ในไม่ช้าพวกเขาทั้งหมดก็เดินมาถึงหน้ากระท่อมมุงหญ้า หวังหย่งชิ่งหันไปคุยกับตำรวจตลอด “ที่นี่แหละครับ ตอนเช้าตรู่ สหายหญิงที่ขึ้นเขามาตัดหญ้าเลี้ยงหมูเห็นบนหน้าต่างบ้านเขียนตัวอักษรมงคลสีแดงไว้ น่ากลัวมากเลยครับ ข้างในก็เหมือนกัน เต็มไปด้วยตัวอักษรมงคลสีแดง…” เขามัวแต่พูดจนไม่ได้สังเกตว่าสีหน้าของตำรวจหลายคนเปลี่ยนไป
“เสมียนหวัง ที่นี่มีตัวอักษรมงคลตรงไหนกัน?” ตำรวจดวงตาเล็กโพล่งขัดเขากะทันหัน พลางชี้หน้าต่างตรงหน้า
หวังหย่งชิ่งหันขวับไปมองตาม ฮะ? นอกจากฝุ่นสกปรกบนหน้าต่างกระดาษทรุดโทรม ก็ไม่มีอะไรอยู่เลยจริงๆ เขาใจนหน้าซีดเผือด ทำอะไรไม่ถูก จึงหันไปหาเจิ้งเฉวียนกังโดยไม่รู้ตัว เจิ้งเฉวียนกังเองก็มองเขาด้วยความงุนงงเช่นกัน ทั้งสองสบสายตากัน ต่างเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
เจิ้งเฉวียนกังไม่แม้แต่จะพูดสักคำก็ถลันเข้าไปในตัวกระท่อมก่อนแล้ว ผลปรากฏว่าในกระท่อมสะอาดสะอ้านมีเพียงแต่คราบฝุ่นกับใยแมงมุมเท่านั้น ไม่มีรอยคราบสีแดงแม้แต่นิดเดียว
“นี่… นี่…” เจิ้งเฉวียนกังใจนใบหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ เขาเบนหน้ามายังหวังหย่งชิ่ง หวังหย่งชิ่งตามเข้ามาด้วยก็ใไม่ต่างกัน
“ตัวอักษร... ตัวอักษรล่ะ?” หวังหย่งชิ่งพึมพำ “ตัวอักษรที่นี่มันหายไปไหนหมดแล้ว ฉันยังจำได้อยู่เลยว่าทั้งห้องเต็มไปด้วยตัวอักษรมงคลสีแดง แถมยังเป็ตัวอักษรมงคลคู่ด้วย มีตรงกำแพงฝั่งนี้และฝั่งนี้ ที่พื้นก็มีนะ เป็สีแดงเืหมด…”
แต่ไม่ว่าเขาจะหาอย่างไร ขยี้ตาหลายครั้งแค่ไหน ทั้งห้องนี้ไม่ว่าจะผนังหรือบนพื้นก็ไม่มีสีแดงสักนิดเดียว
เจิ้งเฉวียนกังริมฝีปากพลันสั่นระริก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เป็ไปได้ยังไงกัน?”
ท่าทางของทั้งสองแปลกเกินไปจนคนมองพานกระวนกระวายตาม ตำรวจร่างผอมสูงคนหนึ่งที่เงียบกริบมาตลอดตัดสินใจโพล่งขึ้น “พวกคุณสองคนตกลงมันเป็ยังไงกันแน่? มีตัวอักษรบ้าบออะไรที่ไหน! ก่อนหน้านี้พวกคุณหลอกตำรวจมาตลอดใช่ไหม?”
หวังหย่งชิ่งไม่อยากอยู่ในกระท่อมหลังนี้ต่อแม้แต่วินาทีเดียว เื่นี้มันโคตรจะผิดปกติ เขาเอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายคนจะร้องไห้ “สหายตำรวจ จริงๆ นะครับ พวกเราไม่ได้หลอกคุณ ในห้องนี้เคยมีตัวอักษรสีแดงอยู่จริงๆ ! ไม่เพียงแค่ผม เฉวียนกังก็เห็น สมาชิกมากมายในกองพวกเราล้วนเห็นกับตาด้วยกันทั้งนั้น!”
เจิ้งเฉวียนกังพูดเสริม “ใช่แล้ว ผมเห็นเองกับตา คนส่วนใหญ่ในกองก็เห็นเหมือนกัน”
แต่… ไหนตัวอักษรล่ะ?
ในเมื่อคนเห็นมากขนาดนั้น เื่นี้ก็ไม่มีทางหลอกลวง หัวหน้ากองคงไม่ร่วมมือกับทุกๆ คนในกองโกหกแล้ววางแผนปั่นหัวหรอกมั้ง? มันไร้เหตุผลเกินไป แต่หากมีตัวอักษรมงคลสีแดงเต็มห้องดังที่พวกเขากล่าวมาจริงๆ เช่นนั้นตัวอักษรพวกนี้จะหายไปได้อย่างไรล่ะ?
คงไม่ได้มีผีจริงๆ หรอกนะ?
ตำรวจทั้งหลายมองหน้ากัน ณ เวลานี้ใจพวกเขาตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ได้แต่พยายามรักษาความเยือกเย็นบนใบหน้าไว้เท่านั้น
อาสามเจิ้งครุ่นคิด ก่อนถาม “มีคนแอบมาลบตัวอักษรออกหรือเปล่า?”
คนทั้งหลายมองรอบห้องอีกครั้ง ต่อให้ล้างก็ออกจะสะอาดเกินไปหน่อยมั้ง?
ตำรวจดวงตาเล็กกระแอมเบาๆ “ถ้าอย่างนั้น เราไปบ้านเจิ้งเทียนหู่ถามเขาดูว่า่นี้ล่วงเกินใครกันก่อนดีไหม?”
คนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วยทันที รีบเอ่ยรัวเร็ว “ได้ๆๆ ไปกันๆๆ”
พวกเขาไม่อยากอยู่ในห้องนี้อีกสักวินาทีเดียว มันน่ากลัวเหลือเกิน!
ดังนั้น คนทั้งกลุ่มจึงพากันไปบ้านเจิ้งเทียนหู่แทน
เจิ้งหยวนเพิ่งออกไปได้ครู่เดียวคนกลุ่มนี้ก็มาถึง ปลายหางตาเจิ้งหยวนเห็นพวกเขาขณะกำลังจะเลี้ยวออกจากตรอกพอดี สีหน้าหลายๆ คนดูตึงเครียด เธอสังเกตเห็นพ่อของเธออยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ริ้วรอยบนหน้าเขายับย่นจนแทบจะกองรวมกันอยู่แล้ว
เกิดเื่อะไรขึ้นหรือเปล่านะ?
เจิ้งหยวนสงสัยและอดกังวลเล็กน้อยไม่ได้
บ้านเจิ้งเทียนหู่ยังคงอื้ออึงอยู่ ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งไม่สบอารมณ์เป็ทุนเดิมอยู่แล้ว จึงลากเจิ้งสยามาดุด่า ั้แ่แต่งออกไปเธอไม่เคยกลับบ้านเดิมและเห็นญาติพี่น้องอยู่ในสายตาสักครั้ง ตัวเองแต่งงานแล้วกินจนอ้วนขึ้นแถมยังสวมเสื้อผ้าใหม่ กลับไม่รู้ว่าคนที่บ้านแทบจะไม่มีแป้งมันกินกันอยู่แล้ว ่แรกๆ เจิ้งสยายังแก้ตัวอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ก้มหน้างุด สงบปากสงบคำแทน
เป็คนขาพิการแซ่หลิวที่เหลืออด พูดตัดบทเธอในที่สุด “อาสะใภ้
หู่จื่อเป็อย่างไรบ้าง?ร่างกายดีขึ้นหรือยัง?”
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งลดเสียงเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าคนขาพิการแซ่หลิวก็อยู่ที่นี่ “โอ๊ะ ก่วงเฉวียนมาด้วยเหรอ?” เธอฉีกยิ้มเสแสร้ง “ร่างกายหู่จื่อดีขึ้นแล้ว ไม่ตายง่ายๆ หรอก! ก่วงเฉวียนเอ๋ย นายลองใช้สมองคิดดู ต่อให้เสี่ยวสยาแต่งกับเธอแล้วก็ยังเป็ลูกที่คลานออกมาจากท้องของฉันอยู่ดีใช่ไหม? จะบอกให้ยอมรับแม่อย่างฉันเลยไม่ได้มั้ง?”
คนขาพิการแซ่หลิวพูดไม่เก่งเท่าไร พอโดนแม่ยายตอกกลับแบบนี้ แม้จะขัดใจเหลือเกิน แต่กลับไม่รู้ว่าควรตอบโต้อย่างไรดี ทำได้เพียงขานรับเสียงจืดเจื่อน
“งั้นทำไมลูกสาวฉันที่เพิ่งแต่งออกไปกับเธอไม่กลับมาบ้านเลยล่ะ? เธอนับดู ั้แ่พวกเธอกลับมากราบพ่อแม่ฝ่ายหญิงครั้งล่าสุดจนถึงตอนนี้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วล่ะ?”
คนขาพิการแซ่หลิวอ้ำอึ้ง น้ำท่วมปากไม่อาจตอบอะไรได้
“ลูกสาวฉันไม่อยากกลับมา ไม่อยากรู้จักแม่คนนี้แล้ว หรือเป็เธอไม่ยอมให้ลูกสาวฉันกลับมากัน?”
คนขาพิการแซ่หลิวได้แต่ตอบอยู่ในใจ เป็เขาไม่ปล่อยภรรยากลับเอง เขาโดนวางแผนร้ายในคราวก่อนก็รังเกียจบ้านเดิมของเจิ้งสยาเข้าไส้
“หากไม่ใช่เพราะเกิดเื่กับหู่จื่อวันก่อน พวกเธอคงไม่คิดจะมาเลยละสิ?”
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งด่าฉอดๆ จนคนขาพิการแซ่หลิวอ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออกสักคำ สีหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัด พอเห็นเช่นนั้น ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจึงยิ่งลำพองใจว่าตนมีเหตุผล ก็ยิ่งไม่สนหัวใคร
“เสียงดังอะไรกันน่ะ!”
ยังไม่ทันเข้าประตูก็ได้ยินเสียงดังของป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งมาแต่ไกล ว่ากันว่าไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า [1] ข้างกายเจิ้งเฉวียนกังยังมีคนนอกตามมาอีกตั้งหลายคน! เขารีบสับเท้าเดินเข้าไปในลานบ้านคนแรกและตะคอกใส่ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ
สามคนในลานบ้านหันมามองเป็ตาเดียวกัน
ครั้นป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งเห็นว่าเป็เจิ้งเฉวียนกัง น้องสามีตัวเองก็ไม่พอใจนัก คิดว่าน้ำเสียงที่น้องสามีพูดกับตัวเองไม่เหมาะสมเอาเสียเลย พอจะยกฐานะพี่สะใภ้ขึ้นมาข่มพลันเห็นตำรวจในชุดเครื่องแบบสีฟ้าโผล่มาจากข้างหลังเขาหลายนายก็ใจนสะดุ้งเฮือกทันที ลนลานกลืนคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาดื้อๆ จนแทบกัดลิ้นตัวเอง
เธอเริ่มกลัวขึ้นมา ตำรวจมากมายมาขนาดนี้คงไม่ได้รู้ว่าเธอตั้งใจจะเชิญแม่หมอมาหรอกนะ? แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ พอเห็นน้องสามีคนเล็กซ่อนอยู่ในกลุ่มตำรวจด้วย ลมหายใจที่กลั้นอยู่ถึงผ่อนออกมาเบาๆ
“เฉวียนกัง เฉวียนชาง?” เธอมองตำรวจหลายนาย พยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากน้องสามีทั้งสอง “พวกนายมาทำไมเหรอ เกิดอะไรขึ้นกัน?”
เจิ้งเฉวียนกังหลีกไปด้านข้างด้วยใบหน้ามืดมน ปล่อยให้น้องชายเป็คนพูดแทน เมื่อเห็นพี่ชายหลีกทางให้ เจิ้งเฉวียนชางจึงก้าวขึ้นมาแทนแล้วว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเรามาสืบเื่ของเจิ้งเทียนหู่”
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งพลันหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวหดลงเหมือนเต่า เธอถามเสียงประหม่าว่า “หู่จื่อ? หู่จื่อมีเื่อะไรจำเป็ต้องสืบ—”
“เื่หู่จื่อพบผีนั่นแหละครับ พวกเราสงสัยว่ามีคนจงใจแก้แค้นเขาน่ะ” อาสามเจิ้งกล่าว “พวกเรามาเพื่อสอบถามหู่จื่อว่าก่อนหน้านี้เขาล่วงเกินใครเข้าหรือเปล่า”
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งไม่พอใจกับถ้อยคำเสียดแทงใจนี้แล้ว
“แก้แค้น? หู่จื่อของพวกเรามีอะไรให้คนแก้แค้นกัน? หู่จื่อเขาประพฤติตนเรียบร้อยไม่ออกนอกลู่นอกทาง คนเขาก็รู้กันทั้งกองไม่ใช่เหรอ? เขาจะไปล่วงเกินคนจากไหน?”
หวังเฉี่ยวเอ๋อร์นั่นแหละเป็คนก่อเหตุชัดๆ !เธอน่าจะหาแม่หมอมาไล่ผีสาวเข้าคุกเสียให้เข็ด!
เชิงอรรถ
[1] ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า หมายถึง เื่ไม่ดีภายในบ้านไม่อาจแพร่งพรายออกไปได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้