เสียงไซเรนของรถตำรวจดังแว่วมาแต่ไกล
ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเซิ่งลี่เป็คนไปแจ้งตำรวจนี่เอง หลังจากตำรวจได้รับเื่ก็รู้ถึงความร้ายแรงของเื่นี้ ซึ่งเป็ฝีมือของหวางหมาจื่อกับหวางลี่ลี่ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกไป
ด้วยเหตุนี้พวกตำรวจจึงสั่งให้เอารถตำรวจออก ขับมุ่งหน้ามายังหมู่บ้านเชาหยางเพื่อจับคน
สีหน้าหวางลี่ลี่เปลี่ยนเป็ตื่นตระหนกแกมหวาดกลัว หันไปร้องขอความช่วยเหลือจากสามี “คุณ ช่วยฉันด้วย…”
รถตำรวจแล่นมาจอดหน้าบ้านตระกูลเซี่ย ก่อนที่ตำรวจหลายนายจะลงมาจากรถ
“หวางลี่ลี่ หวางหมาจื่ออยู่ไหน”
“ฉันไม่รู้” เสียงตอบของหวางลี่ลี่สั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด
เธอกลัวเหลือเกิน ขณะที่อีกใจรู้สึกงุนงง เธอแค่อยากได้ธัญพืชกลับคืนมา ทำไมตอนนี้มันถึงกลายเป็เื่ใหญ่แบบนี้ไปได้
ทันใดนั้นเซี่ยอวิ๋นเดินออกมาจากในบ้านน้ำตาไหลพรากประดุจดอกสาลี่ต้องหยาดฝน เด็กสาวเดินไปคุกเข่าตรงหน้าเซี่ยโม่พร้อมเอ่ยขอร้อง “น้องสาว เห็นแก่หน้าพ่อกับน้องชาย ให้อภัยแม่ฉันเถอะนะ”
เซี่ยโม่ยิ้มเย้ยหยัน ก่อนหน้านี้ตอนที่หวางลี่ลี่ทำตัวโอหังถือดี เซี่ยอวิ๋นกลับหลบอยู่แต่ในบ้าน ตอนนี้พอตำรวจมา เห็นแม่ตัวเองกำลังจะถูกจับ กลับออกมาทำตัวน่าสงสารคุกเข่าขอร้องเธอ
“เซี่ยอวิ๋น หากฉันให้อภัยแม่เธอ แม่เธอจะปล่อยน้องฉันไปเหรอ”
“น้องชายของฉันถูกแม่ของเธอให้คนเอาไปทิ้งบนรถไฟ ตอนนั้นฉันเห็นแก่แม่เธอ พาน้องไปอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยายโดยไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลยสักอย่าง แล้วผลสุดท้ายเป็ยังไง แม่เธอขายฉันให้พวกลักพาตัว พอไม่สำเร็จก็ส่งคนไปขโมยของในบ้านฉัน ขโมยของมีค่าทั้งหมดไปไม่พอ ยังทำร้ายน้องของฉันอีกด้วย ตอนนี้น้องของฉันเป็ตายก็ยังไม่รู้แน่ เงินจะพาไปรักษาที่โรงพยาบาลก็ไม่มี ก่อนหน้านี้แม่เธอขู่ฉัน ทุกคนก็ได้ยิน บอกว่าอะไรนะ หากฉันไม่ยอมก็อย่าหาว่าใจร้าย หรือต้องให้ฉันกับน้องตายก่อนพวกเธอถึงจะพอใจ”
จบประโยคนี้ทุกคนที่มุงดูอยู่ต่างขอบตาแดงก่ำด้วยความสงสาร
ทุกคนเคยได้ยินว่าแม่เลี้ยงมักจะชอบทรมานลูกเลี้ยง แต่ไม่เคยได้ยินว่าเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่ากะเอาให้ถึงตายเช่นนี้
ชาวบ้านทุกคนมองหวางลี่ลี่ด้วยสายตาโกรธแค้น
หวางลี่ลี่ทำเกินไปแล้ว
ผู้เป็แม่ทำถึงขนาดนี้ ตัวลูกสาวยังมีหน้ามาขอร้องอีก เหตุใดคนเป็พ่อถึงปล่อยให้เมียทำเื่แบบนี้ได้ คนแบบนี้ยังสมควรเป็พ่อคนอีกหรือ
ตำรวจหลายนายเดินเข้าไปหาเซี่ยโม่ “น้องชายของเธออยู่ไหน รีบพาไปส่งโรงพยาบาลเถอะ ชีวิตคนสำคัญที่สุด”
“ขอบคุณค่ะ น้องฉันอยู่หมู่บ้านข้างๆ นี่เอง”เซี่ยโม่มองตำรวจเหล่านี้อย่างซาบซึ้ง ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็หม่นเศร้าน่าสงสาร “แต่ว่าเงินสดในบ้านถูกขโมยไปหมดแล้ว ฉันเลยไม่มีเงินจะพาน้องไปโรงพยาบาล…”
แกล้งทำตัวน่าสงสารใครบ้างทำไม่เป็ ใช้เวลาเพียงไม่นานเธอก็จับจุดเจอ
ไม่เพียงแต่ชาวบ้านที่มุงดูอยู่รู้สึกทนไม่ไหว ตำรวจเหล่านี้ก็ทนดูไม่ไหวเช่นกัน เด็กสองคนนี้น่าสงสารเกินไปแล้ว
ขณะเดียวกันผู้ใหญ่บ้านก็วิ่งมา มาถึงก็ชี้หน้าด่าเซี่ยฟู่กุ้ย
“แกยังเป็ลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า ถึงได้ปล่อยให้เมียทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้ แต้มการทำงานพวกนั้นเป็โม่โม่ทำงานสะสมมา พวกแกไล่เด็กสองคนออกจากบ้านไปแล้ว กะอีแค่ธัญพืชแค่นิดเดียวก็ยังจะงก แบบนี้ยังเรียกว่าการกระทำของคนได้อยู่อีกเหรอ มันคือการกระทำของสัตว์เดรัจฉานชัดๆ!”
จากนั้นเลื่อนสายตาไปที่เซี่ยโม่ แล้วเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ปู่ผิดเอง ปู่ไม่ควรดึงดันให้หลานใช้แซ่เซี่ยเลย หลานเปลี่ยนไปใช้แซ่ของแม่เถอะ หลังจากนี้จะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับพ่อแบบนี้อีก จะได้มีชีวิตที่ดีสักที”
เซี่ยโม่มองคุณปู่ผู้ใหญ่บ้านอย่างซาบซึ้งใจ คุณปู่เป็ผู้าุโที่ดียิ่ง ทั้งยังมีความเป็ผู้นำตระกูลเต็มเปี่ยม
ตอนที่เธอตัดสินใจออกจากบ้านตระกูลเซี่ย คุณปู่ย้ำกับเธอหลายครั้งว่าห้ามเปลี่ยนแซ่ คุณปู่คงดูออกว่าต่อไปในอนาคตพวกเธอสองพี่น้องจะได้ดิบได้ดี สร้างชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูล
เธอจำได้แม่นว่าชาติที่แล้วในวันเปิดเครือซูเปอร์มาร์เก็ต เธอเชิญคุณปู่ผู้ใหญ่บ้านมาร่วมงานด้วยเช่นกัน
วันนั้นสีหน้าท่าทางของคุณปู่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มปีติยินดี
“์มีตา ในที่สุดในตระกูลเซี่ยก็มีลูกหลานที่ยอดเยี่ยมกับเขาสักคน”
เธอดึงความคิดกลับมาสู่ปัจจุบัน ตอบคุณปู่ผู้ใหญ่บ้านไปว่า “แซ่อะไรไม่สำคัญหรอกค่ะ แต่บุญคุณของคุณปู่ หนูกับน้องจะไม่มีวันลืม”
“คุณคือพ่อของเด็กใช่ไหม เงินถูกภรรยาคุณขโมยไป รีบเอาเงินมาคืนซะ เธอจะได้พาน้องไปโรงพยาบาล” หัวหน้าของเหล่าตำรวจกล่าวกับเซี่ยฟู่กุ้ยที่ตอนนี้ยังยืนนิ่งอย่างโง่งม
“ผมไม่มีเงิน เงินอยู่ที่…” เซี่ยฟู่กุ้ยหันไปมองหวางลี่ลี่
ตำรวจเข้าใจในทันที อีกฝ่ายก็แค่คนกลัวเมียคนหนึ่ง
“หวางลี่ลี่ รีบเอาเงินออกมา หากเด็กคนนั้นเป็อะไร คุณต้องถูกตัดสินปะาชีวิตแน่”
สีหน้าหวางลี่ลี่ตระหนกใยิ่งกว่าเดิม เธอยังไม่อยากตายเพราะไอ้เด็กโง่คนนั้นหรอกนะ แต่จะให้มอบเงิน เธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน
เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบเอาเงินเจ็ดแปดหยวนออกมาแล้วยื่นออกไป “ที่บ้านไม่มีเงินหรอก มีอยู่แค่นี้แหละ”
เซี่ยโม่จำได้ว่า ก่อนมารดาจะเสีย ท่านบอกว่าที่บ้านมีเงินประมาณพันหยวน
เป็เงินที่มารดาของเธอเก็บหอมรอมริบในหลายปีที่ผ่านมา มารดายังกำชับกับบิดาอีกว่า “เงินนี่ครึ่งหนึ่งคือสินเดิมของเธอ ส่วนที่เหลืออีกครึ่งคือค่าเลี้ยงดูเฉินเฟิง”
ตอนนั้นบิดาของเธอตบอกรับปากอย่างหนักแน่น “ที่รัก คุณวางใจได้เลย ผมจะดูแลเด็กทั้งสองคนอย่างดี”
เงินหนึ่งพันหยวนถือว่าเป็เงินจำนวนที่มากสำหรับยุคนี้ เวลาแค่สองปีก็ไม่เหลือแล้วหรือ?
เมื่อเป็แบบนี้ เช่นนั้นเธอจะเปิดโปงเอง “พ่อคะ สองปีก่อน ตอนที่แม่จะเสียได้ทิ้งเงินไว้ให้พันหยวน แบ่งเป็ห้าร้อยคือสินเดิมของหนู พ่อรีบเอาเงินส่วนนั้นมาให้หนู หนูจะได้พาน้องไปโรงพยาบาล”
เซี่ยฟู่กุ้ยอึกอัก หลังจากแต่งหวางลี่ลี่เข้าบ้าน เขาก็ยกเงินและเื่การใช้จ่ายทั้งหมดภายในบ้านให้อีกฝ่ายดูแล ไหนเลยจะยังสนใจเื่สินเดิมของบุตรสาว
ชาวบ้านทุกคนต่างตาโตส่งเสียงฮือฮา บ้านเซี่ยมีเงินเป็พันหยวน แต่พอหวางลี่ลี่แต่งเข้ามาก็ผลาญจนหมดภายในสองปี เื่จริงหรือโกหกเนี่ย!
ชาวบ้านต่างมองหวางลี่ลี่ด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม ช่างหน้าไม่อายจริงๆ
เซี่ยฟู่กุ้ยรวบรวมความกล้าเอ่ยกับภรรยาใหม่ว่า “ที่รัก วันนั้นคุณบอกว่าบ้านเรายังมีเงินอีกสี่ร้อยกว่าหยวนไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงเหลือแค่นี้ล่ะ”
ชาวบ้านทุกคนส่งเสียงฮือฮาอีกครั้ง ส่วนตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “หวางลี่ลี่ คุณตัดสินใจเองนะว่าจะเลือกเงินหรือเลือกชีวิตของตัวเอง หากต้องเข้าไปกินข้าวแดงในคุกก็อย่าไปโทษคนอื่นละ”
เมื่อต้องเผชิญกับสายตาเย็นเยียบของตำรวจ หลางลี่ลี่รู้สึกสะท้านวาบไปทั้งตัว
“ฉันให้ ฉันให้แล้ว…” หวางลี่ลี่กลอกตาขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ห้าสิบหยวนพอไหม”
ชาวบ้านทุกคนแค่นเสียงหึขึ้นจมูก ในขณะที่ตำรวจกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจนัก “เอามาก่อนสองร้อยหยวน”
“สองร้อยหยวน?” หวางลี่ลี่รู้สึกปวดใจไม่น้อยหากต้องเอาเงินจำนวนนี้ให้สองพี่น้องนั่น
ทั้งมันยังเป็เงินก้อนสุดท้ายของเธอ
เื่เมื่อคราวที่แล้วแม้เธอจะมีคนรู้จักอยู่ในโรงพัก แต่ก็ต้องควักเงินให้ไม่น้อยกว่าทางนั้นจะยอมปล่อยตัวเธอกับหลานชายออกมา
ท่าทางเช่นนี้ของหวางลี่ลี่ทำให้เซี่ยโม่นึกถึงเื่ราวเมื่อสิบปีก่อน ในชาติที่แล้วผู้หญิงคนนี้มีนิสัยโลภมาก บอกให้เธอต้องจ่ายเงินแก่ครอบครัวเดือนละหนึ่งหมื่นหยวน ความจริงแค่พันหยวนก็เหลือเฟือแล้ว ส่วนตัวเองก็โง่งม เพราะเห็นแก่หน้าบิดาถึงได้ตอบตกลงไป
นานกว่าหวางลี่ลี่จะตัดสินใจได้ วิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบเงินออกมา
เมื่อตำรวจได้เงินมาก็ยื่นให้เซี่ยโม่ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับตำรวจที่มาด้วยกัน “เอาตัวหวางลี่ลี่ไปขึ้นรถ ส่วนเธอก็ขึ้นรถด้วย จะได้รีบพาน้องชายไปส่งโรงพยาบาล”
หวางลี่ลี่มองเธอด้วยแววตาโกรธแค้นจนแทบอยากจะฉีกเป็ชิ้นๆ
ทว่าเซี่ยโม่ไม่สนใจ มองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
นึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากกลับมาเกิดใหม่ รถยนต์คันแรกที่เธอได้นั่งจะเป็รถตำรวจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้