สวี่ฮุ่ยกลับมาถึงตำบลเถาฮวาแล้วเพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่ใช่แค่ที่คาดผมสีแดงดอกกุหลาบที่อาจารย์ใหญ่โจวซื้อให้หายไปเท่านั้น แต่ยังมีถังพลาสติกใส่ตะพาบของเธอด้วยที่หายไปด้วย
สวี่ฮุ่ยไม่อยากโดนกู่ซิ่วด่าเพราะถังใบเดียว จึงซื้อถังใบใหม่กลับบ้าน
เพิ่งเข้าเขตบ้านพักก็มีป้า ๆ หลายคนถามว่าเมื่อคืนเธอหายไปไหนมา
เขตบ้านพักเล็กแค่นี้ ใครมีความเคลื่อนไหวอะไรนิดหน่อยคนย่อมรู้กันหมด
สวี่ฮุ่ยเล่าให้เพื่อนบ้างฟังถึงเื่ที่เธอไปขายของที่ตลาดค่าส่งต้าตงเหมินแล้วบังเอิญเจอโจรเข้า โชคดีที่ตำรวจมาช่วยไว้ทัน
พอให้ปากคำเสร็จก็ดึกมากแล้ว เธอเลยค้างคืนที่เมืองเอกหนึ่งคืน
แต่สวี่ฮุ่ยเล่าแค่ว่าโจร้าชิงทรัพย์ ไม่ได้เล่าเื่โจรจะล่วงเกินเธอ
บางเื่พูดไม่ได้ หากพูดไปพูดมาก็อาจจะผิดเพี้ยนได้
เพื่อนบ้านต่างโล่งใจที่สวี่ฮุ่ยโชคดีได้ตำรวจมาช่วยไว้ทัน
สวี่ฮุ่ยยิ้มแล้วกำลังจะเดินกลับบ้าน
ป้าคนหนึ่งบอกเธอว่าเมื่อวานเธอเพิ่งออกไป กู่ซิ่วก็กลับมา
สวี่ฮุ่ยถามอย่างสงสัย “แม่ไม่ได้ไปเฝ้าน้องที่โรงพยาบาลหรอกเหรอ ทำไมถึงกลับมาได้ล่ะ?”
ทุกครั้งที่สวี่เยว่นอนโรงพยาบาล นอกจากเธอที่ไม่ต้องไปเฝ้าแล้ว คนในครอบครัวทุกคนต้องไปเฝ้าข้างเตียงเธอ
เหมือนกับว่าถ้าไม่ไปเฝ้าข้างเตียงจะไม่ได้เจอหน้าเธอเป็ครั้งสุดท้ายยังไงยังงั้น
เพื่อนบ้านคนหนึ่งบอกกับสวี่ฮุ่ยว่า “เหมือนว่าครั้งนี้อาการป่วยของน้องสาวเธอจะร้ายแรงมาก ต้องนอนในห้องไอซียูตลอด ค่าใช้จ่ายก็เยอะพอสมควร แม่เธอกลับมาเอาสมุดบัญชีไปถอนเงินเพื่อเอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องสาวเธอนั่นแหละ”
สวี่ฮุ่ยร้อง “อ้อ” ในใจคิดว่า สวี่เยว่ต้องใกับข่าวพาดหัวบนหนังสือพิมพ์วันนั้นจนเข้าห้องไอซียูแน่ ๆ
ทำไมไม่ใจนตายไปเลยล่ะ!
พอกลับถึงบ้าน เธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ก็ยังใจหายไม่หาย
เธอถูกคนร้ายหมายตาถึงสองครั้งก็เพราะเื่เงิน
เพื่อป้องกันกู่ซิ่วกับสวี่เยว่ การที่เธอจะพกเงินติดตัวไว้ตลอดเวลาแบบนี้ก็ไม่ใช่เื่ดี
ยิ่งมีเงินมากขึ้นเท่าไหร่ พอเก็บไว้กับตัวไม่ว่าจะซ่อนยังไงมันก็ปูดออกมาจากกระเป๋าจนเห็นได้ชัดอยู่ดี
ขอแค่เป็โจรหรือนักล้วงมือไวที่มีประสบการณ์ย่อมดูออกว่าเธอมีเงินติดตัว
หากเงินไม่ตกไปอยู่ในมือกู่ซิ่วสองแม่ลูกนั่น แต่ดันตกไปอยู่ในมือโจรก็ซวยไม่ต่างกัน
ถ้าเอาเงินไปฝากธนาคารเก็บเป็สมุดบัญชีซ่อนไว้กับตัวก็คงไม่เกิดปัญหาทำนองนี้ และก็คงจะตกเป็เป้าของคนร้ายน้อยลงด้วย
ถ้าจะฝากเงินก็ต้องใช้ทะเบียนบ้าน
ถ้าขอกู่ซิ่วเอาทะเบียนบ้านไปฝากเงิน เธอต้องหาทางเอาเงินไปแน่ ๆ
ดวงตาของสวี่ฮุ่ยเปล่งประกาย แล้วทำไมต้องไปขอด้วยล่ะ?
ฉวยโอกาสตอนพวกเขาไม่อยู่บ้าน แอบขโมยทะเบียนบ้านมาแยกของตัวเองออกมาซะก็สิ้นเื่
ไม่ใช่แค่ฝากเงินสะดวกเท่านั้น ต่อไปก็จะไม่ต้องถูกขัดขวางเหนี่ยวรั้งอีก
คิดได้ดังนั้น สวี่ฮุ่ยก็ลงมือทันที เธอเดินไปที่ห้องของสวี่ต้าซานกับกู่ซิ่ว
โชคดีที่ครั้งนี้พวกเขารีบพาสวี่เยว่ไปโรงพยาบาลจนลืมล็อกประตูห้อง ไม่อย่างนั้นสวี่ฮุ่ยคงเข้าไปไม่ได้
พอเข้าไปในห้องแล้ว สวี่ฮุ่ยก็พบว่าตัวเองคิดง่ายเกินไป ตู้และหีบในห้องถูกล็อกทั้งหมด เธอไม่รู้ว่าทะเบียนบ้านอยู่ที่ไหน จึงต้องปลดกุญแจทุกดอก
ถึงสวี่ฮุ่ยจะไขกุญแจไม่ได้ แต่ก็งัดเป็ เพียงแค่ใช้ไขควงงัดกุญแจออกอย่างแรงเท่านั้น
โชคดีที่เธอทำงานบ้านมาั้แ่เด็ก จึงมีแรงมากพอสมควรที่จะทำอะไรแบบนั้น
สวี่ฮุ่ยทุ่มสุดแรงเกิด งัดกุญแจทีละอันทีละอัน
พองัดได้ดอกหนึ่ง เธอก็หาในหีบในตู้ หาไม่เจอ เธอก็เก็บของเข้าที่เดิม แล้วล็อกกุญแจใหม่ งัดกุญแจ ค้นหีบค้นตู้ใบต่อไป
มีเด็กในเขตบ้านพักมาขอให้เธอติวหนังสือ เธอจึงอ้างว่าเมื่อคืนนอนไม่เต็มอิ่ม วันนี้อยากนอนพักผ่อน ของดติวหนังสือและให้พวกเขากลับไป
สวี่ฮุ่ยทำแบบนั้นจนถึงห้าโมงเย็นกว่า ๆ ก็งัดกุญแจในห้องของกู่ซิ่วหมดทุกดอก ค้นทุกหีบทุกตู้อย่างละเอียดแล้ว แต่ก็ไม่เจอทะเบียนบ้าน
เห็นชัดว่ากู่ซิ่วเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เธอเอาทะเบียนบ้านไปซ่อน ต่อไปกู่ซิ่วต้องเอาทะเบียนบ้านมาเล่นงานเธอทำให้เธอใช้ชีวิตลำบากแน่ ๆ
เอาเถอะ ถ้าศัตรูมาค่อยใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาเราก็ใช้ดินต้าน[1] แล้วกัน
หาทะเบียนบ้านไม่เจอ งั้นก็เอาเงินไปฝากไว้กับอาจารย์ใหญ่โจวก่อนสักพักก่อนก็แล้วกัน
พอเปิดเทอมก็จะได้ย้ายทะเบียนบ้านไปที่เมืองเจียงเฉิง ถึงตอนนั้นก็จะมีทะเบียนบ้านเป็ของตัวเองแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้นค่อยไปเอาเงินที่ฝากไว้กับอาจารย์ใหญ่โจวกลับมาฝากใหม่อีกที
สวี่ฮุ่ยนั่งอยู่บนเตียงของสวี่ต้าซานและภรรยา มองจี้หยกมรกตเนื้อใสรูปหรูอี้[2] ที่อยู่ในมือ
เธอเจอจี้นี้ตอนหาทะเบียนบ้าน
จี้หยกถูกห่อด้วยผ้าแดงหลายชั้น แล้วเก็บซ่อนไว้อยู่ด้านในสุดของตู้ แสดงว่ากู่ซิ่วให้ความสำคัญกับมันมาก
สวี่ฮุ่ยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จี้หยกมรกตอันล้ำค่า มีความหมายดีขนาดนี้ ทำไมกู่ซิ่วถึงไม่ให้สวี่เยว่ใส่ล่ะ?
สวี่เยว่ชอบใส่เครื่องประดับอวดรวยจะตายไป แม้ว่าบ้านสกุลสวี่จะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่เคยขัดไม่ให้สวี่เยว่ทำตัวเป็เศรษฐีใหม่ที่โรงเรียน
กู่ซิ่วก็ตามใจสวี่เยว่ ถ้าสวี่เยว่อยากได้ดาวบนฟ้า กู่ซิ่วคงหาวิธีขึ้นไปเด็ดมาให้
ปีที่แล้ว ในวันเกิดครบรอบสิบแปดปี กู่ซิ่วซื้อสร้อยคอทองคำให้สวี่เยว่ เธอเองก็ใส่ทุกวัน จนตอนนี้ก็ยังใส่ติดคออยู่เลย
จี้สวยงามเลอค่าขนาดนี้ กู่ซิ่วกลับเก็บไว้ก้นหีบไม่ให้สวี่เยว่ใส่ ยิ่งคิดสวี่ฮุ่ยก็ยิ่งรู้สึกแปลก ๆ
เธอพลิกจี้หยกมรกตคว่ำลง หรือว่ามันจะเกี่ยวกับตัวอักษร “หลาน” ที่เขียนอย่างพลิ้วไหวอยู่ด้านหลัง?
ตัวอักษร “หลาน” นั้นหมายถึงชื่อคนหรือเปล่า?
งั้นก็หมายความว่าจี้หยกมรกตชิ้นนี้มีที่มาที่ไปน่าสงสัย กู่ซิ่วเลยไม่กล้าเอาออกมาให้เยว่เยว่ ลูกสาวสุดที่รักของเธอใส่?
ตกกลางคืน สวี่ฮุ่ยนอนอยู่บนเตียง เล่นที่คาดผมผีเสื้อที่ลู่ฉี่เสียนให้มาใต้แสงไฟจากนอกหน้าต่าง เธอคิดฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับ
วันรุ่งขึ้น หลังจากขายปลาไหลเสร็จ สวี่ฮุ่ยก็เอาเงินทั้งหมดของตัวเองออกมานับดูคร่าว ๆ รวมแล้วได้สองพันสองร้อยสามสิบกว่าหยวน
สวี่ฮุ่ยเก็บเศษ สามสิบกว่าหยวนไว้ใช้ ส่วนเงินที่เหลืออีกสองพันกว่าหยวน เธอห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าแล้วไปที่บ้านของอาจารย์ใหญ่โจว
ใกล้เที่ยงแล้ว หากไปบ้านอาจารย์โจวมือเปล่าคงจะเสียมารยาท
สวี่ฮุ่ยไปที่ตลาดสดของรัฐ ซื้อคูปองเนื้อราคาแพงจากพนักงานขาย จากนั้นซื้อหมูสามชั้นสองจิน
แล้วไปซื้อไก่ย่างที่ร้านไก่ย่างอีกตัว ซื้อแตงโมลูกใหญ่หนึ่งลูก แล้วจึงไปบ้านของอาจารย์ใหญ่โจว
ภรรยาของอาจารย์ใหญ่โจว ชื่อฉีฉางอิง เป็แม่บ้านธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
ไม่ได้ทำงาน ก็เลยใช้เวลาว่างไปกับการถางที่ดินรกร้างผืนใหญ่ที่อยู่ใกล้บ้าน ปลูกผักอะไรต่าง ๆ เพื่อหารายได้เสริม
สองสามีภรรยาพาหลานชายไปดูแลแปลงผัก แล้วเก็บผักกลับมาเตรียมทำอาหารกลางวันด้วยเลย
พอเห็นสวี่ฮุ่ยหอบของพะรุงพะรังมา อาจารย์ใหญ่โจวก็รีบส่งผักในมือให้ภรรยา เดินเข้าไปรับแตงโมลูกโตจากมือสวี่ฮุ่ย แล้วเอ็ดว่า “มาบ้านฉัน ยังซื้อของมาอีก!”
สวี่ฮุ่ยยิ้ม “ไม่ได้ซื้ออะไรมากหรอกค่ะ!”
อาจารย์ใหญ่โจวหันไปแนะนำภรรยา “นี่คือสวี่ฮุ่ย นักเรียนที่สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนเรา”
ฉีฉางอิงพูดด้วยสีหน้าใจดี “เด็กคนนี้หน้าตาน่ารักจริง ๆ!”
สวี่ฮุ่ยรีบทักทาย “สวัสดีค่ะ คุณป้าฉี”
เป้ยเป้ยวัยสามขวบเป็หลานชายของอาจารย์ใหญ่โจว เขาวิ่งเตาะแตะไปหาอาจารย์ใหญ่โจว แล้วใช้มือเล็ก ๆ นั้นตีแตงโม “โม ๆ หนูอยากหม่ำโม ๆ”
เสียงน่ารักอ้อแอ้ทำให้ทุกคนหัวเราะ อาจารย์ใหญ่โจวลูบหัวเป้ยเป้ย “อยากหม่ำ ๆ แล้วหนูได้ขอบคุณคุณอาหรือยัง?”
ในแถบชนบทนี้ นักเรียนก็เหมือนลูก ๆ ของคุณครู เพราะฉะนั้นอาจารย์ใหญ่โจวเลยให้หลานชายเรียกสวี่ฮุ่ยว่าคุณอา
เ้าตัวเล็กหลบข้างหลังอาจารย์ใหญ่โจวด้วยความเขินอาย แล้วพูดกับสวี่ฮุ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ “คุณอา หนูอยากกินโม ๆ”
สวี่ฮุ่ยยิ้มตอบรับ
[1] ศัตรูมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาเราก็ใช้ดินต้าน หมายถึง ไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้
[2] หยกรูปหรูอี้ หรือ เห็ดหลินจือ เสริมสิริมงคมและสมปรารถนา