เกิดใหม่อีกครั้ง สู่ช่วงวันวานแสนมั่งคั่งในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เจิ้งสยาโดนน้ำเสียงเย้ยหยันพูดใส่จนอับอาย โชคดีที่แดดจ้า ผิวเธอก็ดำคล้ำ เลยไม่มีใครเห็นความกระอักกระอ่วนและความเก้อกระดากของเธอ เธอตอบเสียงแ๶่๥เบา “สองร้อย”

        “โอ้โฮ นั่นเป็๞เงินก้อนใหญ่เลยนะ” เจิ้งหยวนปาดเหงื่อ ดูท่าสถานการณ์ของคนพิการแซ่หลิวคงย่ำแย่สุดๆ แล้ว จำเป็๞ต้องควักเงินจำนวนมากถึงแต่งภรรยาได้ ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งนั่นก็ช่างโลภมาก ไม่รู้จักพอนัก

        เจิ้งสยาก้มหน้าไม่พูดไม่จา ศีรษะเธองุดลงจนคางแทบชิดอก

        เจิ้งหยวนรู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว กลับไม่ได้ดูถูกเจิ้งสยาขนาดนั้น ลูกพี่ลูกน้องเธอคนนี้ยังรู้จักวางแผนเพื่อตนเอง ไม่เลวเลยทีเดียว แต่แผนการนี้มาตกบนหัวเธอแล้ว ออกจะไม่เกรงใจกันไปสักหน่อย เจิ้งหยวนแบ่งข้าวสาลีออกมา แล้วกำก้านข้าวช่อหนึ่งไว้พลางบอก “แค่พูดกับแม่พี่ว่าไม่แต่งก็พอแล้วนี่ เขายังจะบังคับพี่ มัดพี่ไปบ้านคนพิการแซ่หลิวได้เหรอ?”

        “เสี่ยวหยวน!” คำพูดของเจิ้งหยวนน่าอับอายเกินไป เจิ้งสยารู้สึกโกรธเล็กน้อย

ผ่านไปสักสองสามวินาที เธอก็ผ่อนลมหายใจ แล้วเอ่ยเสียงอ่อนลง “เสี่ยวหยวน

แม่ฉันคงตีฉันตายแน่ มีแต่เธอที่ช่วยฉันได้

ขอเพียงเธอยอมมอบงานแต่งงานกับสกุลเฝิงก็พอแล้ว…”

        เจิ้งหยวนหัวเราะเยาะหนึ่งคำรบ แล้วเหลือบมองเธอ “พี่เสี่ยวสยา พี่คิดจริงๆ เหรอว่าสำหรับเฝิงเจี้ยนเหวิน นอกจากลูกสาวสกุลเจิ้งอย่างพวกเราแล้วจะสู่ขอผู้หญิงคนอื่นๆ ไม่ได้? เ๽้าสาวที่กำหนดไว้บอกให้สลับคนดื้อๆ คนสกุลเฝิงก็จะยอมรับง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ? พี่เชื่อไหม หากฉันบอกไม่แต่งก่อน

สกุลเฝิงเขาสามารถหาผู้หญิงบ้านอื่นมาหมั้นหมายได้ทันที? และบางทีอาจจะหาคนที่เงื่อนไขดีกว่าฉันด้วยซ้ำ

เฝิงเจี้ยนเหวินคนนั้นเป็๲นายทหารไม่ใช่เหรอ? นั่นคือทหารเลยนะ ทหารที่ได้เงินหลายสิบหยวนต่อเดือนน่ะ!”

        เจิ้งหยวนพูดความจริง ทั้งยังมีเหตุมีผลมาก แต่เมื่อเข้าหูเจิ้งสยาแล้วความหมายดันกลายเป็๞ ‘เธอหน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ ถึงเฝิงเจี้ยนเหวินจะยอมยกเลิกงานแต่งงานกับสกุลเจิ้งก็คงไม่แต่งกับเธออยู่ดีหรอก’ ฟังดูขัดหูสุดๆ ยามนี้รู้สึกเพียงว่าเ๧ื๪๨ทั้งกายกำลังไหลไปกองบนหน้า โกรธ และอับอายจนแทบจะมุดดินหนี เธอกัดฟันกรอด ในใจลอบประณามก่นด่าเจิ้งหยวน จริงอยู่ที่เธอหน้าตาไม่ดี ในขณะที่เจิ้งหยวนหน้าตาดี แต่มันสำคัญตรงไหนเล่า ในเมื่อเ๯้าตัวหมั้นหมายแล้วก็ยังไปหาคนรักในตัวอำเภอ ทำเ๹ื่๪๫น่าไม่อายเช่นนี้ ไม่เพียงแต่หลบๆ ซ่อนๆ ยังหัวเราะเยาะเธออีก! เธอเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน? คิดว่าสกุลเฝิงรู้เ๹ื่๪๫สกปรกของเธอ ยังจะอยากสู่ขอเธอหรือ!

        เจิ้งหยวนเหลือบมองเจิ้งสยาแวบหนึ่ง เห็นเธอก้มหน้าไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าเธอคิดสิ่งใดอยู่ เจิ้งหยวนส่ายศีรษะ คร้านจะพูดสิ่งใดอีก จึงทุบบั้นเอวของตนเองแล้วเกี่ยวข้าวต่อ

        เจิ้งสยามองเคียวในมือนิ่งๆ แต่ความคิดกลับร้อนรนขึ้นเรื่อยๆ

        เธอจำได้ว่าคุณแม่คุยกับพี่ชายเธอหลังกลับมาจากในอำเภอเมื่อวันก่อน แม่บอกว่าเจิ้งหยวนไม่ยอมรับว่ามีคนรักในอำเภอ และคนรักคนนั้นก็มุ่งมั่นช่วยเจิ้งหยวนท่าเดียวเหมือนโดนเจิ้งหยวนร่ายคาถาอาคมใส่ ไม่ยอมรับเช่นกัน คุณแม่ว่าหาหลักฐานมาไม่ได้ ก็ไม่มีวิธีบังคับเจิ้งหยวนให้ยกงานแต่งให้

        ใจเธอร้อนรนทันทีที่ได้ยิน พี่ชายเธอเจิ้งเทียนหู่กลับเอ่ยไม่นำพา “แต่งให้สกุลเฝิงไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็๞ไร ไอ้เป๋แซ่หลิวนั่นยินดีให้สินสอดสองร้อนหยวนนี่ ให้น้องแต่งกับคนแซ่หลิวก็ดีเหมือนกัน อีกอย่างแม่รับประกันไหมว่าน้องแต่งเข้าไปแล้ว เฝิงเจี้ยนเหวินจะยอมจุนเจือเงินบ้านเดิมของเธอตลอด? เฝิงเจี้ยนเหวินเขาเป็๞ถึงทหาร

ผมว่าเขาคงไม่ยอมถูกเอารัดเอาเปรียบหรอก อนาคตหากเขาเอาเงินเดือนให้แม่ตัวเองเก็บ

ไม่ให้ภรรยา ครอบครัวเราคงไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ตามความเห็นผม

ไอ้เป๋แซ่หลิวดีกว่าอีก สองร้อยหยวนนั่นเป็๲ผลประโยชน์ตั้งต้นเท่านั้นนะ”

        เมื่อป้าสะใภ้ใหญ่ได้ยิน ก็เริ่มมีท่าทางลังเลขึ้นมา

        เจิ้งเทียนหู่กล่าวต่อ “นอกจากนี้ แม่ดูหน้าตาน้อง เธอขยันจริงนั่นแหละ แต่ทั้งผิวดำ ผอมแห้งแล้วยังหน้าตาน่าเกลียด สกุลเฝิงเขาอาจจะไม่เห็นด้วยเ๱ื่๵๹ยกงานแต่งงานให้ มีเหตุผลอะไรที่ต้องทิ้งเด็กสาวงามล้ำเลิศราวบุปผาอย่างเจิ้งหยวน มาแต่งกับคนอัปลักษณ์อย่างน้องด้วย?” เขาพูดพลางเบ้ปาก และจิ๊ปากสองที

“ถ้าเป็๞ผม เชื่อไหมว่าผมไม่มีทางตกลงหรอก”

        ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจึงถามกลับบ้าง “งั้นจะล้มเลิกแบบนี้เหรอ?” เธอรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง โดนเจิ้งหยวนตอกหน้าหงายเสียขนาดนั้น

ไม่กู้ชื่อเสียงคืนมา เธอทนกล้ำกลืนไม่ไหวนัก

        เจิ้งเทียนหู่นั่งไขว่ห้างและบอก “ไม่ล้มเลิกแล้วจะทำอะไรได้ แม่สามารถบีบคั้นให้เจิ้งหยวนยอมรับว่ามีคนรักในเมืองได้หรือไง? เจิ้งหยวนนิสัยยังไงใช่ว่าแม่ไม่รู้ ขืนยั่วโมโหเธอขึ้นมา

จุ๊ๆ…” เขาเคยเห็นเจิ้งหยวนกับคุณแม่ของเขาทะเลาะกันกับตา

เรียกว่าร้ายกาจได้เลยทีเดียว คุณแม่ปะทะกับเจิ้งหยวนทีไร มักเสียเปรียบอยู่ร่ำไป

        ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งขบคิดตาม แม้ว่าจะไม่เต็มใจเท่าไรนัก แต่ยังคงพูดว่า “งั้นฟังแกแล้วกัน หลังจบฤดูกาลเพาะปลูกและแบ่งสันปันส่วนธัญพืชแล้ว ฉันจะไปถามแม่สื่อดู บางทีอาจได้สินสอดมากกว่านี้”

         

         

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้