ข้อมูลที่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สามารถสืบได้ โจวกั๋วปินกลับรู้รายละเอียดอย่างชัดเจน
การที่โจวเฉิงไปได้สวยในหน้าที่การงาน หากบอกว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขาเลยก็คงไม่สมเหตุสมผล อย่างน้อยข้อมูลลักษณะนี้ตระกูลโจวก็สามารถหามาได้
พานเป่าหัวเป็คนเก่ง ตอนโจวเฉิงถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ที่เดียวกับพานเป่าหัว ตอนนั้นโจวเฉิงนับว่ายังเป็เด็กใหม่ ในขณะที่พานเป่าหัวคือ ‘ลูกพี่’ ในสายตาคนอื่น การทดสอบทักษะรวมของทุกปี พานเป่าหัวมักจะอยู่ลำดับต้นๆ อยู่เสมอ
พานเป่าหัวออกจากราชการเพราะมีเื่ขัดแย้งกับคนอื่น และทำให้อีกฝ่ายถึงขั้นพิการ
การขัดแย้งนั้นมีสาเหตุ ทว่าพานเป่าหัวก็ได้ทำผิดระเบียบจริง เบื้องบนอยากปกป้องพานเป่าหัว เขาถึงได้ถอนตัวออกจากกองทัพไปเสีย มิเช่นนั้นคงต้องขึ้นศาลทหารอย่างแน่นอน
คนอย่างพานเป่าหัว หลังออกจากหน่วยงานแล้วมีแนวโน้มที่จะส่งอิทธิพลต่อสังคมได้อย่างง่ายดาย หน่วยงานจึงหางานให้พานเป่าหัวทำ แต่พานเป่าหัวกลับไม่ได้ไปรายงานตัว เขารวบรวมรับสมัครพรรคพวกที่เคยผ่านประสบการณ์เช่นเดียวกันเดินทางลงใต้
โจวกั๋วปินรู้ดีว่าโจวเฉิงสนิทกับพานเป่าหัว ตอนนั้นเื่ของพานเป่าหัวถือเป็เื่ใหญ่ยิ่งนัก ตระกูลโจวเองก็แอบช่วยเหลืออย่างลับๆ ทว่าฝั่งตรงข้ามมีคนหนุนหลัง และคอยกัดพานเป่าหัวไม่ปล่อย พานเป่าหัวจึงจำเป็ต้องออกจากกองทัพ
ความหมายของโจวกั๋วปินคือ แม้เมื่อก่อนทั้งคู่จะสนิทกันมากแค่ไหน แต่หลังพานเป่าหัวออกจากกองทัพไปแล้วก็เท่ากับเดินคนละเส้นทางกับโจวเฉิง ทว่าโจวเฉิงกลับยังคงรักษาการติดต่อกับพานเป่าหัวอย่างใกล้ชิด ครั้งก่อนโจวกั๋วปินเคยตักเตือนลูกชายไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าการที่โจวเฉิงไปจับพวกค้าของเถื่อนที่มณฑลิ่คราวนี้ จะยังถูกลากเข้าไปพัวพันกับพานเป่าหัวจนได้
เบื้องบนมีเหตุผลให้สงสัยว่าโจวเฉิงแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพานเป่าหัว แม้แต่เซี่ยเสี่ยวหลานยังเคยเจอพานเป่าหัวถึงสองครั้ง นั่นหมายความว่าโจวเฉิงสนิทกับอีกฝ่ายมากเหลือเกิน!
คนเป็พ่ออย่างโจวกั๋วปินยังอดสงสัยโจวเฉิงไม่ได้ หรือว่าลูกชายเขาจะฝ่าฝืนกฎจริงๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อใจโจวเฉิงอย่างนั้นหรือ?
โจวกั๋วปินรู้สึกปลาบปลื้มใจ แต่กระนั้นก็อดรู้สึกละเหี่ยใจไม่ได้ พลางคิดว่า ‘หนุ่มสาวก็เป็เช่นนี้’
เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนมีสติ โจวกั๋วปินจึงคิดว่าเื่บางเื่สามารถคุยเกี่ยวกับรายละเอียดเชิงลึกกับเธอได้ เื่ที่โจวเฉิงถูกกักบริเวณเพื่อสอบสวน หากไม่ใช่เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานไปวิทยาลัยทหารแล้วไม่เจอตัวลูกชายเขา โจวกั๋วปินคงไม่บอกกับกวนฮุ่ยเอ๋อด้วยซ้ำ
กวนฮุ่ยเอ๋อเองก็เพิ่งรู้รายละเอียดสำคัญเป็ครั้งแรก
ผู้ชายตระกูลโจวชอบปิดบังเวลาเกิดเื่ โจวเฉิงตอนไปปฏิบัติหน้าที่แนวหน้าก็มาบอกให้เธอทราบทีหลัง ตอนนั้นกวนฮุ่ยเอ๋อกับย่าโจวไม่รู้เื่สักนิด พอมารู้ที่หลังว่าโจวเฉิงอยู่แนวหน้ามาหนึ่งปีกว่าแล้ว มีหรือที่จะไม่เรียกตัวกลับมา
่นั้นกวนฮุ่ยเอ๋อนอนไม่หลับทุกคืน ถึงกับป่วยเป็โรคประสาทอ่อนๆ ต้องใช้ยาเพื่อนอนหลับอยู่บ่อยครั้ง
ปริมาณยาที่ต้องกินมากขึ้นทุกที หากโจวเฉิงยังไม่กลับมากวนฮุ่ยเอ๋อคงทนไม่ไหวอย่างงแน่นอน หลังโจวเฉิงกลับมาที่ปักกิ่ง โรคทางประสาทของกวนฮุ่ยเอ๋อก็เริ่มดีขึ้นจนไม่ต้องพึ่งยา เธอสามารถข่มตาหลับได้อย่างสบายใจ!
และก็เพราะสาเหตุนี้โจวกั๋วปินจึงไม่ได้บอกเธอ
เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อว่าโจวเฉิงจะไม่เป็ไร และกวนฮุ่ยเอ๋อก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“โจวเฉิงเป็คนทำอะไรมีขอบเขต ถ้าพานเป่าหัวมีส่วนกับการค้าของเถื่อนจริง โจวเฉิงไม่มีทางไปมาหาสู่กับเขา อย่าว่าแต่แลกเปลี่ยนข้อมูลเลย ไปฝึกเพิ่มที่วิทยาลัยทหารบกเพื่ออะไร โจวเฉิงมีหรือจะไม่รู้”
นั่นเป็ทั้งโอกาสเติมเต็มจุดด้อย และอยู่อย่างซ่อนคมสักสองปีไม่ใช่หรือ
การส่งนักศึกษาไปบุกทลายแก๊งค้าของเถื่อนอยู่เหนือความคาดหมายของตระกูลโจว แต่โจวเฉิงไม่มีทางเห็นโอกาสแล้วรีบพุ่งเข้าใส่ จนถึงขนาดยอมแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนักโทษค้าของเถื่อนอย่างแน่นอน
เลือกโจวเฉิงเป็รองหัวหน้าทีมปฏิบัติการณ์ แต่ไม่อนุญาตให้โจวเฉิงเก่งกาจเกินไปอย่างนั้นหรือ?
การซ่อนคมคงไม่ใช่วิธีนี้ โจวเฉิงมีหรือจะกล้าเก็บซ่อนความสามารถแล้วปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับาเ็?!
“น้ากวน เื่ไม่จริงก็คือไม่จริง คงไม่อาจปั้นน้ำเป็ตัวได้หรอกค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานหันมาปลอบใจกวนฮุ่ยเอ๋อ สหายหญิงทั้งสองกลายเป็พวกเดียวกันในชั่วพริบตา ทำเอาโจวกั๋วปินยิ้มเจื่อน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีอะไรต้องห่วง โจวเฉิงมีครอบครัวหนุนหลัง ตระกูลโจวคอยดูแลเขาอยู่ ไม่ว่าใครก็อย่าคิดว่าจะสามารถใส่ร้ายโจวเฉิงได้ง่ายๆ ดังนั้นเธอยังมีอะไรต้องกังวลอีก เธอเคยเจอพานเป่าหัว เธอยินดีเชื่อใจโจวเฉิง และเชื่อสายตาในการเลือกคบเพื่อนของเขา!
มาบ้านตระกูลโจวครั้งนี้อย่างน้อยก็ได้รู้ข่าวคราวของแฟนหนุ่ม เพราะฉะนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้มาเสียเที่ยว
เื่ที่ต้องปรึกษากันเป็อันจบลง กวนฮุ่ยเอ๋อจึงถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับเซี่ยเสี่ยวหลาน พอรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังเตรียมลงแข่งขันภาษาอังกฤษ กวนฮุ่ยเอ๋อก็รู้สึกประหลาดใจ
“ฉันเคยได้ยินเธอบอกกับน้าจานว่าการแข่งขันนี้ยากมาก ผ่านเข้ารอบชิงแล้วหรือ? ได้ยินมาว่าปักกิ่งมีมหาลัยตั้งมากมาย แต่มีนักศึกษาแค่ยี่สิบคนที่ผ่านเข้ารอบชิงเท่านั้นเองนี่!”
กวนฮุ่ยเอ๋อรู้ข่าวนี้ตอนคุยสัพเพเหระกับเพื่อน
มหาวิทยาลัยในกรุงปักกิ่งมีจำนวนมาก แต่มีนักศึกษาเพียงยี่สิบคนเท่านั้นที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ หัวชิงคงมีคนผ่านแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่เธอนึกไม่ถึงเลยจริงๆ เลยว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะเป็หนึ่งในนั้นด้วย อีกทั้งเซี่ยเสี่ยวหลานยังเป็แค่เด็กปีหนึ่งเท่านั้น
น้าจานทำงานอยู่ฝ่ายอุดมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เป็เพื่อนร่วมงานของหวังก่วงผิง เซี่ยเสี่ยวหลานเคยเจอกับเธอที่งานเชื่อมสัมพันธ์คราวก่อน
กวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกว่าทุกครั้งที่ตนคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนเก่ง เด็กคนนี้มักจะพิสูจน์ให้เห็นว่าความเก่งของเธอมีมากกว่านั้น ความรู้สึกเช่นนี้ช่างทำให้กวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกสับสน
โจวกั๋วปินพอรู้ว่าการแข่งขันภาษาอังกฤษเป็เช่นไรก็รู้สึกดีใจ
“จะได้รางวัลหรือเปล่าก็เป็อีกเื่ แต่การเข้าร่วมการแข่งขันลักษณะนี้ถือเป็การฝึกตัวเอง!”
โจวเฉิงต้องพยายามให้มากขึ้นจริงๆ มิเช่นนั้นคงถูกเซี่ยเสี่ยวหลานทิ้งไว้ข้างหลัง โจวกั๋วปินพึมพำอยู่ในใจ
หรือโจวเฉิงจะรู้สึกกดดันจนคิดอยากเดินทางลัดเพื่อสร้างผลงาน?
ลูกชายเขาคงไม่โง่ขนาดนั้น!
เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งเคยค้างคืนที่บ้านแฟนหนุ่มครั้งแรก บ้านตระกูลโจวนั้นกว้างพอสมควร มีห้องเล็กห้องหนึ่งว่างอยู่ ก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานจะเดินทางมาถึง กวนฮุ่ยเอ๋อกับพี่เจิงได้ช่วยกันปูที่นอนและเตรียมผ้าห่มไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว
ผ้าห่มหนานุ่มใหม่เอี่ยมผืนนี้เดิมทีเตรียมไว้ให้โจวเฉิง ทว่าโจวเฉิงไม่มีโอกาสได้ใช้ จึงนำมาใช้กับห้องนอนแขกแทน
ของใช้สำหรับอาบน้ำก็เตรียมไว้ให้เซี่ยเสี่ยวหลาน กวนฮุ่ยเอ๋อยังวางชุดนอนชุดใหม่ไว้บนเตียงให้อีกด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานมาค้างคืนครั้งแรก ตระกูลโจวให้ความสำคัญกับเธอเป็อย่างมาก
เซี่ยเสี่ยวหลานรับรู้ได้ถึงความใส่ใจของพวกเขา
กวนฮุ่ยเอ๋อยังข้องใจในตัวเธออยู่หรือเปล่า ยังคัดค้านเื่ที่เธอกับโจวเฉิงคบกันอยู่หรือไม่ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดจะถาม
แต่จากรายละเอียดที่กวนฮุ่ยเอ๋อแสดงออกให้เห็น ท่าทีของเธอดูอ่อนลงแล้ว
มาตรฐานการมองคนของตระกูลโจวไม่เลวร้าย เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนกับโจวเฉิงคงเดินร่วมทางกันได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะนอกจากเธอกับเขาจะชอบพอกัน คนตระกูลโจวเองก็ทั้งฉลาดและมีเหตุผล!
—--------------------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานค้างคืนที่บ้านตระกูลโจว และได้รับการต้อนรับอย่างดี
ขณะเดียวกัน ทางด้านเซี่ยจื่ออวี้นั้นก็อยู่บ้านตระกูลหวังเช่นกัน ั้แ่หมั้นหมายกับหวังเจี้ยนหัว วันนี้คือครั้งแรกที่เธอได้ค้างคืนที่บ้านตระกูลหวัง
ตำแหน่งของหวังก่วงผิงต่ำกว่าโจวกั๋วปินอยู่สองขั้น และรัฐก็ได้จัดสรรบ้านพักตามตำแหน่งงาน ดังนั้นบ้านตระกูลหวังจึงไม่ได้กว้างเท่าบ้านตระกูลโจว หร่านซูอวี้คิดว่าเซี่ยจื่ออวี้ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ตามติดตระกูลหวังไม่ห่าง ในใจจึงคิดดูถูกเซี่ยจื่ออวี้เป็อย่างมาก
อย่างเช่นตอนนี้ เซี่ยจื่ออวี้กินมื้อค่ำเสร็จแล้วแต่ยังไม่ยอมกลับ และเพราะดึกมากแล้วหวังเจี้ยนหัวจึงบอกให้เธอค้างคืนที่บ้าน แน่นอนว่าเซี่ยจื่ออวี้ตอบรับทันที!
ยังไม่ทันแต่งงาน หวังเจี้ยนหัวก็อยู่ที่บ้าน พวกเพื่อนบ้านจะคิดอย่างไร?
ยุคนี้ไม่เหมือนอนาคตที่คู่รักมักอาศัยอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน ดังนั้นหนุ่มสาวที่ยังไม่แต่งงานจะนอนด้วยกันไม่ได้
ถ้าเซี่ยจื่ออวี้กลับหอไม่ทันประตูปิด ก็ไปพักกับพ่อแม่ไม่ได้หรือ ค้างคืนที่นี่แล้วหากพรุ่งนี้เช้าพวกเพื่อนบ้านมาเห็นเข้าคงเอาไปนินทาลับหลังอย่างแน่นอน หร่านซูอวี้รู้สึกหงุดหงิด คำพูดคำจาของเธอจึงเริ่มไม่น่าฟัง
“พ่อของเจี้ยนหัวบอกว่า การแข่งขันภาษาอังกฤษที่กระทรวงศึกษาธิการจัดขึ้น น้องสาวเธอผ่านเข้ารอบชิงด้วย ช่างเป็เด็กที่เก่งจริงๆ นะ หัวชิงมีคนผ่านเข้ารอบแค่สี่คน และน้องสาวเธอคือหนึ่งในนั้น!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้