“ตอนนี้ฉันก็เป็ผู้บำเพ็ญ” ทั้งแปดพยางค์นี่ทำเอาศิษย์ตระกูลเซวียนหยวนทุกคนต่างก็ใอึ้งไปแม้นายท่านจะมีร่างกายที่ไม่เลว ปกติก็มักจะต่อยไทเก๊กทว่าก็ต่างกับการบำเพ็ญเพียรลิบลับเพียงเวลาไม่นานนายท่านก็ดันเป็ยอดฝีมือโฮ่วเทียนระยะกลางแล้วนี่ก็ออกจะเหลือเชื่อเกินไปหน่อย
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับตระกูลเซวียนหยวนถูกจัดให้เป็ความลับสุดยอดไม่ว่าใครก็ไม่อาจแพร่งพรายไปได้ ถ้าผู้บำเพ็ญที่ระดับสูงขึ้นคนไหนออกไปข้างนอกก็ต้องกดทับความสามารถให้เหมือนกันกับเมื่อก่อนนอกเสียจากเื่ที่เกี่ยวกับความเป็ตายยังไงก็ห้ามใช้พลัง
“นายท่าน นี่ก็สายแล้ว มัวแต่ยิ้มอย่างนี้ไม่เหนื่อยเหรอครับ” กัวไฮว่เห็นเซวียนหยวนซยงเฟิงยิ้มปากไม่หุบอยู่ทั้ง่สายจึงถามขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
“ไม่เหนื่อย ไม่ว่ายังไงตอนนี้ฉันก็เป็ผู้บำเพ็ญ จะไปเหนื่อยได้ยังไงกัน” พูดเสร็จเซวียนหยวนซยงเฟิงก็เคลื่อนย้ายตำแหน่งตู้หนังสือในห้องหนังสือของตนอีกครั้งหนึ่งทำเอากัวไฮว่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นขึ้นมา
“ผอ. กัว บ่ายวันนี้ว่างหรือเปล่า มาที่ห้างประมูลหน่อยสิพวกเราอยากดูของน่ะ” หลิ่วเยียนโทรศัพท์มาหาพร้อมกับพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
“ถ้าเรียกว่าสามีเดี๋ยวจะว่าง ถ้าเรียกผอ. ไม่ว่าง” กัวไฮว่พูดกับโทรศัพท์
“ตาบ้า ไอ้ตาบ้า เดี๋ยวบ่ายนี้ฉันจะขับรถไปรับนาย นายเตรียมของไว้เลยบอสใหญ่ห้างประมูลของเรามาด้วย เขาอยากเจอนายน่ะถ้านายสานสัมพันธ์กับเขาได้ก็จะเป็ประโยชน์ในภายหลังแน่” หลิ่วเยียนพูดเสียงดัง
“ในเมื่อเมียรักพูดอย่างนั้น งั้นบ่ายนี้เธอก็มารับฉันเถอะฉันจะไปเจอบอสใหญ่คนนั้นของพวกเธอสักหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
จากนั้นกัวไฮว่ถูกเซวียนหยวนเถิงเฟยลากไปที่บ้านของตนเองอีกครั้งเพื่อให้เขาจับชีพจรให้เซวียนตั่วและดูเด็กๆทั้งสองคน กัวไฮว่สั่งยาให้เซวียนตั่ว เซวียนหยวนเถิงเฟยรับมันมาราวกับรับสมบัติมาเด็กทั้งสองชอบกัวไฮว่มากทำให้เขาอดคิดถึงสถานการณ์ตอนที่ท่านมหาเทพช่วยเขากับอี๋เซิ่งจิน[1]เมื่อก่อนได้พริบตาเดียวก็ผ่านมาหลายหมื่นปีแล้วไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกหลานของอี๋เซิ่งจินจะเป็อย่างไรบ้าง
ตอนรับประทานอาหารเที่ยง นายท่านก็ได้เนื้อแห้งทั้งหมดไปอีกครั้งกัวไฮว่จึงจำต้องทำออกมาอีกสองชิ้นตนในตระกูลเซวียนหยวนจึงรับประทานกันอย่างมีความสุข
หลิ่วเยียนขับรถเข้าไปในหมู่บ้านอวิ๋นหัวอีกครั้งทุกคนในหมู่บ้านต่างก็มีท่าทีเคารพเธอ ทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองที่นี่คือที่ไหนกัน ที่นี่คือเมืองเซวียนหยวนแห่งเมืองหลวงเป็ค่ายพักใหญ่ของตระกูลเซวียนหยวน และดันมาเคารพต่อเธอที่เป็คนนอกถึงเพียงนี้ทั้งยังมาจากในใจจริงอีกเธอจึงััได้อีกครั้งถึงความยิ่งใหญ่ของหนุ่มน้อยที่เอาแต่หยอกล้อตนตามใจตัวเองคนนั้น
“พี่จะไปห้างประมูล พวกเธอตามมาให้วุ่นวายทำไม มีอะไรทำก็ไปทำถ้าฉันเห็นใครในห้างประมูลละก็ พวกเธอก็รอฉันกลับมาจัดการพวกเธอได้เลย” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็หยิบกุญแจรถไปแล้วก็พาหลิ่วเยียนมุ่งหน้าไปยังห้างประมูล
“หู่จื่อ พี่ใหญ่ไม่ให้พวกเราไปห้างประมูล เราไปที่อื่นก็ได้นะถ้าบังเอิญเจอเข้าก็โทษพวกเราไม่ได้” เซวียนหยวนเวยพูดขึ้นแล้วทั้งสองก็วิ่งไปยังโรงรถจากนั้นบีเอ็มดับเบิลยูคันหนึ่งก็วิ่งออกไปจากหมู่บ้านอวิ๋นหัว
“คนเลว ฉันรู้นะว่านายเป็ผู้มีพลังวิเศษแต่นายก็จะเอาของออกมาอย่างกับร่ายเวทมนตร์ทุกครั้งแบบนี้ไม่ได้นะเสื้อนายตัวนี้เนี่ยใส่ของได้ไม่เยอะขนาดนั้นหรอกฉันเตรียมกระเป๋าลากให้นายอยู่ด้านหลังน่ะ ไว้ใส่ยาเข้าไปในกล่องเล็กๆแล้วค่อยใส่ในกระเป๋าลากเถอะ” หลิ่วเยียนพูดยิ้มๆ
“ได้ ตามเธอบอกเลย แต่เธอเรียกฉันว่าคนเลวก็ไม่แย่นะผู้ชายไม่เลวผู้หญิงไม่รักใช่ไหมล่ะ” เมื่อกัวไฮว่พูดด้วยความยิ้มแย้มเสร็จหลิ่วเยียนก็หน้าแดงก่ำ
ทั้งสองขับรถไปยังลานจอดรถใต้ดินจากนั้นก็ดิ่งตรงไปพบบอสใหญ่ห้างประมูล แต่ไปที่ห้องทำงานชั่วคราวในเมืองหลวงของหลิ่วเยียนก่อนทางห้างประมูลได้ตัดสินใจแล้วว่าห้องนี้ได้เป็ของหลิ่วเยียนและหลังจากงานประมูลในครั้งนี้จะให้หุ้นห้างประมูลของทั้งเมืองหลวงเป็จำนวนศูนย์จุดห้าเปอร์เซ็นต์ทำเอาหลิ่วเยียนััได้ถึงความสำคัญของงานประมูลในครั้งนี้ได้อีกครั้ง
“ที่นี่ไม่แย่เลยนะ มีห้องทำงาน มีห้องพักด้วย” กัวไฮว่เดินเข้าไปในห้องแล้วพูดยิ้มๆ
“จัดการธุระก่อนเถอะ เอาของที่จะขายออกมาเถอะ” หลิ่วเยียนพูดยิ้มๆบอกตามตรงว่าในใจของเธอยังคงไม่วางใจ เพราะถึงแม้จะรู้ว่ากัวไฮว่มียา ทว่าก็ในเวลาไม่นานก็เอาออกมาเสียเยอะแยะเธอไม่อาจจะเชื่อเลย
“สามกล่องนี่ยากันแก่ สามกล่องนี่ยากระตุ้นปราณกล่องหยกสามสิบกล่องนี่ยาผิวหิมะ บอกคนประมูลนะว่าฉันอยากขายแค่ของ ไม่ขายกล่องหยก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ คนอื่นดูกล่องหยกหน้าตาธรรมดาๆ ไม่ออกหรอกทว่ามันมีประโยชน์สำหรับกัวไฮว่มาก
“ในไหนี่มีเหล้ารสเลิศสามสิบสามจินสามจินที่เกินมาไว้ให้พวกเธอเอาไว้ใช้โฆษณา พวกเธอคิดเอาเองเถอะว่าจะทำยังไง ฮ่าๆ” กัวไฮว่วางไหเหล้าใบใหญ่ไว้บนโต๊ะอย่างยิ้มแย้ม “ชิมไหม อร่อยกว่าที่คลินิกไม่เมื่อคราวก่อนเยอะเลย”
“จริงหรือเปล่า ไม่ได้การแล้ว” หลิ่วเยียนกล่าวด้วยสีหน้าแดงระเรื่อเธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเหล้านี่มูลค่าสูงขนาดไหนเธอเองก็รู้ว่าในงานประมูลโรงเรียนฟู่จงในตอนแรกกัวไฮว่ประมูลขายน้ำเต้าเหล้าได้ไปในราคากว่าหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน อร่อยเหล้านี่เป็สิ่งที่อร่อยที่สุดที่เธอเคยดื่มมาเลย
กัวไฮว่เองนำตราประทับที่อยู่้าออกอย่างไม่ได้เกรงอกเกรงใจจากนั้นกลิ่นหอมเย้ายวนของเหล้าก็ออกมาระลอกหนึ่ง ไม่ต้องดื่มเพียงแค่ดมหลิ่วเยียนก็เริ่มมีความรู้สึกพึงพอใจ
“อย่ากินเยอะ เดี๋ยวจะเสียเวลาทำธุระ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆจากนั้นในมือก็มีแก้วเหล้าคริสตัลเพิ่มมาสองใบ แก้วสองใบชนกันเบาๆกัวไฮว่ดื่มหมดภายในอึกเดียว หลิ่วเยียนเองก็เทเข้าไปในปากด้วยความสำราญใจ
“ตาบ้า ถ้าไม่ใช่เพราะฉันอายุมากกว่านายเยอะเกินไปนะฉันอยากจะเอาร่างกายแลกจริงๆ เลยเนี่ย นายมีความรู้การแพทย์สูงส่งขนาดนั้นแถมยังมีของอร่อยๆ ติดตัวอีก แต่นายเ้าชู้ไปหน่อย” หลิ่วเยียนพูดเบาๆด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
“บนตัวฉันมีความลับมากกว่านี้อีก” กัวไฮว่พูดพลางอุ้มหลิ่วเยียนเข้าไปในห้องพักภายใต้สิ่งต้องห้าม สายตาของหลิ่วเยียนมองกัวไฮว่ตาปรือ ช่างเถอะ ทำตามใจเขาเถอะตามใจผู้ชายคนนี้ดีกว่าพวกเพลย์บอยเยอะเลย
“พี่หลิ่วเยียน วางใจเถอะ ผมจะรับผิดชอบพี่ถึงผมจะมีผู้หญิงเยอะแต่ก็มาโทษผมไม่ได้นะคนมีความสามารถก็ต้องเหนื่อยมากหน่อยนี่นา” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จเสื้อผ้าแต่ละชิ้นๆ บนร่างของหลิ่วเยียนก็ถูกเขาถอดออก จากนั้นไม่นานก็เริ่มทำเื่สนุกๆกันอยู่ในห้องพัก
สองชั่วโมงผ่านไป หลิ่วเยียนก็นอนแผ่อยู่บนตัวของกัวไฮว่ปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังแล้วดังอีก
“ลุกขึ้นเถอะ ไปเจอบอสของพวกเธอหน่อย” กัวไฮว่จุมพิตหลิ่วเยียนแล้วพูดยิ้มๆ “เธอกินยานี่ไปหน่อยสิ คืนนี้เรามาต่อกัน ฮ่าๆ”
“ฮึ ม้าพ่อพันธุ์ นายมันม้าพ่อพันธุ์จริงๆ” หลิ่วเยียนพูดเบาๆจากนั้นก็ใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงหลิ่วเยียนสมใส่เสื้อผ้าแต่งหน้าอีกหน่อยก็เป็ตอนบ่ายสาม โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งในที่สุดเลขาห้างประมูลเมืองหลวงก็ใช้ความพยายามโทรหาหลิ่วเยียนติดเสียที
“เธอบอกบอสหน่อยนะว่าฉันกับกัวไฮว่กำลังจะไปที่ห้องทำงานเขา” หลิ่วเยียนพูดเบาๆ พลางมองกัวไฮว่ที่สวมใส่ชุดสุภาพเด็กนี่แต่งตัวได้ไม่เลวเลย จากนั้นกัวไฮว่ก็ตีเข้าที่ก้นของหลิ่วเยียนทีหนึ่ง
“ไปกันเถอะ เยียนเยียนเมียฉัน”
[1] ตัวละครในเื่ไซอิ๋ว เป็พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเฉินกวนเป่าหรือเทพแห่งจิตในเวลาต่อมา