ทันทีที่นักบู๊ขายข่าวผู้นั้นออกไป ไท้หยูก็รับรู้ได้แล้วว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้ถูกล้อมเอาไว้ มาตรว่ามิทราบมียอดฝีมือระดับใดบ้าง แต่พอคาดเดาได้ว่าไม่น้อยไปกว่าครั้งที่สองเ้าสำนักบุกเทือกเขาหยก อาจบางทีมีจำนวนมากกว่านั้น
ศิษย์พี่ของเขาเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับจิตไร้ขอบ เขาจำอายุแน่นอนไม่ได้ทว่ามั่นใจว่าอยู่ใน่สี่สิบปี ศิษย์พี่ฝึกตนก่อนเขา รุ่ยซวนเป็ผู้ที่ถือกำเนิดในเทือกเขาหยก เป็บุตรของผู้รับใช้ในสำนักพันปี เมื่อกำเนิดเกิดมาก็มีผู้าุโเล็งเห็นว่ามีร่างกายที่พิเศษ มีพร์ด้านฝึกตนฝึกยุทธ์
บุญพาวาสนาส่งสุดท้ายได้กลายเป็ลูกศิษย์ของอาจารย์ ซึ่งตอนนั้นอาจารย์ยังไม่ได้รับตำแหน่งประมุขพันปี วิชาเอกของอาจารย์ตอนนั้นได้ถ่ายทอดให้รุ่ยซวนทั้งหมด วิชาที่รุ่ยซวนฝึกและใช้ ไท้หยูรู้และคุ้นเคยอย่างยิ่ง
ทว่ายามนี้ท่าร่างดุจเงาภูต เขาไม่เคยเห็นมาก่อน คาดว่าเป็วิชาที่ฝึกตามหลังมา
มือสันดาบฟันใส่ลำคอ โล่สีดำที่ลอยอยู่ด้านหลังพลันหายวับ เสียงเคร้งดังสะท้านบังเกิดประกายไฟ ที่ต้นคอของไท้หยูพลันเปลี่ยนเป็สีดำ ิัมิใช่ิั ทว่าเป็เกล็ดเหมือนกระดองเต่า
ความสามารถระดับรวมกายของสายอาวุธ เปลี่ยนส่วนหนึ่งของร่างกายเป็อาวุธ ยามนั้นมือขวาไท้หยูพลันเป็ประกาย เพริศแพร้วสุดแสนดั่งมองสายรุ้งอาทิตย์สาดส่อง เจิดจ้าแสบตาแทบบอด ฝ่ามือผลักไปเบื้องหน้า อากาศคล้ายถูกแยกออกเป็ห้าชั้นจากนั้นผลักใส่ทรวงอกของรุ่ยซวน ชุดดำพลันหลุดร่วง บุปผาทมิฬปลิดปลิว ที่ทรวงอกของรุ่ยซวนปรากฏฝ่ามือประทับ ทว่าไม่สามารถกรีดทำร้ายิั
วิชายุทธ์สายโจมตีเดียวที่ไท้หยูฝึกคือ หัตถ์ทะลวงนภา ไท้หยูยามนี้ลมปราณไม่ทรงพลังเท่าเก่า ทว่ามีร่างกายแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
“วิชาร่างทองพันชั้นอาจถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดในปฐี ทว่าตราบใดที่เ้ายังไม่สามารถบรรลุถึงขั้นหยกวิสุทธิ์ทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์ เ้ามิใช่ระดับจิตไร้ขอบเหมือนก่อน การโจมตีของเ้าไม่สามารถทำร้ายข้าได้ เ้าศิษย์น้องโง่เง่ากลับรนหาที่ตายเสียเอง ...หลังจากเ้าตายตำแหน่งประมุขจะเป็ของข้า”
รุ่ยซวนหัวร่ออย่างสมใจ คล้ายกับตาชั่งแห่งชัยชนะหันเอียงไปทางเขา ผู้ฝึกยุทธ์ไม่มีอาวุธเพราะร่างกายของพวกเขาถือเป็อาวุธที่ดีที่สุด ทว่าของวิเศษนั้นต่างออกไป
เงาสีดำพลันพุ่งผ่าน ภายในโรงเตี้ยมพลันปรากฏหิมะตก สีขาวพร่างพรมอ่อนหยุ่น บนผนังกำแพง พื้นใต้เท้า บนโต๊ะเก้าอี้ล้วนบังเกิดแสงสีขาวสว่างวาบออกมา อักขระที่บิดเบี้ยวกระจายออกปกคลุมทั้งโรงเตี้ยมเอาไว้
“มาแล้ว” ไท้หยูลอบมองด้านข้างครุ่นคิดในใจ อักขระเหล่านี้เป็วิชาของผู้ฝึกพยุหะ
ร่างของรุ่ยซวนปรากฏขึ้นตรงหน้าไท้หยูห่างเพียงห้าเชียะ นิ้วสี่นิ้วงอเข้าจากนั้นดีดออก เกล็ดหิมะที่บังเกิดจากสิ่งไม่มีเ่าั้พลันถูกรั้งรวมด้วยกัน จากก้อนกลมเล็กกลายเป็ใหญ่ เมื่อก้อนกลมใหญ่กลายเป็ไม่มี ไร้รูปไม่สามารถรับรู้ พลังเย็นเยียบสี่สายพุ่งจู่โจมใส่ทรวงอกหน้าท้องของไท้หยู
ยามนั้นร่างของไท้หยูพลันเปลี่ยนเป็สีหม่น ทั้งร่างนอกร่มผ้าเป็สีเงินวาววับกลายเป็เหล็กประกายพร่างพราย “ร่างเหล็กดารา” “วิชาร่างทองพันชั้น”
เสียงเคร้งดังสามคราจากนั้นเป็เสียงฉึก พลังเย็นเยียบทะลวงหน้าท้อง ร่างของไท้หยูถูกพลังแฝงที่โจมตีใส่กระแทกไปด้านหลังสาวก้าว
จากการถูกโจมตีถอยหลัง ไท้หยูค่อยเห็นว่าโบ๋เวินก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ เมฆสีดำรูปอสรพิษพันรอบกาย ที่ใต้เท้าของโบ๋เวินมีอักขระสีขาวกำลังเลื้อยพัน คล้ายกับสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยพยายามปีนไต่และกัดกินร่างของเขา ถูกพยุหะสะกดเอาไว้มิอาจขยับเขยื้อน
ที่หน้าประตูทางเข้าพลันเพิ่มคนผู้หนึ่ง บุรุษสวมชุดแพรไหมเลิศหรู มือถือพัดจีบสีเหลืองปักลายั ใบหน้าหล่อเหลา เป็ลักษณะของผู้ดีตระกูลใหญ่
บุรุษชุดแพรไหมโบกพัดัดังพึ่บ ที่ใต้เท้าเกิดอักขระมากมายจากนั้นแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นร่างก็หายไป
ขณะเดียวกันอึดใจถัดมาร่างของบุรุษชุดแพรไหมพลันปรากฏตรงหน้าไท้หยู พัดักางออกโบกใส่ อักขระสีขาวมากมายดั่งมดแมลงโปรยตามลมสาดใส่ร่างของไท้หยู ยามนั้นความรู้สึกแหลมคมมากมายพลันทิ่มแทงใส่ร่าง ไท้หยูพุ่งร่างไปด้านข้าง อักขระที่ลอยกลางอากาศพลันหันขวับกลับเลี้ยวพุ่งตามเขา
รุ่ยซวนที่ด้านหน้าพลันพุ่งเข้ามาหมัดต่อยใส่หน้าท้องของไท้หยู ท่าร่างรวดเร็วดั่งภูตพราย พลังหมัดหนักหน่วงดั่งขุนเขา เสียงเคร้งคร้างดังสะท้าน ร่างของไท้หยูถูกระดมหมัดต่อยใส่
จากนั้นอักขระพลันพุ่งใส่ ดั่งเศษสะเก็ดอันคมกริบปักใส่ร่างจนอาภรณ์ชุ่มโชกด้วยเื หิมะทุกเม็ดที่ตกใส่ร่างล้วนสร้างาแความเ็ปให้แก่ไท้หยู
ยามกะทันหันดาบโพ่คงพลันปรากฏที่หว่างคิ้วของรุ่ยซวนแล้วแทงออก ที่ด้านข้างโล่ฮู้เทียนหมุนขว้างซัดใส่บุรุษชุดแพรไหม
คมดาบอยู่ห่างจากหว่างคิ้วสองนิ้วกลับถูกผ้าสีดำรัดพันตรึงเอาไว้ ผ้าสีดำที่พันรอบกายหลุดออกกลายเป็มีชีวิตขึ้นมา เศษผ้าของรุ่ยซวนคือของวิเศษชิ้นหนึ่ง
บุรุษชุดแพรไหมโบกพัดต้านทาน กลางอากาศบังเกิดอักขระขึ้นเป็กำแพงล้อมปะทะกับโล่สีดำ แรงลมปะทะพัดโล่ฮู้เทียนปลิวกระเด็น กำแพงอักขระแตกสลาย
บุรุษชุดแพรไหมใบหน้าซีดขาวขึ้นเล็กน้อย
ไท้หยูปรากฏเืไหลซึมที่มุมปาก ทันใดนั้นเสียงลมหวืดหวือพลันดัง จากนั้นเป็สายลมหอบใหญ่พุ่งเข้ามา รุ่ยซวนพุ่งเข้ามา ผ้าที่พันตัวกลายเป็อสรพิษหลายสิบตัว ยืดยาวได้ไม่สิ้นสุดพุ่งฝ่าใส่ใบหน้าไท้หยู
บุรุษชุดแพรไหมพลิกพัดกลับด้านัที่ด้านหลังพลันสว่างวาบ เห็นเขาโบกพัดอักขระสีทองเรืองรอง ัที่กอปรจากอักขระสีทองพลันพุ่งทะยานออกมา ใบหน้าดุร้าย สองตาแดงฉาน
“โฮก”
เสียงัคำรามดังสะท้านสี่ทิศแปดด้าน ไท้หยูเผชิญการโจมตีประหัตปะาขนาบสองข้าง ได้แต่เลือกปัดป้องั เขาเปลี่ยนจากคุมดาบเป็ถือดาบ โล่ปรากฏที่มือซ้าย ถือดาบที่มือขวา
ดาบสั่นะเืปราณดาบทะลักราวคลื่นสมุทร ไท้หยูหมุนคว้างกลางอากาศตวัดดาบฟันใส่อสรพิษที่แปลงจากชุดของรุ่ยซวน จากนั้นเอี้ยวตัวหันกลับแทงดาบใส่ั ขณะเดียวกันก็ซัดโล่ดำในมือใส่โบ๋เวินที่อยู่ห่างออกไป
เปรี้ยง
แรงปะทะบังเกิดระลอกลมรุนแรง พัดเศษซากเก้าอี้โต๊ะที่แตกกระจายเป็พายุ ัอักขระทองถูกดาบแทงใส่ทว่าไม่สามารถลดทอนพลัง ตัวอักขระบนตัวัยิ่งเรืองรองเจิดจ้า อ้าปากใหญ่กลืนดาบเข้าไปครึ่งหนึ่ง
ดาบโพ่คงพลันสูญเสียพลัง กลับกลายเป็ถูกผนึกไปแล้ว สูญเสียการเชื่อมโยงระหว่างเ้านายชั่วขณะหนึ่ง
ไท้หยูใบหน้าซีดขาวมุมปากสองข้างปรากฏโลหิตไหล ทว่าใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้ม ดวงตายังคึกคัก
บุรุษแพรไหมคล้ายเห็นแล้วรู้สึกขัดใจยิ่ง โบกัพับเก็บจากนั้นเปิดออก จากพัดสีเหลืองกลายเป็สีขาว ยามนั้นหิมะที่ตกพลันหายไป ไท้หยูรู้สึกถึงอันตรายอย่างแท้จริง
รุ่ยซวนพอเห็นกระบวนท่านี้เปลี่ยนจากสภาวะไล่จู่โจมเป็พุ่งถอยไปด้านหลัง ผ้าที่แปรเป็อสรพิษเ่าั้ยืดยาวแล้วม้วนพันทั้งร่างกลายเป็ชุดเกราะสีดำ
ที่ด้านข้างโบ๋เวินที่ถูกโล่ดำซัดจนปลิวพลันขยับเคลื่อนตัว เมฆอสรพิษขยายออกเปลี่ยนเป็สองสาย ในโรงเตี้ยมพลันเกิดเมฆปกคลุม เมฆอสรพิษพุ่งใส่รุ่ยซวน ดึงเขาเข้าสู่การต่อสู้ โบ๋เวินเท้าเหยียบเมฆอสรพิษเอื้อมมือเข้าไปในเมฆ เมื่อดึงออกดาบที่กอปรจากเมฆสีดำพลันปรากฏในมือ โบ๋เวินตวาด “ไป” ดาบเมฆและเมฆอสรพิษพุ่งใส่รุ่ยซวน
รุ่ยซวนได้แต่ลาจากการจากกลุ้มรุมไท้หยูหันมารับมือเมฆั ผ้าดำที่แปรเป็ชุดเกราะรัดพันมือครู่เดียวก็กลายเป็หมัดเหล็กต่อยปะทะใส่เมฆอสรพิษและดาบเมฆ ลมปราณแตกะเิทำลายเสาโรงเตี้ยมแตกกระจาย
ยามนั้นพลันบังเกิดประกายสายหนึ่ง เย็นเยียบดั่งน้ำแข็งขาวนวลดุจจันทรา กระบี่เล่มหนึ่งปรากฏก็กรีดใส่แผ่นหลังของโบ๋เวิน เจียเซินที่ถูกโจมตีจนกระเด็นกลับสู่สนามรบ กระบี่รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟันใส่แผ่นหลังโบ๋เวิน
โบ๋เวินขบกรามกรอดเมฆอสรพิษที่ใต้เท้าม้วนพันร่างกายปัดป้องกระบี่ที่ลอบสังหาร โบ๋เวินโบกมือปล่อยเมฆอสรพิษพุ่งกัดใบหน้าเจียเซิน
เจียเซินพอทราบว่าลอบสังหารไม่สำเร็จก็ะโทีเดียวถอยปราดไปหน้าประตูทางเขา เขาเป็ผู้ฝึกตนขั้นรวมกายสายอาวุธ ในการประหัตปะาระหว่างจิตไร้ขอบ การต่อสู้ซึ่งหน้านั้นเขาไม่มีสิทธิ์ หากเลินเล่อเข้าโจมตีเปะปะชีวิตคงดับสูญอย่างง่ายดาย ดังนั้นได้แต่รอฉวยโอกาส
โบ๋เวินพอแบ่งแยกสมาธิ จึงเปิดโอกาสให้รุ่ยซวนโจมตี เงาสีดำวูบไหวที่เบื้องหน้าหมัดใหญ่ที่พันด้วยผ้าสีดำพลันพุ่งเข้ามา หมัดนี้ดูธรรมดาอย่างยิ่งทว่าอัดแน่นด้วยลมปราณและพลังของวิเศษ ดูคล้ายเชื่องช้าทว่ารวดเร็วประหนึ่งสายวิชชุ
เปรี้ยง
หมัดใหญ่ต่อยใส่ใบหน้า โบ๋เวินกระเด็นไปด้านหลังเมฆัม้วนพันร่างดึงเขาเอาไว้ ทันทีที่โดนหมัดต่อยใส่รู้สึกลมปราณในร่างคลุ้มคลั่ง โคจรพลังได้อย่างยากเย็นติดขัด
รุ่ยซวนหัวร่อพุ่งตามติด ต่อยหมัดที่สองที่สามออกมา โบ๋เวินประกบฝ่ามือเข้าด้วยกันจากนั้นแยกออก เมฆอสรพิษคำรามราวกับมีชีวิต อสรพิษขยายใหญ่ดวงตาลืมขึ้นเป็สีแดงที่ศีรษะมีเขาสองเขา พอม้วนพันร่างก็กลืนเป็อาภรณ์ โบ๋เวินกระทืบเท้า
พื้นดินด้านล่างรุ่ยซวนพลันปรากฏัเมฆพุ่งออกมา จากนั้นที่ด้านหลัง ซ้าย ขวา สี่ทิศปรากฏัเมฆพุ่งพันธนาการร่างของเขาเอาไว้ โบ๋เวินประกบนิ้วชี้นิ้วกลางต่างดาบแทงใส่หน้าอกรุ่ยซวน
รุ่ยซวนรับรู้ถึงกลิ่นอายความตายแฝงมากับกระบวนท่า เขากู่ร้องเสียงยาวชุดเกราะสีดำะเิหลุดออกจากร่างทำร่างพันธนาการัเมฆ จากนั้นยกสองแขนตั้งรับดรรชนีดาบ
ฉึก
นิ้วของโบ๋เวินแทงใส่แขนรุ่ยซวน เมื่อประสบผลสำเร็จโบ๋เวินไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ จู่โจมออกคำรบสอง เมฆัต่างอาภรณ์ปรากฏแขนสองแขนยื่นออกมา กรงเล็บแหลมคมตะปบใส่ร่างรุ่ยซวน หยาดโลหิตกระเซ็นซ่านขึ้นฟ้า สองแขนของรุ่ยซวนถูกกรงเล็บตะปบจนเป็เนื้อแหลกเละ
ทันใดนั้นรุ่ยซวนพลันลดมือลง ทันทีที่เห็นใบหน้า โบ๋เวินพลันรู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวง ทว่าไม่ทันหลีกเลี่ยงก็ถูกปราณสีดำพ่นใส่ใบหน้า รุ่ยซวนเป่าปากปล่อยลมปราณดำโจมตีใส่ใบหน้าโบ๋เวิน ในลมปราณแฝงพิษและคำสาป เป็หนึ่งในวิชาของผู้ฝึกมนต์ดำ คาดว่านี้เป็วิชาก้นหีบที่ผู้ฝึกมนต์ดำทิ้งเอาไว้ให้
โบ๋เวินถูกปราณมืดพ่นใส่ใบหน้าถึงกับเขียวคล้ำเมฆัที่ด้านหลังแตกสลาย ทันใดนั้นพลันปรากฏประกายเย็นเยียบสามสายพุ่งจากเบื้องบน จู่โจมสังหารเข้ามา