เื่ที่อวิ๋นอี้ไปเจอหว่านฉือนี้ มิได้บอกหรงซิว
ในเมื่อเรียกคุยนางคนเดียว กระนั้นก็ต้องเป็เื่ระหว่างสตรี หากมีบุรุษเข้ามายุ่งเกี่ยวมันจะยิ่งวุ่นวาย
เวลานัดพบคือเช้าวันพรุ่ง
หลังจากที่อวิ๋นอี้ตอบจดหมายไปแล้ว พร้อมบอกเซียงเหอมิให้พูดออกไป
เซียงเหอเป็คนไม่ฉลาดนัก เดาไม่ถูกว่าในน้ำเต้าของหว่านฉือจะมียาตำรับใด [1] เพียงรู้สึกไม่สบายใจเท่านั้น
ดังนั้นแม้จะส่งจดหมายออกไปแล้ว ทว่านางก็ยังพูดกับอวิ๋นอี้อย่างกังวลว่า “พระชายาเพคะ ข้าว่าอย่าไปเลยดีหรือไม่เพคะ? หากนางหลอกเราเล่าเพคะ?”
“หากนางกล้าหลอกเรา เ้าก็เอาจดหมายให้หรงซิวดูสิ” อวิ๋นอี้ตัดสินอย่างไม่แยแส “นางเป็สตรีที่มีชื่อเสียงมากความสามารถ ย่อมต้องให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและคำวิจารณ์ของผู้คนมากที่สุด โดยเฉพาะต่อหน้าหรงซิว นางมิกล้าทำลายภาพลักษณ์ตนเองหรอก หากหรงซิวรู้ว่านางที่ดูไร้เดียงสา ทว่าจริงๆ คิดจะเล่นงานข้า เ้าคิดว่าหรงซิวจะคิดอย่างไรเล่า?”
เซียงเหอเงียบไม่พูดกระไรอีก
นางมิรู้ว่าองค์ชายคิดอย่างไร เข้าใจเพียงว่าองค์ชายกับหว่านฉือเคยมีความสัมพันธ์กัน่หนึ่ง
หากอวิ๋นอี้เปรียบเทียบกับหว่านฉือ หรงซิวจะยืนอยู่ฝั่งใดนั้น เื่นี้ยังบอกมิได้
ความเงียบของนางทำให้อวิ๋นอี้เข้าใจผิดว่านางเห็นด้วย นางจึงตบไหล่เซียงเหออย่างสบายใจ “อย่าได้กังวลเลย พระชายาของเ้า มิใช่คนขี้ขลาด”
แม้ว่าเมื่อก่อนจะใช่ ทว่าต่อไปจะมิมีอีกแล้ว
อวิ๋นอี้มีท่าทีที่แน่วแน่ เซียงเหอจึงทำได้เพียงไม่พูดถึงมันอีก
วันนี้หรงซิวยุ่งมากจนไม่เห็นแม้แต่เงา เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นก็ยังมิมีผู้ใดเห็น อาหารบนโต๊ะต้องอุ่นรอถึงสองครา พ่อบ้านพลันเดินเข้ามาพูดด้วยความเป็ห่วง “พระชายาทานก่อนเลยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“องค์ชายยุ่งกระไรอยู่ เ้ามิรู้หรือ?” อวิ๋นอี้ถาม นางชินกับการทานข้าวกับเขา พอเหลือคนเดียวกลับรู้สึกอ้างว้างแปลกๆ
พ่อบ้านโค้งตัว ส่ายหน้าพูด “องค์ชายถูกเรียกเข้าไปในวังั้แ่เช้าพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าเป็เื่การสอบเข้าวังปีนี้ พระชายาก็ทราบว่าการสอบนี้เป็งานใหญ่มาก ข้อสอบยิ่งต้องเก็บเป็ความลับ ข้าได้ยินองค์ชายรับสั่งก่อนจะออกไปว่า ให้ท่านพักผ่อนให้เต็มที่ หากเขาไม่กลับมาคืนนี้ วันพรุ่งจะต้องกลับมาแน่พ่ะย่ะค่ะ”
ก็ได้
การสอบข้าราชการเข้าวังของราชวงศ์ต้าอวี่ น่าจะสำคัญพอๆ กับสอบมหาวิทยาลัยล่ะนะ อวิ๋นอี้เข้าใจได้
นางพยักหน้า เมื่อพูดถึงการสอบเข้าวัง ก็พลันนึกถึงอัจฉริยะใหญ่ผู้ที่อาศัยอยู่ในจวนขึ้นมา
“พ่อบ้าน เ้าไปเรียกคุณหลี่ที่อยู่อีกเรือนมาทานด้วยกันสิ เรียกเสี่ยวมู่อวี่มาด้วย ได้ยินว่า่นี้เขาพัฒนามาก แม่อย่างข้ามิได้ใส่ใจเขานานแล้ว”
เมื่อคิดดีๆ หลังจากที่เ้าชายของเป่ยิสองคนกลับไป นางก็มิได้ใกล้ชิดกับเสี่ยวมู่อวี่เลย
ละอายใจ ละอายใจจริงๆ
พ่อบ้านไปทำตามคำสั่ง อวิ๋นอี้สั่งให้ทาสหญิงไปอุ่นอาหารอีกรอบ รอให้สองคนนั้นมาแล้วค่อยเริ่มกัน
นางรอไม่นานนัก พลันเห็นคนตัวเล็กตัวใหญ่ เดินมา กลับต้องใมาก
เสี่ยวมู่อวี่ตัวสูงขึ้น!
แม้จะรู้ว่า เด็กในวัยเขาจะโตเร็วราวกับต้นอ่อน ทว่าไม่คิดเลยว่าในวันที่นางไม่ทันได้ใส่ใจเขา เด็กน้อยผู้นี้จะโตเอาโตเอา
ครั้งล่าสุดที่เจอกัน เขาสูงเท่าต้นขานางเท่านั้น เพลานี้สูงเท่าเอวนางแล้ว
“ท่านแม่ราคาถูก!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหน่อมแน้มทันทีที่อ้าปาก “ท่านแม่ราคาถูก ข้าคิดถึงท่านจะตายแล้ว!”
“ไหน เข้ามาให้แม่ดูหน่อย” อวิ๋นอี้อ้าแขนกว้างไปทางเขา ยิ้มหยีตาพูด “มานี่เร็ว! มาให้แม่กอดหน่อย!”
แม่ลูกนักแสดง แสดงได้เกินผู้ใด เสี่ยวมู่อวี่พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของนาง นางจึงลูบหัวเขาอย่างบ้าคลั่ง
พ่อบ้าน “......”
หลี่ซูซวนที่ตามมา “......”
เสี่ยวมู่อวี่ถูกลูบจนหัวมึนไปหมด ในที่สุดก็มีโอกาสหายใจ เขาก้มหัวและใช้กำลังมุดออกมา พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ “ท่านแม่...”
“เป็กระไรไป?” อวิ๋นอี้ยิ้มอย่างแม่ผู้มีเมตตา มองไปที่เสี่ยวมู่อวี่อย่างอ่อนโยน
เสี่ยวมู่อวี่ทำปากจู๋ “พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ...อวี่เออร์หิวแล้ว”
หลังจากการเตือนนี้ อวิ๋นอี้พลันแลบลิ้นอายๆ "ใช่สินะ แม่ตื่นเต้นไปหน่อยน่ะ ทว่าเ้านี่นะ มิเจอกันไม่นาน โตขึ้นเช่นนี้เชียว มิแปลกใจเลยที่เ้าหิวไม่หยุด!”
เสี่ยวมู่อวี่ยกมือของนางออก พลันนั่งลงที่เก้าอี้ทางด้านซ้าย สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ เขาจัดการวางถ้วยชามให้เขาทันที
อวิ๋นอี้หันไปมองหลี่ซูซวนที่ยืนอยู่ข้างๆ
บุรุษหนุ่มสวมชุดยาวสีฟ้า ใบหน้าของเขาดูโดดเด่น ก่อนหน้านี้เพียงสวมผ้าป่านสีเทายังโดดเด่นท่ามกลางผู้คน เพลานี้เขายิ่งดูสง่างามมากขึ้นไปอีก
เพียงแต่ว่าสีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก
คางของหลี่ซูซวนคมราวกับมีด เขากดมุมริมฝีปากลงเบาๆ พลันพ่นลมหายใจอย่างแรง "เหอะ"
เป็เช่นนี้อีกแล้ว
เมื่อได้เห็นนาง หลี่ซูซวนมิมีวันทำหน้าดีๆ ใส่
อวิ๋นอี้รู้ตัวดี ทว่าไม่อยากทะเลาะกับเขาต่อหน้าเสี่ยวมู่อวี่ จึงทำเป็มิได้ยินที่เขาเยาะเย้ย กลับทักทายเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “โอ้! ท่านอัจฉริยะก็มาแล้วหรือเ้าคะ! ข้าลืมทักทายไปเลย เชิญนั่งเถิดเ้าค่ะ! วันนี้โชคดีจริงๆ ที่ได้ร่วมทานอาหารกับท่าน!”
หลี่ซูซวน “......”
ใบหน้าของเขายิ่งเ็าขึ้น อยากจะเอ่ยปากโต้กลับ กลับได้เห็นอวิ๋นอี้ยิ้มอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม ท่าทีดูสนิทสนมขึ้นกว่าเดิม ถึงขนาดเข้ามาจูงเขา
หลี่ซูซวนขมวดคิ้ว เดินกะเผลกไปที่นั่ง แล้วนั่งลง
“เรียบร้อย ท่านเ้าคะ เราเริ่มทานกันเลยได้หรือไม่เ้าคะ?”
หลี่ซูซวนมองมาที่นาง เนื้อหนังของหญิงผู้นี้ดูดี ครั้งแรกที่เขาเห็นนาง เขาพลันมีความประทับใจลึกๆ ต่อนาง เหมือนว่านางจะมองโลกในแง่ดีไปเสียหมด
บุรุษในจวนจะแต่งงานกับสตรีคนใหม่แล้ว ทว่านางยังมีอารมณ์มาต่อล้อกับเขาอยู่อีก?
“ใจกว้างเสียจริง” เขาหยิบชามกับตะเกียบขึ้นแล้วพูดน้ำเสียงเหยียดหยาม
อวิ๋นอี้ได้ยินบุรุษหนุ่มพึมพำ พลันเงี่ยหูไปฟัง “ท่านพูดกระไรนะเ้าคะ? กระไรใจกว้าง?”
เมื่อมองดูรอยยิ้มอันสดใสของนาง หลี่ซูซวนก็พูดไม่ออก เขาตอบนางด้วยใบหน้ามืดมน ก้มหน้าทานอย่างเงียบๆ
ไม่พูดก็ไม่พูดสิ เพียงมีเสี่ยวมู่อวี่อยู่ อวิ๋นอี้ก็มีความสุข มิมีเวลามาสนใจอารมณ์ของเขาหรอก
วันที่มิมีหรงซิววันนี้ อวิ๋นอี้ใช้ชีวิตนับได้ว่าเต็มเปี่ยมทีเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นขึ้นมายังไม่เจอผู้ใด นางจำนัดของหว่านฉือได้ จึงเรียกให้เซียงเหอแต่งหน้าหวีผมให้นาง จากนั้นจึงไปที่โรงน้ำชา
โรงน้ำชาที่นัดพบก็อยู่ใกล้กับโรงเตี๊ยมเกาเซิ่ง ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร ชื่อว่าโรงน้ำชาเวยอวิ๋น
การตกแต่งของโรงน้ำชาเวยอวิ๋นนับได้ว่าเป็แนวโบราณ จะได้กลิ่นหอมของชาสดั้แ่เข้าประตูมา ราวกับว่าสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทางิั อวิ๋นอี้บอกกับจ่างกุ้ยว่ามาตามนัด จากนั้นคนใช้จึงได้นำทางนางไป
หว่านฉือมาถึงแล้ว
เมื่อผลักประตูเข้าไป นางพลันลุกขึ้นยืน จับเอวที่เพรียวบาง แล้วทำความเคารพอย่างสง่างาม “คารวะพระชายาเพคะ”
หว่านฉืองดงามอย่างไร้ข้อกังขา นางงามอย่างสาวงามโบราณ ใบหน้ารูปไข่ ั์ตาละเอียดอ่อน โค้งเล็กน้อย ดูอ่อนโยน นุ่มนวล สดใสและทำให้หวั่นไหวเมื่อได้สบสายตา สันจมูกเรียวๆ ริมฝีปากเล็กๆ เมื่อยืนอยู่เช่นนั้น ช่างอ่อนโยนราวกับภาพวาด
อวิ๋นอี้มองนางอย่างชื่นชมพลันรู้สึกด้อยกว่าเล็กน้อย แต่คิดอีกว่านางเป็พระชายาตัวจริง นางจะดูด้อยกว่าในสถานการณ์นี้มิได้
นางพยักหน้า นั่งลง แล้วพูดว่า “แม่หญิงหว่านฉืออย่าได้สุภาพไปเลยเ้าค่ะ มิทราบว่าที่เ้านัดข้าออกมา มีเื่กระไรจะพูดหรือ?”
หว่านฉือรินชาใส่แก้ว แล้วยื่นไปที่มือนาง “ที่หว่านฉือนัดพระชายาออกมา เป็การกะทันหันจริงๆ เพคะ อีกไม่กี่วันหว่านฉือจะต้องเข้าจวนไป จะต้องเรียกพระชายาว่าท่านพี่ ข้าจึงอยากจะพูดทุกสิ่งให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อที่เราจะได้มิผิดใจกัน กระทบความสัมพันธ์ของข้ากับพระชายาเพคะ”
“เข้าจวนหรือ?”
“เรียกว่าท่านพี่?”
อวิ๋นอี้จับประเด็นสำคัญในคำพูดได้ ดูเหมือนว่านางจะเข้าใจกระไรบางอย่างแล้ว สีหน้านางพลันเ็าลง “ข้าไม่เข้าใจว่าแม่หญิงหว่านฉือกำลังพูดเื่กระไรเ้าคะ?”
“เอ๋?” หว่านฉือมองท่าทีของนาง เหมือนจะมิรู้เื่ที่ตนจะต้องแต่งงานกับหรงซิว จึงพูดด้วยความแปลกใจ “พระชายา ท่านยังมิรู้หรือเพคะ? องค์ชายจะอภิเษกกับข้าเพคะ”
“โอ้?” อวิ๋นอี้กำมือแน่นเล็กน้อย นางขยำชายเสื้อของนาง “งั้นหรือเ้าคะ?”
ท่าทีของนางทำให้หว่านฉือเดาทางไม่ออก แต่เพื่อให้บทสนทนาดำเนินต่อไปได้ นางจึงต้องพูดอธิบายก่อน “ทว่าพระชายาวางใจได้เลยเพคะ ข้ากับองค์ชายเราอภิเษกกันปลอมๆ เพคะ”
เชิงอรรถ
[1] ในน้ำเตามียาตำรับใด 葫芦里卖的是什么药 หมายถึง ในใจของฝ่ายตรงข้ามมีแผนการที่เราไม่รู้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้