เมิ่งอู่ยื่นนิ้วขึ้นเกาแก้มก่อนพึมพำตอบ "ก็เหมือนกับยามนี้ข้ามีงานศิลปะอยู่ชิ้นเดียวเท่านั้น แต่ท่านแม่กลับใช้มันหนุนขาโต๊ะ ข้าจะไม่รู้สึกปวดใจได้อย่างไรเล่าเ้าคะ"
นางเซี่ยกล่าว “หาได้มีสามีไว้เพื่อจัดแสดงให้ชื่นชมความงามไม่!”
อินเหิงที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าจริงจังขณะกล่าว "ความจริงแล้วไม่เพียงจัดแสดงข้าไว้เพื่อชื่นชมความงาม หากอยากใช้งานก็ยังใช้ได้"
นางเซี่ยถลึงตาใส่อินเหิงผาดหนึ่ง “เ้าหุบปาก!”
อินเหิงตอบรับ "ขอรับ"
สถานะของอินเหิงได้รับการยกระดับจากปีศาจจิ้งจอกหรือตัวหายนะมาเป็เ้าบ่าวเด็กได้สำเร็จ และได้รับการรับรองจากชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน นางเซี่ยย่อมไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงอบรมสั่งสอนเมิ่งอู่ใหม่บนพื้นฐานนี้เท่านั้น
นางเซี่ยคอยดึงหูเมิ่งอู่เข้ามากระซิบกระซาบสั่งสอนว่า ไม่สมควรเอาอกเอาใจและยิ่งไม่สมควรตามใจบุรุษ มิเช่นนั้นเขาจะคิดว่าเป็เื่ปกติที่สมควรเป็ ภายภาคหน้าสตรีจะต้องทำงานหนักไปตลอดชีวิต
อินเหิงเห็นเมิ่งอู่เกาหัวไม่หยุดหลังได้ยินอย่างนี้ จึงกล่าวขัดใน่เวลาที่เหมาะสม “ฮูหยิน ท่านอยากจะให้ข้าทำอันใดหรือไม่?”
นางเซี่ยจึงหยุดปลูกฝังความคิดใหม่ๆ ให้เมิ่งอู่ นางกล่าว "เริ่มจากเื่เล็กๆ ก่อน ต่อไปเ้ามีหน้าที่ให้อาหารไก่"
อินเหิงพยักหน้า "ขอรับ"
การเลี้ยงไก่ไม่ใช่เื่ยาก ไม่ต้องใช้แรงมาก เพียงโปรยธัญพืชในลานเรือน แล้วปล่อยให้แม่ไก่ป่าจิกกินเองก็พอ
แต่นางเซี่ยและเมิ่งอู่คาดไม่ถึงว่า เพียงไม่กี่วันแม่ไก่ป่าตัวนั้นที่อินเหิงให้อาหารจะเปลี่ยนไปกะทันหัน…
แม่ไก่ป่ากลายเป็เชื่องและว่าง่ายมาก มักเดินวนเวียนอยู่รอบๆ เก้าอี้เข็นของอินเหิงเมื่อเขาออกมาที่ลานเรือน และไม่ส่งเสียงร้องกะต้ากๆๆ ดังลั่น
อินเหิงวางธัญพืชไว้ในมือ แล้วโน้มตัวลงเล็กน้อย แม่ไก่ป่าก็เดินเข้ามาตรงหน้าเขา ก่อนค่อยๆ จิกกินอาหารกลางฝ่ามือของเขา
หลังแม่ไก่ป่ากินธัญพืชในมือของอินเหิงจนหมด อินเหิงก็ยืดตัวขึ้น วางมือบนพนักแขนของเก้าอี้เข็นอย่างสบายๆ ก่อนเคาะนิ้วเรียวยาวขาวผ่องเบาๆ กับพนักแขนสองครั้ง ทันใดนั้นแม่ไก่ป่าก็กระพือปีกแล้วะโขึ้นไปนั่งยองอยู่บนพนักแขนของเก้าอี้เข็นของเขา
อินเหิงลูบขนเรียบเนียนงดงามของแม่ไก่ป่า แม่ไก่ป่าหรี่ตาลงคล้ายเพลิดเพลินอักโข
เมิ่งอู่มองด้วยความใสุดประมาณ นี่ยังเป็แม่ไก่ป่าที่ดุร้ายและเป็อันธพาลครองลานเรือนอยู่ละหรือ?
เมิ่งอู่ถาม "นั่นยังเป็ไก่อยู่หรือไม่? อาจกลายเป็ผงปรุงรสไก่ไปแล้วกระมัง"
นางเซี่ยก็ใเช่นกัน
เมิ่งอู่พับแขนเสื้อขึ้น หมายจะเดินเข้าไปพลางกล่าว “ไม่ได้การ มันเป็ตัวเมีย เกรงว่ากำลังล่อลวงอาเหิงของข้า วันนี้ข้าจะถอนขนมันแล้วโยนลงหม้อ”
นางเซี่ยรีบรั้งเมิ่งอู่ไว้ ก่อนมองนางแวบหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าสายตาเจือแววดูถูกเล็กน้อย นางเซี่ยกล่าว “ด้วยสถานะของเ้า คุ้มหรือที่จะกินน้ำส้มสายชู [1] เพราะไก่ตัวหนึ่ง?”
เมิ่งอู่รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่านอกจากนางกับมารดาแล้ว ล้วนแต่ต้องระวังป้องกันบรรดาสิ่งมีชีวิตเพศหญิงทั่วหล้าสักหน่อย
ต่อมาถือโอกาสยามที่นางเซี่ยไม่อยู่ เมิ่งอู่ก็ยิ้มอ่อนขณะเดินเข้าไปหาแม่ไก่ป่าที่เกาะอยู่บนเก้าอี้เข็นของอินเหิง แม่ไก่ป่าอาจรู้สึกได้ถึงไอสังหารที่ซ่อนอยู่เื้ัรอยยิ้มนั้นจึงกระพือปีก แล้วะโถึงพื้นในคราวเดียว มันส่งเสียงร้องกะต้ากๆ ดังสนั่น คล้ายจะบอกว่ามีคนมา! มีคนรีบมา! มีคนคลุ้มคลั่งเสียสติจะมาฆ่าไก่!
เมิ่งอู่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ "เ้าร้องอีก เ้าลองร้องอีกสองหนสิ แล้วดูซิว่าข้าจะจับเ้าไปตุ๋นหรือไม่" นางไล่ต้อนแม่ไก่ป่าเข้ามุมพร้อมขู่เสียงแ่เบา "ห้ามะโขึ้นไปบนเก้าอี้เข็นของเขาอีก ห้ามเข้าใกล้เขา เขาเป็ของข้า เหตุใดจึงต้องให้เ้าได้เสพสุขเช่นนี้ด้วย? มิฉะนั้นต่อให้ขนของเ้างามเพียงใด ข้าก็จะถอนมันจนเกลี้ยง!"
อินเหิงมีโสตประสาทไม่ธรรมดา คำพูดของเมิ่งอู่ลอยเข้าหูของเขาโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว เขาก้มหน้าลง ลูบชายเสื้ออย่างสบายๆ พลางเลิกคิ้วเล็กน้อย
เมื่อเมิ่งอู่หันกลับมาเผชิญหน้ากับอินเหิง ก็เปลี่ยนสีหน้าท่าทางเป็ยิ้มแย้มแจ่มใสสุภาพอ่อนโยน นางกล่าวว่า "เป็ธัญพืชเหมือนกัน ไยท่านถึงเลี้ยงมันแบบนี้ได้?"
อินเหิงกล่าว "ข้าเคยเลี้ยงนกพิราบมาก่อน ดังนั้นอาจจะรู้วิธีฝึกสัตว์ให้เชื่องกระมัง"
ครอบครัวของเมิ่งอู่มีบุตรเขยแต่งเข้าเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง และมีคนเล่าให้ฟังว่าบุรุษผู้นั้นรูปงามยิ่งนัก ประหนึ่งเทพเซียนจุติลงมาจากสรวง์
ทำไมเมิ่งอู่ถึงโชคดีเยี่ยงนี้ ได้พบพานบุรุษที่หลงรักนางหมดหัวใจ?
ในใจของบรรดาเด็กสาวในหมู่บ้านที่ยังไม่ออกเรือนและอวดว่าตนอ่อนช้อยดั่งบุปผาประณีตดั่งหยกหาได้ยอมรับไม่ เนื่องจากพวกนางดีกว่าเมิ่งอู่ทุกประการ ดังนั้นจึงเดินผ่านหน้าเรือนของเมิ่งอู่คล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจพลางมองลอดรั้วเข้าไปยล
ครั้นเห็นใบหน้าของอินเหิงแล้ว เด็กสาวในหมู่บ้านเ่าั้ก็หลงใหลจนหน้ามืดตามัว แต่ทุกคราที่พวกนางเห็นเขา เขามักจะนั่งอยู่บนเก้าอี้เข็น ไม่เคยลุกขึ้นยืนแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งภายหลังทุกคนถึงรู้ว่า แม้บุรุษผู้นี้รูปงามทว่าน่าเสียดายที่เขาพิการ
ในใจของเด็กสาวเ่าั้จึงเกิดความสมดุลขึ้นบ้าง
่ไม่กี่วันมานี้ช่างไม้หลี่พาชาวบ้านหลายคนมาที่เรือนของเมิ่งอู่เพื่อวัดพื้นที่ เมิ่งอู่หยิบภาพที่วาดไว้ออกมาให้พวกเขาดู จากนั้นจึงขึ้นูเาไปตัดต้นไม้และรวบรวมวัสดุเพื่อเตรียมสร้างเรือนหลังใหม่
ระหว่างที่ชาวบ้านยุ่งมาก เมิ่งอู่กับนางเซี่ยก็ทำอาหารอยู่ในครัว หนึ่งวันกินสามมื้อจนอิ่มหนำสำราญ
อินเหิงก็ช่วยเหลืองานเบาๆ เท่าที่จะทำได้ เช่น ให้อาหารไก่ ผ่าฟืน ดูแลพืชผัก เป็ต้น
อย่ามองว่าอินเหิงนั่งอยู่บนเก้าอี้เข็น เขาวางฟืนไว้บนตอไม้ มือถือขวานฟันลงไปอย่างแม่นยำเสมอ ยิ่งกว่านั้นยังเป็ระเบียบและงดงาม โดยฟืนทุกท่อนมีขนาดเท่าๆ กัน
เมื่อทุกคนช่วยกันทำงาน อาหารที่เรือนจึงมิอาจเรียบง่ายเกินไป หากมีเพียงผักป่าแต่ไร้เนื้อสัตว์ ก็ไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน
ดังนั้นเมิ่งอู่จึงขึ้นูเาไปล่ากระต่าย หรือถ้ามีคนในหมู่บ้านฆ่าหมูแล้วขายเนื้อ นางก็จะซื้อกลับมาบ้าง
วันนี้เมิ่งอู่ซื้อกระดูกหมูติดเนื้อกลับมา แล้วทำให้หักที่ลานเรือน
เศษกระดูกแตกแทรกเข้าไปในเนื้อ เมิ่งอู่ใช้เวลานานในคลำหาเศษกระดูกผ่านเนื้อแดงๆ สีหน้าท่าทางของนางจริงจังดุจกำลังทำเื่ที่จริงจังยิ่งยวด ทั้งยังจดจ่ออยู่กับงานในมือ
นางเซี่ยเรียกนางสองหน แต่เมิ่งอู่ก็ยังไม่ตอบรับ นางจึงออกมาดู ก่อนเห็นบุตรีกำลังคลำกระดูกหมูอยู่ จึงอดถามไม่ได้ว่า "อาอู่ เ้าทำอันใดอยู่?"
เมิ่งอู่ตอบ “จัดกระดูกเ้าค่ะ”
ครั้นเห็นว่านางจัดเรียงกระดูกหักกลับเข้าไปในเนื้อได้แล้ว นางเซี่ยจึงเดินเข้าไปหยิบกระดูกหมูพลางกล่าว “รอต้มน้ำแกงอยู่ ถ้าเ้าจัดเรียงมัน แล้วเนื้อมันจะงอกออกมาอีกสองเหลี่ยง [2] หรืออย่างไร”
เมิ่งอู่ถอนหายใจ
อินเหิงที่นั่งอยู่ในร่มใต้ชายคากล่าว “ไม่ต้องรีบร้อน อาอู่ค่อยเป็ค่อยไปเถิด” เขาเข้าใจดีว่านางมีเจตนาใด
เมิ่งอู่เงยหน้ามองเขา แล้วเลื่อนสายตาลงไปที่ขาของเขาก่อนกล่าว “เ้าก็เห็นแล้วว่านี่เป็งานที่ต้องใช้ทักษะที่เชี่ยวชาญ ข้ายังไม่ชำนาญ แต่ขาของเ้ารอต่อไปไม่ได้แล้ว”
นางเคยแตะต้องงานที่ต้องใช้ทักษะเหล่านี้มาก่อน แต่ยังไม่เชี่ยวชาญ ภายใต้เงื่อนไขในสมัยโบราณเยี่ยงนี้ย่อมไม่มีทางผ่าตัดต่อกระดูกให้อินเหิง ทำได้เพียงใช้วิธีนี้เท่านั้น
หากปล่อยกระดูกขาที่หักไว้เช่นนี้ ภายหลังอินเหิงจะเ็ปทรมานทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นเมิ่งอู่จึงคว้าทุกโอกาสที่จะได้คลำกระดูกและฝึกฝนฝีมือการจัดกระดูก ยามที่นางเห็นสุนัขที่ชอบกัดคนของผู้ใดไม่รู้ในหมู่บ้านถูกมัดปากขณะออกมาเดินเล่น นางถึงกับเคยคิดจะหักขาของสุนัขตัวนั้น แล้วต่อกระดูกให้มันใหม่...
ตอนกลางวันทุกคนต่างยุ่งง่วนกับงานและไม่มีเวลาว่าง พอตอนกลางคืนถึงได้มีเวลาพักผ่อนดีๆ อย่างเต็มที่
นางเซี่ยเหนื่อยมาทั้งวัน กลางคืนจึงหลับสนิทบนเตียง
เมิ่งอู่เข็นเก้าอี้เข็นของอินเหิงออกไปที่ลานเรือนเงียบๆ
……….
[1] หมายถึง หึงหวง
[2] เหลี่ยง (两) หน่วยวัดน้ำหนักของจีน 1 เหลี่ยง ประมาณ 50 กรัม