ซูเฟยเฟยตกตะลึงไปอีกครั้ง ความเย็นที่แพร่กระจายเข้าไปในหัวใจทำให้เธออดขยับเข้าไปใกล้เย่เทียนเซี่ยไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็บรรยากาศที่พวกเขาสร้างขึ้นมาหรือสิ่งที่พวกเขาพูดออกมาก็ล้วนทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความโหดร้ายทั้งสิ้น
แม้จะเป็เพราะคนอื่นใช้ชื่อของเย่เทียนเซี่ยก็ตาม
เทียนโม่เซี่ย.............คนๆนั้นคือหนึ่งในสามตำนานอันดับต้นๆในโลกเกมออกไลน์ของหัวเซี่ย ผู้มีฉายาว่า “าาปีศาจไร้พ่าย” ที่แท้เขาก็คือเทียนเซี่ยหรอกเหรอ!
“เอาเถอะ ไม่ต้องโกรธหรอก เป็อย่างนี้ก็ดี มีชื่ออีกชื่อนึงอยู่แบบนี้ก็รู้สึกไม่เลวเหมือนกัน” เย่เทียนเซี่ยยิ้มสบายๆ
จั้วพั่วจวินกดความโกรธไว้ในใจแล้วพูดออกมายิ้มๆ “เฮ้อ.....ก็จริง ไม่คิดเลยว่าเ้าตัวปลอมนั่นจะไปได้ถึงอันดับที่สองในรายการจัดอันดับเลเวล บางทีคนๆนั้นอาจจะนำเื่น่าสนใจมาให้พวกเราไม่น้อยก็ได้นะครับ” เขาชะงักไปเล็กน้อยทันใดนั้นเขาก็ใช้ดวงตาของตัวเองมองไปที่ซูเฟยเฟยวูบหนึ่ง จากนั้นก็ถามออกมาเสียงต่ำอย่างระมัดระวัง “พี่รอง ผมถามพี่สักเื่ได้ไหม...........่นี้พี่ไม่ได้ติดต่อเจ๊ใหญ่เลยเหรอ........ เธอดูเหมือนจะรู้เื่ที่พี่กับคุณหนูซู........ แหะๆ อยู่ด้วยกันแล้วล่ะ”
“อยู่ด้วยกัน? เห้ย! อย่าพูดมั่วๆน่า พวกเราแค่........แค่.........เทียนเซี่ยแค่มาปกป้องฉัน พวกเราแค่อยู่บ้านเดียวกันเฉยๆ แล้วก็ไม่ได้..... ไม่ได้นอนด้วยกันนะ อย่ามาพูดมั่วๆ!” ซูเฟยเฟยเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วะโออกมาเสียงแหลม ร่องรอยสีชมพูระเรือบนใบหน้าของเธอยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ใช่ๆ ฉันรู้แล้ว” จั้วพั่วจวินมีเหงื่อผุดพรายขึ้นมาเต็มหน้า จริงๆแล้วสาเหตุที่ซูเฟยเฟยเข้าไปอยู่ในบ้านของเย่เทียนเซี่ยนั้นเขาก็ตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้ว รวมทั้งค่าจ้างสามร้อยล้านเหรียญหัวเซี่ยต่อปีนั่นก็ด้วย แต่จริงๆแล้วชายหญิงอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน อีกทั้งเย่เทียนเซี่ยเดิมทีก็มีนิสัยที่ไม่ชอบให้ใครก้าวเข้าไปในบ้านอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้กลับเต็มใจให้ซูเฟยเฟยมาอยู่ในบ้านของเขา และเมื่อมองท่าทีที่คนทั้งสองแสดงออกมาอีกครั้งคนโง่ก็ยังมองออกว่ามันมีท่าทีสนิทสนมกันขนาดไหน ระหว่างพวกเขาอาจจะ.............
เย่เทียนเซี่ยถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะถามออกไป “ พั่วจวิน ่นี้เจ๊ใหญ่เป็ยังไงบ้าง สบายดีอยู่หรือเปล่า....... ฉันก็ไม่ได้เจอเธอนานแล้ว ไม่รู้ว่าเธอจะโกรธฉันหรือเปล่า”
“เจ๊ใหญ่...........”
“เฮ้! น้องชายเทียนเซี่ย ยังถือว่านายมีจิตใจอันดีงามที่ยังจำได้ว่าน่าจะถามถึงพี่สาวบ้าง ไม่ได้เจอกันนานพี่สาวเป็ห่วงนายมากจนปวดใจเลยล่ะ”
เสียงที่ดังเข้ามาในหูราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่อ่อนโยนและนุ่มลึก และนำมาซึ่งจังหวะหัวใจที่ยากจะสงบลงไปได้ เมื่อได้ยินเสียงนั้นสีหน้าของผู้ชายสามคนที่อยู่ ณ ที่นั้นก็แตกต่างกันไป จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองทางต้นเสียงนั้นพร้อมกัน.........
หญิงสาวที่อยู่ในชุดง่ายๆคนหนึ่งก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆคล้ายเหยียบลงบนปุยเมฆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม รอจนเธอเดินเข้ามาใกล้ใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า ใบหน้าของเธองดงามเป็หนึ่งไม่มีสองเหมือนดอกไม้งาม ไม่ว่าใครได้เห็นใบหน้านั้นครั้งแรกก็จะต้องคิดว่าเธอช่างเหมาะกับคำว่า “งามล่มเมือง” ซึ่งสามารถทำให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมาราวกับอยู่ในความฝันได้เลย
เส้นผมยาวสยายเหมือนน้ำตก ผิวพรรณขาวสะอาดเหมือนหิมะ มุมปากที่ยกยิ้มขึ้นมานั้นสง่างาม คิ้วโก่งเหมือนคันศรและดวงตาคู่นั้นช่างมีเสน่ห์เย้ายวนและริมฝีปากของเธอก็เป็สีชมพูเหมือนดอกไม้สด ทั้งหมดนั่นทำให้คนที่มองเพียงแวบเดียวตะลึงค้างสติหลุดลอยและเกิดความปรารถนาราวกับคลื่นน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมาได้......... จริงๆแล้วทุกส่วนของเธอล้วนงดงามไร้ที่ติ จะเรียกว่าเป็ผลงานชิ้นเอกของพระเ้าก็ว่าได้! เสน่ห์เหลือร้ายราวกับปีศาจและความงามลึกลับราวกับความฝันนั้นมากพอที่จะทำให้ผู้ชายทุกคนบนโลกเป็บ้าได้เลยทีเดียว
ชุดมือใหม่ง่ายๆที่อยู่บนร่างของเธอกระชับแนบรัดไปกับร่างของเธอเล็กน้อย มันแนบชิดไปกับหน้าอกและสะโพกที่เธอภูมิใจนักหนา หน้าอกและสะโพกของเธอนูนเด่นออกมาอย่างชัดเจน ส่วนเอวก็บอบบางราวกับริบบิ้นเส้นน้อย รูปร่างของเธอผอมบาง ทุกอย่างที่ปรากฏขึ้นมาบนเรือนร่างของเธอล้วนทำให้เืลมของผู้คนที่พบเห็นเดือดพล่านขึ้นมาทันทีเพราะสิ่งที่ปรากฏออกมามันคือรูปร่างตัวเอสที่งดงามสมบูรณ์แบบ.......... นี่คือหญิงสาวที่มีร่างกายชวนตกตะลึง เมื่อมองไปที่เธอก็จะรู้ได้ทันทีว่าอะไรคือหน้าอกและสะโพกที่แท้จริงและอะไรที่เรียกว่าเรือนร่างราวกับปีศาจร้าย หน้าอกใหญ่โตทำให้เสื้อผ้าที่อยู่บนหน้าอกของเธอนูนเด่นออกมา ระดับที่มันนูนออกมาทำให้คนมองกลัวว่าเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่นั้นจะปริแตกออกมา ส่วนสะโพกของเธอก็กลมกลึงสวยงาม เอวก็คอดกิ่วแบบบาง ภายใต้องค์ประกอบที่จัดวางเอาไว้เช่นนี้ไม่เพียงไม่มีส่วนไหนไม่สอดคล้องกัน และมันยังปลดปล่อยเสน่ห์ล่อลวงอันน่ากลัวออกมาอีกด้วย
ตามที่เธอเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ร่างกายอวบอัดของเธอก็เผยส่วนเว้าส่วนโค้งออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ส่วนเว้าส่วนโค้งที่เดิมทีก็ทำให้คนใจสั่นอยู่แล้วก็ยิ่งดูน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นไปอีก........
ปีศาจ.............นี่คือหญิงสาวที่งดงามราวกับปีศาจ
เมื่อหญิงสาวที่มีรูปร่างสุดยอดและน่าค้นหามองเห็นคนที่สวยกว่าเธอและมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบกว่าเธอปฏิกิริยาอย่างแรกของเธอก็คือ..............
เมื่อซูเฟยเฟยมองเห็นเธอแวบแรกก็ทำการเปรียบเทียบตัวเองและผู้หญิงคนนั้นเงียบๆ...... เธอไม่อยากจะยอมรับ และไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด......... ว่าตรงหน้าของเธอนี้คือหญิงสาวที่งดงามราวกับปีศาจ เธอแพ้อย่างหมดรูป....... แม้แต่หน้าอกที่ปกติเธอจะภูมิใจนักหนาและทำให้คนมองไม่อาจจะละสายตาไปไหนได้ เธอแอบยืดหน้าอกของตัวเองขึ้นเล็กน้อย พยายามให้มันสูงขึ้นอีกหน่อย ต่อหน้าผู้ชายที่เธอชอบเธอจะยอมแพ้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งได้ยังไง
เมื่อใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นค่อยๆชัดเจนในสายตาของเธอยิ่งขึ้นเธอก็ตกตะลึง จากนั้นก็คิดถึงชื่อๆหนึ่งขึ้นมาทันที...... ชื่อหนึ่งที่ทำให้เธอต้องอึ้งไปอีกรอบ
“ฮายๆ.......... เจ๊ใหญ่ มาแล้วเหรอครับ” คุณชายสกุลจั้วที่เรียกลมเรียกฝนในจิงหัวได้อีกทั้งไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนเกรงอกเกรงใจคนั้นกลับแสดงท่าทีนอบน้อมต่อหญิงสาวตรงหน้า ไม่รู้ว่าเป็เพราะเคารพเธอมากหรือกลัวเธอมาก หรือว่าเป็ทั้งสองอย่างรวมกันกันแน่ ดวงตาของมู่หรงชิวสุ่ยพราวระยับก่อนจะเอ่ยปากชื่นชมออกมา “เจ๊ใหญ่ ไม่เจอกันหลายวันเลยนะครับ ออร่าของเจ๊ยังสว่างแสบตายิ่งกว่าดวงอาทิตย์อยู่เหมือนเดิม ต่อให้เจ๊ใส่เสื้อผ้าที่ดูน่าเกลียดกว่านี้ก็ยังไม่อาจปิดบังออร่าแสบตาของเจ๊ได้...........”
ริมฝีปากของหญิงสาวเผยยิ้มราวกับดอกไม้อันงดงาม หน้าอกอวบอิ่มขาวเนียนหนักแน่นขยับไหวตามจังหวะการก้าวเดิน เอวบางที่ทั้งยืดหยุ่นและยั่วราคะก่อเกิดเป็เสน่ห์ในส่วนโค้งส่วนเว้าที่เพรียวบางและดูอ่อนนุ่ม ดวงตาของเธอมองผ่านจั้วพั่วจวินและมู่หรงชิวสุ่ยไปหยุดอยู่ที่ร่างของเย่เทียนเซี่ย ไม่ว่าจะเป็ดวงตาของเธอหรือรอยยิ้มที่แย้มออกมาอย่างสวยงามก็ล้วนทำให้หัวใจของเขากระตุกได้เหมือนกัน แม้จะมีแรงกระตุกบางอย่างอยู่ข้างกายของเขาอยู่ก็ตาม........ แต่ในที่สุดเขาก็ก้าวเขาไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “เจ๊ใหญ่ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
หญิงสาวเอามือกุบใบหน้าก่อนจะลูบไล้ไปมาแล้วพูดออกมาอย่างน่าสงสาร “รู้ว่าไม่ได้เจอกันนาน แล้วยังใจร้ายไม่ไปเยี่ยมพี่บ้างเลย พี่สาวทำให้นายเกลียดกันมากขนาดนั้นเหรอ?”
เสียงของเธอฟังดูแล้วแฝงความเอาแต่ใจของผู้หญิงเอาไว้ ความรู้สึกที่พุ่งพล่านขึ้นมาทันทีทำให้ทั้งร่างของซูเฟยเฟยรู้สึกกระสับกระส่ายและครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมา และสิ่งที่ทำให้เธอยิ่งใกว่าก็คือเย่เทียนเซี่ยเพิ่งจะเรียกเธอคนนั้นว่า..... เจ๊ใหญ่
พวกเขา.............
“ไม่ใช่หรอกเจ๊ใหญ่ นิสัยของพี่รองเจ๊ก็รู้ดีอยู่แล้ว พี่เค้าจะเกลียดเจ๊ได้ยังไง” จั้วพั่วจวินรีบแก้ตัวแทนเย่เทียนเซี่ย
มู่หรงชิวสุ่ยมองเจ๊ใหญ่แวบหนึ่งจากนั้นก็มองซูเฟยเฟยที่มีท่าทางกังวลขึ้นมาทันที ท้ายที่สุดเขาก็มองสำรวจเย่เทียนเซี่ยอีกแวบหนึ่งจากนั้นก็หันกลับมาแล้วกระซิบเสียงเบา “เวลาและสถานที่เช่นนี้ช่างไม่เหมาะจริงๆ คนสองคนที่ไม่ควรพบกันได้มาพบกันแล้ว มันอาจจะเป็การปล้นดอกท้อที่เลวร้ายที่สุดในโลกหรือเปล่าเนี่ย?”
เย่เทียนเซี่ย จั้วพั่วจวิน มู่หรงชิวสุ่ย และคนอีกคนที่พวกเขาเรียกว่า “เจ๊ใหญ่” สี่ปีก่อนพวกเขาได้สาบานเป็พี่น้องกันภายใต้แสงจันทร์โดยให้ดวงจันทร์เป็พยาน เจ๊ใหญ่าุโสุด เย่เทียนเซี่ยรองลงมา จั้วพั่วจวินเป็น้องสาม และมู่หรงชิวสุ่ยที่มีอายุเพียงสิบห้าปีเป็น้องเล็กสุด ด้วยเหตุนี้เจ๊ใหญ่จึงได้เป็พี่สาวคนโตของพวกเขา ไม่ใช่แค่เพราะห้าปีก่อนเธอมีอายุครบยี่สิบซึ่งทำให้อายุของเธอมากที่สุดในกลุ่ม ที่สำคัญที่สุดก็คือเธอสามารถทำให้ผู้คนที่พบเห็นประทับใจได้อย่างง่ายดายจนทำให้ผู้ชายสามคนที่มีความเย่อหยิ่งสูงเสียดฟ้าเต็มใจเรียกเธอว่าเจ๊ใหญ่
ตลอดหลายปีที่อยู่ด้วยกันมา มีคนจำนวนน้อยมากที่จะคุ้นเคยกับเธอมากเท่าพวกเขา และในวันนี้ในน้ำเสียงของเธอไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ปรากฏความเศร้าและร่องรอยตำหนิติเตียนออกมาอย่างชัดเจน และดูเหมือนสาเหตุที่ทำให้เธอที่ไม่เคยแสดงอารมณ์เช่นนี้มาก่อนอาจจะเป็เพราะซูเฟยเฟยที่อยู่ข้างกายของเย่เทียนเซี่ย........... ส่วนเหตุผลที่แท้จริงนั้นมันค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่มาก
“เธอ...........สกุลหลิ่วใช่หรือเปล่า?” ซูเฟยเฟยที่ส่งเสียงออกมาตอนนั้นมองมาที่เธอด้วยดวงตาแปลกใจ
หญิงสาวปรายตามองเธอก่อนจะหัวเราะออกมาบาๆ “ได้ข่าวมานานมากแล้วว่าน้องสาวสกุลซูงดงามเป็หนึ่งไม่มีสอง ที่แท้ก็เป็ไปตามคำร่ำลือจริงๆ.........อายุของฉันมากกว่าเธอไม่กี่ปีงั้นจะเรียกเธอว่าน้องเฟยเฟยก็แล้วกัน..... จริงๆแล้วพี่สาวสกุลหลิ่วนั่นล่ะ”
“เธอคือเทพธิดาสกุลหลิ่ว.......หลิ่วชีเยว่จริงๆเหรอเนี่ย!” ซูเฟยเฟยใเบิกตาโต มือน้อยๆยกขึ้นปิดปากโดยไม่รู้ตัวเพื่อปิดเสียงร้องที่ดังออกมาด้วยความตื่นเต้นของตัวเอง
เทพธิดาสกุลหลิ่ว......... ในเมืองจิงหัว ดูเหมือนจะไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักความงดงามของเ้าของนามนี้........ ผู้ชายทุกคนล้วนปรารถนาและผู้หญิงทุกคนก็อิจฉาคนๆนี้.......หลิ่วชีเยว่ นางฟ้าซึ่งถูกขนานนามว่าเป็หญิงสาวที่ไม่เหมาะสมกับโลกมนุษย์ หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนยอมข้ามน้ำข้ามทะเลกว่าหมื่นลี้เพื่อไปชมความงามของเธอเพียงสักครั้ง เป็หญิงงามที่ทำให้เทียนจื่อและเสินจื่อแห่งหัวเซี่ยทำากันมานานหลายปี
ก่อนหน้านี้ซูเฟยเฟยเคยได้ยินชื่อของเธอมานานแล้ว ชื่อของหลิ่วชีเยว่โด่งดังขึ้นมาในหัวเซี่ยเมื่อแปดปีก่อน ั้แ่เธอเป็สาวน้อยจนโตมาเป็ผู้ใหญ่ ความงามที่เธอปลดปล่อยออกมาทำให้เสน่ห์ของเธอมากล้นขึ้นไปทุกวันๆ จากเดิมที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจก็กลายเป็ดึงดูดความสนใจของคนหมู่มากมาได้
หญิงสาวแบบนี้ถ้าอยู่ในครอบครัวคนธรรมดา ด้วยรูปลักษณ์ที่ราวกับนางฟ้านาง์จะต้องดึงดูความชั่วร้ายเข้ามาไม่หยุดหย่อนอย่างแน่นอน แต่ครอบครัวของเธอกลับทำให้ไม่มีใครกล้าดูิ่เหยียดหยามเธอได้...... พ่อของเธอ หลิ่วเชียนจวิน คือรองผู้นำของหัวเซี่ยที่มีอำนาจล้นฟ้าอยู่ในมือ แม่ของเธอ จั้วฉวนหรง คือพี่สาวของท่านผู้นำสูงสุดของหัวเซี่ย จั้วเจิ้นหัว และยังเป็ป้าของจั้วพั่วจวิน ผู้นำลำดับที่เจ็ดของหัวเซี่ย และยังควบคุมหน่วยสือราชการลับของรัฐบาลหัวเซี่ยอีกด้วย
การรวมตัวกันของตระกูลหลิ่วและตระกูลจั้วทำให้พวกเขากลายเป็ครอบครัวเดียวกันที่พึ่งพาซึ่งกันและกัน หากทำอะไรกระทบตระกูลหลิ่วก็ถือเป็การสั่นคลอนอำนาจสูงสุดของหัวเซี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย
และวันนี้คนสามคนที่มีตัวตนและเื้ัอันน่ากลัวมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้วเพื่อคนๆเดียวนั่นก็คือ......เย่เทียนเซี่ย หลิ่วชีเยว่ จั้วพั่วจวิน มู่หรงชิวสุ่ย............ เป็ชื่อที่สร้างความใได้ครั้งแล้วครั้งเล่าจริงๆ ตอนนี้ในที่สุดซูเฟยเฟยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนแรกพ่อของเธอถึงได้วางใจถอนบอดี้การ์ดของเธอออกไปและให้เธออยู่ข้างกายของเย่เทียนเซี่ยได้ อีกทั้งยังไม่ลังเลที่จะจ่ายเงินสูงลิ่วถึงสามร้อยล้านให้เขา........ จริงๆแล้วต่อให้เย่เทียนเซี่ยไม่ใช่คนที่มีพลังทางกายภาพที่แข็งแกร่ง แต่ถ้ามีเพื่อนสามคนแบบนี้ใครจะกล้ามาทำร้ายเขาได้? และใครยังจะกล้าทำร้ายคนที่เขาจะปกป้องด้วย
