก็อาศัยผู้ชายมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จึงเกิดการให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่า เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนนั้นไม่รู้หนังสือ ไม่เห็นถึงความใส่ใจของลูกสาว ทีนี้เป็อย่างไร แต่ละคนยิ้มปรี่เชียว ข้าว่าฮวงจุ้ยของหมู่บ้านสามสิบลี้นั้นดี ตอนนี้แต่ละบ้านก็หันมารักใคร่ลูกสาวแล้ว นี่เป็เื่ดี!”
หลิวเต้าเซียงกลับมาพอดี เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินซื่อก็ยิ้ม “ท่านยาย ลูกสาวเป็อย่างไรหรือ ลูกสาวก็เลี้ยงดูครอบครัวเหมือนกัน”
นางไม่อาจไปท้าทายพละกำลังแบบผู้ชายได้ แต่นางก็ใช้ความสามารถในแบบของตนเองเพื่อเปลี่ยนชะตาชีวิตของครอบครัวได้ ขอเพียงขยันหมั่นเพียรและมีความพยายามเป็พอ!
“โอ้โฮ เก็บไข่ได้ไม่น้อยเลย รีบเข้ามานั่งพักเร็วเข้า กุ้ยฮัว ข้าว่าเ้าควรเห็นด้วยกับคำพูดของหลานสาวข้านะ ซื้อบ่าวรับใช้แก่กับเด็กมาไม่กี่คน” เฉินซื่อเอ็นดูหลานรักของนาง
จางกุ้ยฮัวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า “ท่านแม่ การจะซื้อบ่าวรับใช้เป็เื่ง่าย เพียงแต่ว่า พ่อของพวกนางบอกว่าถึงอย่างไรงานทำความสะอาดเล้าไก่กับคอกหมูก็ให้เด็กๆ ในหมู่บ้านทำ พวกนางสามพี่น้องก็มีหน้าที่แค่เก็บไข่ ชุนเซียงยังเด็ก ความหมายของพ่อนางคือ ชุนเซียงกับเต้าเซียงยังต้องขัดเกลาอีก เื่ซื้อบ่าวรับใช้จึงยังไม่ต้องก็ได้”
หลิวซานกุ้ยมีดุลยพินิจของเขาเอง เพิ่งแยกครอบครัวไม่ถึงหนึ่งปี ก็จะซื้อบ่าวรับใช้ทั้งแก่ทั้งเด็ก เกรงว่าจะเป็ที่สะดุดตาคนอื่นเกินไป
“ท่านแม่ แต่ก่อนข้าเคยได้ยินซานกุ้ยเอ่ยว่า เดิมทีเขาเคยไปทำงานที่บ้านเ้านายคนหนึ่ง บ้านนั้นเดิมทีก็เป็บ้านเกษตรกรทั่วไป ต่อมาจู่ๆ ก็มั่งคั่งร่ำรวย เพียงแค่หนึ่งปีทั้งซื้อบ้านซานจิ้นย่วนและที่นาดีมากมาย ปรากฏว่าสะดุดตาผู้คนเกินไป กลับโดนคนปล้นฆ่าภายในข้ามคืน โชคดีที่ตอนนั้นซานกุ้ยกลับมาเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงแล้ว มิฉะนั้น…”
เฉินซื่อได้ยินดังนั้นจึงเงียบ ไม่เอ่ยถึงเื่ซื้อบ่าวรับใช้อีก
“ท่านยาย พวกเราพี่น้องก็แค่เก็บไข่ ไม่ได้มีเื่อะไรให้ยุ่ง จะได้ขยับร่างกายหน่อย ดูสิ ชุนเซียงตอนนี้เก่งมากๆ รู้ว่าควรเก็บไข่มาไว้ในตะกร้าด้วย”
จางกุ้ยฮัวมองไปที่ไข่เ่าั้ พลันตื่นเต้นแล้วเอ่ยถาม “ลูกรัก ตอนนี้บ้านเราหาเงินได้เท่าไร?”
“หนึ่งวันน่าจะมีเงินสี่ตำลึงเข้าบัญชี”
ไก่ของหลิวเต้าเซียงเริ่มวางไข่ วันหนึ่งเก็บได้หลายพันใบ อิงตามราคาชั่งละสิบสองอีแปะให้เกาจิ่ว หนึ่งวันที่บ้านก็สามารถเก็บได้หลายร้อยชั่ง จึงมีเงินเข้าบัญชีราวสี่ตำลึงต่อวัน
นางหยิบเงินแท่งที่นำไข่ไปแลกมาตอนเช้าแล้วยื่นให้จางกุ้ยฮัว
“ลูกรัก หนึ่งวันขายไข่ได้สี่ตำลึงจริงหรือ?” จางกุ้ยฮัวถือเงินแท่งสี่ตำลึงไว้ในมือ ซึ่งมีค่าแท่งละหนึ่งตำลึง
นี่คือสิ่งที่เกาจิ่วจงใจเตรียมไว้ให้หลิวเต้าเซียง
หลิวเต้าเซียงตอบว่า “ใช่แล้ว ท่านแม่ แต่นี่ยังไม่ใช่กำไรสุทธิ ท่านอย่าลืมสิ ลูกไก่กับอาหารไก่ล้วนค้างชำระไว้ ไก่ห้าพันตัว วันหนึ่งต้องกินอาหารราวห้าร้อยชั่ง ของเหล่านี้ล้วนเป็เงิน”
จางกุ้ยฮัวลูบเงินและเอ่ย “จะว่าไปก็ถูก ไม่รู้ว่าจนถึงสิ้นปีจะหาได้เท่าไร”
“ท่านแม่ ท่านวางใจเถิด เราต้องมีแน่ เพียงแต่อาจจะหาได้น้อยหน่อย!”
เฉินซื่อเตือนอยู่ด้านข้าง “รีบเก็บไว้เร็วเข้า เด็กๆ เ่าั้เก็บหญ้ามาแล้ว หลานรัก เ้าควรคิดค่าแรงให้เด็กเ่าั้ได้แล้ว”
หลิวเต้าเซียงยิ้มและมองไปที่ตะกร้าไม้ไผ่ที่เรียงรายอยู่บนพื้น “เข้าใจแล้ว ท่านย่า”
นี่เป็ความคิดของนางเอง ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มตัวน้อยทั้งหลายในหมู่บ้านอยู่ใน่ที่สุนัขยังรังเกียจ ผู้ใหญ่ในบ้านต่างก็ยุ่งกับการทำนา ส่วนหลี่เจิ้งพอว่างก็มักจะคาบยาสูบมานั่งมองดูพวกเขาที่ริมน้ำ กลัวว่าเด็กซนเหล่านี้จะตกน้ำ
ณ ตอนนั้นจางกุ้ยฮัวก็รวบรวมซื้อหมูมาที่บ้านสองร้อยกับอีกหกตัว หลิวเต้าเซียงไปหาหลี่เจิ้งและปรึกษากับเขา แล้วก็ตกลงเื่อาหารหมูไว้
“พี่ เต้าเซียง!” ซานหนิวออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเด็กคนอื่นๆ
“วันนี้พวกเ้าเก็บหญ้าหมูมาได้ไม่น้อย!” หลิวเต้าเซียงมองไปที่หญ้าหมูที่สดและอ่อน ยิ้มแล้วโบกมือให้พวกเขา
“วิธีที่พี่เต้าเซียงสอนดีมาก ทุกครั้งที่พวกเราเกี่ยวหญ้าหมูเสร็จ ก่อนตะวันตกดินพวกข้าก็รดน้ำที่ต้นหญ้าเ่าั้แล้วยังฉี่รดด้วย!” ซานหนิวเป็เพียงเด็กอายุห้าถึงหกขวบ ไม่รู้จักอายแม้แต่นิดเดียว แล้วยังบอกหลิวเต้าเซียงว่าในหมู่พวกเขา เขานั้นร้ายกาจที่สุด เพราะปัสสาวะได้ไกลสุด!
หลิวเต้าเซียงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมเขา จึงเอ่ยต่อ “ให้ข้าคำนวณดู วันนี้คือวันที่ยี่สิบเดือนแปด คำนวณแล้วก็หนึ่งเดือน ข้าบอกไว้ว่าหญ้าตะกร้าละหนึ่งอีแปะ พวกเ้าได้มาวันละสองตะกร้า แบ่งได้คนละหกสิบอีแปะเชียวนะ!”
หญ้าหมูขึ้นอยู่ทั่วูเา แต่ต้องใช้เวลาพอสมควรในการเกี่ยว หญ้าเหล่านี้หากว่าให้ผู้ใหญ่ไปเกี่ยวคงใช้เวลาไม่นาน
พวกซานหนิวพอรู้ว่าได้กันคนละเท่าไร ก็ดีใจจนหุบยิ้มไม่ลง เผยให้เห็นช่องโหว่ที่ฟันน้ำนมหลุดออกไป
“ฮ่าๆ ซานหนิว เ้ากำลังมีฟันงอกใหม่หรือ!” หลิวเต้าเซียงเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะเขา แล้วเอ่ยต่อ “ห้ามกินลูกอมอีกนะ”
เฉินซื่อพูดอยู่ด้านข้าง “อีกหนึ่งเดือนกว่า เกรงว่าจะไม่มีหญ้าหมูให้เก็บแล้ว”
“อืม ผ่านพ้นวันซวงเจี้ยง [2] อากาศก็เริ่มหนาว เด็กๆ คงไม่อาจขึ้นเขาได้ทุกวัน” จางกุ้ยฮัวเสริม
“ซานหนิว รอหลังจากซวงเจี้ยง พวกเ้าหาเวลาหนึ่งชั่วยามมาหาข้าทุกสามวัน” หลิวเต้าเซียงพูดถึงตรงนี้เพื่อหลอกล่อความสนใจ
-----
เชิงอรรถ
[1] ฉางเอ๋อร์ (จีน: 嫦娥; พินอิน: Cháng é) เป็เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ตามความเชื่อปรัมปราของจีนและลัทธิเต๋ารวมถึงลัทธิขงจื๊อ
[2] วันซวงเจี้ยง 霜降 คือ่ประมาณวันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี เป็่สุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งเป็่น้ำค้างแข็งต้นฤดูหนาว
