เสวียนเทียนผู้มีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดก้าวข้ามพลังวัตรที่ห่างกันสองขั้นเอาชนะฝานหงได้นับเป็เื่แปลกเอาชนะตู้เหวินเค่อที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าได้ถือเป็เื่มหัศจรรย์ตอนนี้เขาเอาชนะเหลียงจ้งผู้มีหวังเข้าชิงห้าอันดับแรกได้ นี่นับเป็ตำนาน!
คนนับไม่ถ้วนจับจ้องการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ใบหน้าของแต่ละคนล้วนแต่ประหลาดใจเป็ที่สุด ความพิสดารของชั้นเชิงกระบี่ของเสวียนเทียนดั่งภูตผีทำให้คนป้องกันอย่างไรก็ทำไม่ได้
ลูกศิษย์ไม่น้อยเบนสายตาไปมองกระบี่ปีศาจหลี่อี้ฉางพากันคาดเดาว่าเสวียนเทียนกับหลี่อี้ฉาง เทียบกันแล้ว ที่แท้ชั้นเชิงกระบี่ของผู้ใดพลิกแพลงกว่าพิสดารกว่ากัน?
ในสายตาของหลี่อี้ฉาง ความกระหายต่อสู้รุนแรงถึงขีดสุดะเิออกมานานครั้งถึงจะได้พบคู่ต่อสู้ที่ชั้นเชิงกระบี่ลึกล้ำสักคนและเสวียนเทียนก็เป็คนหนึ่งที่ว่าพอดี
การแข่งขันรอบที่หกจบลงการแข่งขันจัดอันดับลำดับที่ 17 ถึง 32 ดำเนินต่อไป ใช้เวลาเพียงไม่นาน หลังจากนั้นการแข่งขันรอบที่เจ็ดก็จะเริ่มต่อ
การแข่งขันรอบที่หกโดยทั่วไปเป็ศึกของศิษย์ชั้นหัวแถวพลังวัตรขั้นสิบเทียบกับการเข่งห้ารอบก่อนหน้าควรจะยิ่งร้อนแรงกว่าเดิม
แต่เพราะศึกระหว่างเสวียนเทียนกับเหลียงจ้งการแข่งขันหลังจากนั้นล้วนกลายเป็จืดจางไม่น่าสนใจ ตลอดการแข่งขันรอบที่หก สิ่งที่ลูกศิษย์สำนักนอกถกเถียงกันยังคงเป็ศึกระหว่างเสวียนเทียนกับเหลียงจ้ง
การแข่งขันรอบที่เจ็ดอีกไม่นานก็จะเริ่มขึ้นแล้วหลังเสวียนเทียนลงมาจากเวทีก็ไปนั่งสมาธิพักผ่อนด้านข้างเพื่อให้ร่างการฟื้นกลับคืนสู่สภาพที่พร้อมที่สุดรอรับการต่อสู้ในรอบที่เจ็ด
หวงสือกับหลินตงสองคนมาอยู่ข้างกายเสวียนเทียนสีหน้าตื่นเต้น ระริกระรี้ไม่เลิกทั้งสองคนกำลังชื่นชมเยินยอการต่อสู้เมื่อครู่ของเสวียนเทียน
เสวียนเทียนที่นั่งสมาธิอยู่ฉับพลันก็ลืมตาขึ้นศิษย์หัวแถวพลังวัตรขั้นสิบคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาคนตรงหน้าเขาอายุราวสิบเจ็ดปี ร่างสูงหนึ่งเมตรเจ็ดสิบ รูปร่างผอมมาก ทั้งร่างดูไปแล้วผอมแห้งอ่อนแอราวกับลมหอบหนึ่งก็พัดมาล้มได้
แต่บนร่างของคนผู้นี้กลับแผ่รัศมีคมกริบอยู่ตลอดเวลาราวกับกระบี่คมที่ชักออกจากฝักทำให้คนสั่นกลัวเกิดความคิดว่าลมไม่อาจพัดเขาให้ล้มได้
ผ่านการแข่งขันมาหลายวันเสวียนเทียนรู้จักศิษย์หัวแถวพลังวัตรขั้นสิบหมดแล้ว คนตรงหน้าเขาก็คือหมายเลข 5 ‘กระบี่ปีศาจ’ หลี่อี้ฉาง
หลี่อี้ฉางเดินมาตรงหน้าเสวียนเทียนกล่าวขึ้นว่า “หวังว่าพวกเราจะได้เจอกัน ดูสิว่าใครกันแน่ที่เป็ ‘กระบี่ปีศาจ’ที่แท้จริง” หลังทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่ง เขาก็หันกายจากไป
เสวียนเทียนมองแผ่นหลังของหลี่อี้ฉางไม่นานก็หลับตาทั้งสองข้างลง เริ่มฟื้นฟูพลังวัตร
แข่งกับใคร เสวียนเทียนไม่มีปัญหาอยู่แล้วขอเพียงเดินไปสุดทาง คว้าอันดับหนึ่งมาก็นับว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว
ไม่รู้ว่าความคาดหวังของบรรดาลูกศิษย์สัมฤทธิ์ผลหรือคำพูดของหลี่อี้ฉางเป็จริงขึ้นมา การแข่งขันคู่ที่สี่คู่ต่อสู้ของเสวียนเทียนเป็ ‘กระบี่ปีศาจ’ หลี่อี้ฉางจริงๆ
“รอบที่เจ็ดคู่ที่ห้า หมายเลย 5 หลี่อี้ฉาง กับหมายเลข 467 หวงเทียน เวทีประลองหมายเลขห้า”
เสียงของผู้าุโหานดึงดูดความสนใจของคนทุกคนไปชั่วขณะไม่ทันไรศิษย์สำนักนอกทุกคนก็แทบจะพุ่งไปที่เวทีประลองหมายเลขห้า
การแข่งขันจัดอันดับครั้งนี้เสวียนเทียนกลายเป็าาของความนิยมอย่างสมศักดิ์ศรีเวทีประลองใดที่เสวียนเทียนขึ้นแข่งจำนวนคนดูยังมากเสียยิ่งกว่าคนดูของอีกเจ็ดเวทีประลองรวมกัน
แน่นอนว่าหลี่อี้ฉางไม่ได้บังเอิญจับฉลากได้เสวียนเทียนแต่คนที่ในใจเขาอยากสู้ก็คือเสวียนเทียนดังนั้นเมื่อผู้าุโหานไม่ได้อ่านหมายเลขที่เขาจับฉลากได้ออกมาแต่ประกาศชื่อเสวียนเทียนออกมา หลี่อี้ฉางไม่ได้รู้สึกขัดใจแม้แต่น้อย กลับกัน เขารู้สึกตื่นเต้นยินดีเสียด้วยซ้ำ
หลี่อี้ฉางแทบจะมาถึงบนเวทีประลองพร้อมกับเสวียนเทียนเปิดปากพูดขึ้นมาก่อนว่า “ดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้ของพวกเราคงจะถูกกำหนดมาก่อนแล้วจริงๆไม่คิดเลยว่าความหวังของข้าจะได้รับการตอบสนองรวดเร็วปานนี้ได้ยืนอยู่บนเวทีประลองกับเ้า”
เสวียนเทียนถอนหายใจออกมา“การต่อสู้ครั้งนี้กลัวว่าจะทำให้ท่านผิดหวังแล้ว!”
หลี่อี้ฉางขมวดคิ้วน้อยๆถามขึ้น “เพราะอะไร?”
เสวียนเทียนตอบว่า “ท่านได้ชื่อว่า ‘กระบี่ปีศาจ’ ชั้นเชิงกระบี่พิสดารเป็จุดแข็งของท่านหากข้าใช้ความพิสดารของวิชากระบี่มาสู้กับท่านนั่นย่อมเป็การเอาจุดอ่อนไปสู้กับจุดแข็ง ข้าสู้กับท่านเป้าหมายไม่ใช่การพิสูจน์ว่าวิชากระบี่ของผู้ใดมากชั้นเชิงกว่าแต่เป็ทำอย่างไรจึงเอาชนะท่านได้”
“โอ้!”
หลี่อี้ฉางประหลาดใจพลางถามขึ้น“เ้าใช้พลิกแพลงทลายพลังเอาชนะเหลียงจ้ง ไม่ใช่ว่าความพิสดารของวิชากระบี่เป็จุดแข็งของเ้าหรือ?”
เสวียนเทียนส่ายศีรษะ
ใบหน้าของหลี่อี้ฉางปรากฏสีหน้าสงสัยอย่างหนักถามขึ้นอีก “เช่นนั้นเ้าคิดจะใช้สิ่งใดทำลายชั้นเชิงกระบี่ของข้า”
“ใช้ความเร็วทลายพลิกแพลง”
เสวียนเทียนพูดเน้นทีละคำสิ้นเสียงพูด แสงกระบี่ก็ฉายวาบ กระบี่หิมะเหมันต์พริบตาก็ออกจากฝักร่างของเสวียนเทียนทั้งร่างเคลื่อนผ่านเป็เงาติดตาสายหนึ่งศาสตร์เงาพยัคฆ์เปล่งประกายจนถึงขีดสุด ชั่วประกายไฟแลบกระบี่ของเสวียนเทียนก็แทงตรงไปที่ลำคอของหลี่อี้ฉาง
กระบี่นี้เร็วเหนือสิ่งใดในเพลงกระบี่ถลาลม เสวียนเทียนผสมท่ากระบี่และหลักความเร็วของเพลงกระบี่ดับเงาเข้าไปกระบี่ในมือของเสวียนเทียนแทบจะกลายเป็เงาเลือนรางสายหนึ่ง
เร็ว! เร็วไม่ธรรมดา!
หลี่อี้ฉางตกตะลึงกระบี่นี้ของเสวียนเทียนรวดเร็วยิ่งนักราวกับจะใช้ความเร็วเด็ดขาดสะบั้นปัญหายุ่งยาก
ต่อหน้าความเร็วถึงขีดสุดนี้ความพิสดารหรือชั้นเชิงทั้งหลายล้วนไม่อาจใช้ออกมาได้หลี่อี้ฉางเร่งรีบฟันออกไปหนึ่งกระบี่ เสียงเคร้งดังขึ้นครั้งหนึ่งสองกระบี่ปะทะกันเหมือนกับมีประกายไฟแลบขึ้นมา
ประกายไฟเร็วแล้ว แต่กระบี่ในมือของเสวียนเทียนเร็วยิ่งกว่าราวกับวายุคลั่งฝนกระหน่ำกระบี่ยาวพลันสั่นไหว บุปผากระบี่ดอกแล้วดอกเล่าปรากฏขึ้น แทงออกมาถึงสิบกว่ากระบี่ในชั่วพริบตาบุปผากระบี่แต่ละดอกสว่างเป็ประกาย แต่พกพาอันตรายที่ทำให้คนหัวใจเย็นเยียบมาด้วย
การต่อสู้แต่ละรอบของเสวียนเทียนลูกศิษย์ที่เฝ้าดูล้วนตกตะลึงแล้วตกตะลึงอีกจนเหมือนจะมีภูมิต้านทานต่อเื่ประหลาดใจขึ้นมาไม่รู้สึกอะไรกับเื่ประหลาดใจธรรมดาๆ อีก
แต่เมื่อมองเห็นกระบี่ของเสวียนเทียนรวดเร็วเหนือสิ่งใดในใจของบรรดาศิษย์ก็ตื่นตะลึงหนักหนาขึ้นมาอีกครั้ง
ใช้พลิกแพลงทลายพลังใช้เร็วทลายพลิกแพลง เสวียนเทียนแตกฉานวิชากระบี่ไม่เหมือนกับมือกระบี่ทั่วไปที่มุ่งเป็สุดยอดในทางใดทางหนึ่งแต่เขาพัฒนาทักษะทุกด้าน เมื่อเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่ต่างกันก็ใช้จุดแข็งที่แตกต่างทำลายพวกเขา
ผู้ที่ตื่นตะลึงที่สุด คงหนีไม่พ้น ‘กระบี่เร็ว’ หลินอู๋อิ่ง วิชากระบี่ของเสวียนเทียน ไม่เพียงพิสดารคล้ายหลี่อี้ฉางทั้งความเร็วของกระบี่ยังเร็วไม่แพ้ตัวเขาแม้แต่น้อยนี่ทำให้หลินอู๋อิ่งเกิดความรู้สึกเดียวกันกับหลี่อี้ฉางเมื่อการแข่งรอบก่อนในใจตะลึงและเกิดความกระหายอยากต่อสู้
เมื่อใครคนหนึ่งประสบความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่งถ้าหากพบเข้ากับคนที่มีความสำเร็จในด้านเดียวกัน ย่อมเกิดความรู้สึกอยากแข่งขันขึ้นในใจอยากจะทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ เพื่อพิสูจน์ที่ยืนของตัวเองในด้านนั้น
วิชากระบี่ของเสวียนเทียนพิสดารวิชากระบี่ของกระบี่ปีศาจหลี่อี้ฉางก็พิสดารดังนั้นหลี่อี้ฉางจึงอยากต่อสู้กับเสวียนเทียน อยากทำให้เขาพ่ายแพ้
วิชากระบี่ของเสวียนเทียนเร็วกระบี่เร็วหลินอู๋อิ่งก็เร็ว ดังนั้น ในใจของหลินอู๋อิ่งจึงเกิดความกระหายจะต่อสู้แบบเดียวกับหลี่อี้ฉางมองเสวียนเทียนด้วยดวงตาเหมือนมีกองเพลิงเผาผลาญอยู่
หลินอู๋อิ่งอยู่อันอับที่ 4 หลี่อี้ฉางเป็ดันดับที่ 5 หมายเลขลำดับนี้เรียงตามการแข่งขันจัดอันดับของปีก่อนเรียงตามลำดับก่อนหลังที่ลูกศิษย์ได้มาจากการแข่งหรือเรียงจากชั้นพลังวัตรสูงต่ำออกมาเป็หมายเลข
ในการแข่งขันจัดอันดับปีที่แล้วหลี่อี้ฉางกับหลินอู๋อิ่งเคยประลองกันมาก่อน วิชากระบี่ที่พิสดารของเขาเป็กระบี่เร็วของหลินอู๋อิ่งที่เอาชนะมาได้หลี่อี้ฉางพ่ายแพ้ในมือของหลินอู๋อิ่ง
กระบี่หิมะเหมันต์ในมือของเสวียนเทียนเห็นเพียงเงากระบี่ที่ทิ้งไว้เป็ทางสายหนึ่งไม่มีทางมองเห็นกระบี่ที่แท้จริง ความเร็วกระบี่เทียบกับหลินอู๋อิ่งไม่ได้แม้แต่น้อย
เมื่อนำหลักความเร็วของเพลงกระบี่ดับเงามาผสานลงไปในเพลงกระบี่ถลาลมแม้ว่าความเร็วของกระบี่ยังห่างไกลกับเพลงกระบี่ดับเงาที่เป็เพลงกระบี่ชั้นนิลแต่ก็เร็วขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับเพลงกระบี่ถลาลมปกติ สู้กับหลี่อี้ฉางนับว่าเกินพอ
กระบี่เร็วของเสวียนเทียนชิงจังหวะได้เปรียบหนึ่งก้าวชิงขึ้นนำ แต่ละก้าวนำอยู่ก่อน วิชากระบี่ของหลี่อี้ฉางแม้ว่าจะพิสดารแต่ต่อหน้าวิชากระบี่ของเสวียนเทียนที่รวดเร็วเหนือสิ่งอื่นใด ล้วนไม่อาจใช้ออกมาได้โดนกดดันตายสนิท แค่เริ่มต้นเสวียนเทียนก็ครองความได้เปรียบไว้ได้อย่างมาก
“ศิษย์พี่หวงต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
เห็นเสวียนเทียนแค่เริ่มก็ได้เปรียบก้าวใหญ่หวงสือกับหลินตงสองคนก็พลันร้องให้กำลังใจขึ้นมา ตอนนี้ เวลานี้ หวงสือก็เรียกเสวียนเทียนว่าศิษย์พี่หวงไปกับหลินตงด้วย
“ศิษย์พี่หวงต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
“ศิษย์พี่หวงต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
......
......
ศิษย์ธรรมดาไม่น้อยก็ร้องะโเสียงดังขึ้นมาบ้างเสวียนเทียนเป็ผู้อ่อนแอที่ชนะผู้แข็งแกร่งพลังวัตรเพียงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดแต่กลับเอาชนะศิษย์หัวแถวพลังวัตรขั้นสิบครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ศิษย์ธรรมดาที่ยืนอยู่ในฝั่งผู้อ่อนแอ มีความหวังที่จะเอาชนะเป้าหมายที่แข็งแกร่งได้
ดังนั้น พอหวงสือกับหลินตงร้องให้กำลังใจขึ้นมาศิษย์นอกจำนวนมากก็ร่วมกันะโขึ้นมาด้วย มีแม้กระทั่งศิษย์ชั้นสูงพลังวัตรขั้นเจ็ดจำนวนหนึ่ง
ในใจของทุกคนล้วนมองเื่แปลกเื่มหัศจรรย์ ตำนานครั้งนี้เป็ความหวังของตนเอง
เสวียนเทียนเป็ผู้อ่อนแอที่เอาชนะผู้แข็งแกร่งเขาเป็เื่แปลก เื่มหัศจรรย์ เป็ตำนานในหัวใจของศิษย์สำนักนอกไม่มีใครอยากให้ตำนานในใจถูกทำลาย สิ่งนั้นเป็ตัวแทนของความหวังดังนั้นศิษย์ธรรมดาที่ร้องะโเสวียนเทียนต้องชนะ ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนเสียงะเืฟ้าะเืดิน
ศิษย์ธรรมดากำลังร้องให้กำลังใจแต่ศิษย์ชั้นหัวแถวกลับเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า ศิษย์ชั้นหัวแถวคนแล้วคนเล่าพ่ายแพ้แก่เสวียนเทียนตัวตนที่ไม่อาจจับต้องได้ของพวกเขาในใจของศิษย์ธรรมดาพังทลายลงไปมาก
พลังของเสวียนเทียนยิ่งทวีความแกร่งขึ้นตามเสียงร้องให้กำลังใจความเร็วกระบี่ยิ่งเร็วขึ้นทุกที
ย้อนกลับมามองหลี่อี้ฉางเสียงะโให้กำลังใจของบรรดาศิษย์นอก ทำร้ายศักดิ์ศรีของเขาอย่างหนักแต่เดิมหลี่อี้ฉางก็ตกเป็รองอยู่แล้ว ครั้งนี้เมื่อจิตใจว้าวุ่นขึ้นมาจึงไม่อาจป้องกันกระบี่เร็วของเสวียนเทียนไว้ได้
เคร้ง!
แสงกระบี่พุ่งออกมา ตกไปด้านข้างกระบี่ในมือของหลี่อี้ฉางถูกโจมตีกระเด็นไป ลำคอเย็นวาบ กระบี่หิมะเหมันต์พริบตาก็ทาบอยู่บนลำคอของหลี่อี้ฉาง
“ยี่สิบหกกระบี่เพียงแค่ยี่สิบหกกระบี่! แม้กระทั่งเพลงกระบี่ถลาลมหนึ่งชุดของเ้าข้าก็ไม่อาจป้องกันไว้ได้!”
พลังของหลี่อี้ฉางพริบตาก็ลดลงไปถึงจุดต่ำสุดสีหน้าสลด ใจสู้สลายหมดสิ้น พึมพำขึ้นมา “ข้าแพ้แล้ว!”
รอบที่เจ็ดเสวียนเทียนประลองกับหลี่อี้ฉาง เสวียนเทียนชนะ เข้ารอบสู่รอบที่แปด
“ศิษย์พี่หวงชนะแล้ว!”
“ศิษย์พี่หวงเข้าสู่รอบที่แปดแล้ว!”
“ศิษย์พี่หวงเข้าสู่แปดอันดับแรกแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆ! ศิษย์พี่หวงร้ายกาจนัก พลังวัตรขั้นแปดกลับทะลุเข้าแปดอันดับแรกได้ ฮ่าๆ...!”
“ศิษย์พี่หวงท่านเป็ขวัญใจของข้า ข้านับถือท่านเหลือเกิน!”
……
……
ชั่วขณะนั้นศิษย์ธรรมดาจำนวนมากะเิเสียงร้องยินดีออกมาระลอกใหญ่ ตำนานยังไม่จบความมหัศจรรย์ยังคงสืบเนื่อง เื่แปลกยังไม่หมดสิ้น ศิษย์ธรรมดาแต่ละคนในใจตื่นเต้นไม่หยุด พลุ่งพล่านไม่หาย
เสวียนเทียนเก็บกระบี่เข้าฝักกล่าวขึ้นว่า “ในฐานะมือกระบี่คนหนึ่ง ควรมีจิตดุจกระบี่ เที่ยงตรง กล้าหาญคำตำหนิว่าร้าย มีแต่จะช่วยลับจิตกระบี่ให้แหลมคมยิ่งขึ้น หดหู่ ผิดหวัง ยอมแพ้ไม่ใช่สิ่งที่จิตใจที่มือกระบี่พึงมี”
ดวงตาของหลี่อี้ฉางสว่างวาบขึ้นมาในดวงตาประกายสว่างจุดขึ้น จิตใจฟื้นกลับคืนมา เขามองไปที่หวงเทียนในใจรู้สึกขอบคุณเต็มเปี่ยม พูดขึ้นว่า “ขอบคุณศิษย์...ศิษย์พี่หวงเทียนชี้แนะหลี่อี้ฉางเห็นทางสว่างแล้ว ขอบคุณยิ่ง!”