:: หุบเขาไร้เงา ::
เสียงเหล็กกล้าดังสะท้อนไปทั่วหุบเขาเขียวขจี เมื่อมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังประลองกระบี่กันอย่างเอาจริงเอาจัง
"เ้าแพ้แล้ว"
ปลายกระบี่อ่อนแหลมคมจ่อไปที่ลูกกระเดือกบุรุษสูงแปดฉื่อ คู่ท้าประลองเ้าของกระบี่บุปผากล่าวอย่างราบเรียบไม่มีแววยินดีกับการชนะครั้งนี้ของตน
"วันหลังอย่าได้ออมมืออีก"
สตรีสวมอาภรณ์สีแดงโดดเด่นกล่าวพร้อมปรายหางตาเฉี่ยวคมมองคู่ต่อสู้เมื่อครู่อย่างไร้ความรู้สึก
"โธ่...เสี่ยวฮวา เ้าก็อย่าจริงจังนักเลย เราแค่ซ้อมกระบี่กันเองนะ"
บุรุษที่เพิ่งพ่ายแพ้ให้กับสตรีนางนี้กล่าวด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
"เสียนต้วนอี้ ท่านเป็ถึงศิษย์เอกของหุบเขาไร้เงาสมควรพูดคำนั้นหรือ"
แม่นางฮวาผู้นี้ดูภายนอกเป็คนจริงจังเสียทุกอย่าง แต่แววตานางกลับไร้อารมณ์ความรู้สึกจนยากจะเข้าใจได้ว่าตอนนี้นางกำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่
"ได้ ๆ ข้าจะไม่พูดเล่นอีกแล้ว เราไปหาท่านประมุขกัน"
เสียนต้วนอี้ที่เพิ่งถูกตำหนิรีบเดินนำหน้าสตรีชุดแดงไปยังเรือนรับรองที่อยู่กลางเขาสูงตระหง่านลูกนี้ทันที
"ท่านประมุข"
เสียงบุรุษและสตรีคู่เดิมดังขึ้น
ตรงหน้าพวกเขาคือแท่นประทับสำหรับประมุขแห่งหุบเขาไร้เงานามว่า 'กู่เหนียง'
ร่างสูงระหงแม้จะอายุสี่สิบกว่าแล้วแต่ยังดูเยาว์วัยผิวพรรณเต่งตึงยิ่งนัก
"พวกเ้ามาก็ดี ข้ามีงานใหม่ให้ทำ"
จดหมายฉบับหนึ่งมีตราประทับอักษรกู่ปิดผนึกอีกชั้นถูกยื่นให้เสียนต้วนอี้ศิษย์เอก
"ครั้งนี้เป็สาส์นจากปรโลกของผู้ใดกัน"
เสียงกล่าวกึ่งขบขันดังขึ้น
'สาส์นจากปรโลก' คือจดหมายลับในการสั่งฆ่าคนด้วยการเขียนชื่อเป้าหมายและเหตุผลการจ้างวานฆ่าในแต่ละครั้ง
เสียนต้วนอี้รีบคลี่จดหมายฉบับนั้นออกเพื่ออ่านเนื้อความด้านใน
"รับสินบน ปล้นคนจน ผู้นำจวนสกุลซุย"
หลังจากเสียนต้วนอี้อ่านจบก็ยื่นจดหมายฉบับนี้ให้สตรีที่อยู่ข้าง ๆ ดู
"ฮวาเอ๋อร์ เ้าจะรับงานนี้หรือไม่"
ประมุขกู่เหนียงถามสตรีที่นางฝึกเองกับมือด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หุบเขาไร้เงา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หุบเขานักฆ่า สถานที่แห่งนี้คนนอกที่จะเข้ามาได้ต้องเป็คนที่ไร้ลมหายใจแล้วเท่านั้น
ประมุขกู่เหนียงเคยมีความแค้นกับคนชั่วกลุ่มหนึ่งและไม่ได้รับความเป็ธรรมจึงหันมาตั้งศาลเตี้ยแทน
เปิดรับคนที่มีวรยุทธ์เข้ามาเป็นักฆ่าใต้ปกครองของนาง จนทุกวันนี้หุบเขาไร้เงามีนักฆ่าที่ร่วมเป็ร่วมตายกับประมุขกู่เหนียงกว่าร้อยชีวิต
พวกเขาเปิดรับคำว่าจ้างจากคนที่อยากแก้แค้น กฎง่าย ๆ ในการจ้างวานคือ...
ระดับเขียวกำจัดคนธรรมดาหรือขุนนางชั้นล่างสุด อันตรายน้อยผลสำเร็จสูง จ่ายร้อยตำลึงเงิน
ระดับเหลืองกำจัดขุนนางชั้นกลาง งานค่อนข้างยากมีอันตรายแต่มีโอกาสสำเร็จเกินครึ่ง จ่ายห้าร้อยตำลึงทองต่อหนึ่งหัว
และระดับสุดท้าย ระดับแดง งานอันตรายความเสี่ยงสูง ผลสำเร็จไม่อาจคาดเดา ส่วนมากจะเป็การว่าจ้างให้ลอบสังหารขุนนางในรั้วในวังหรือระดับแม่ทัพใหญ่ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังให้เกียรติ ค่าว่าจ้างค่อนข้างสูงมากกว่าห้าพันตำลึงเห็นจะได้ ั้แ่ประมุขกู่เหนียงก่อตั้งหุบเขานักฆ่ามาเกือบยี่สิบปี มีผู้ว่าจ้างระดับแดงมาเพียงสองคนเท่านั้น
ส่วนการเปิดรับจดหมายจ้างวานก็ง่าย ๆ เพียงแค่ติดต่อคนของหุบเขานักฆ่าในตลาดมืด ส่งจดหมายพร้อมตั๋วเงินแนบมาในชื่อว่า 'สาส์นจากปรโลก' คนของหุบเขาไร้เงาที่อยู่ด้านนอกก็จะส่งมาที่หุบเขาเพื่อพิจารณาหาคนที่เหมาะสมทำงานนั้น ๆ
"ท่านประมุขก็รู้กฎของข้าดี"
"สืบสาวความจริงกระจ่างก่อนค่อยลงมือ"
เสียนต้วนอี้กล่าวตัดหน้าสตรีข้างกายอย่างรู้ใจ
"ที่ข้าถามเพราะจวนสกุลซุยเป็ขุนนางที่ปรึกษาของศาลเทียนอวี่"
เพียงได้ยินคำว่า 'ศาลเทียนอวี่' สตรีชุดแดงนางนี้ถึงกับกำหมัดแน่น ร่างเกร็งดวงตาแข็งกร้าวอย่างมิอาจปกปิดสายตาผู้อื่นได้ว่าตอนนี้นางมีความรู้สึกเช่นไร
หวาดกลัวหรือ? ก็คงแค่ครึ่งส่วน
เคียดแค้นนี่สิถึงจะเรียกได้ว่าออกมาจากแววตาของนางทั้งหมด
"งานนี้ข้าไปด้วย"
"ไม่จำเป็"
"แต่เ้ารับมือคนเลวพวกนั้นไม่ไหวแน่"
"เ้ากำลังหยามข้า?"
"ไม่ใช่เช่นนั้น"
เสียนต้วนอี้ไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้นางในดวงใจคิดไปแง่นั้น เขาแค่เป็ห่วง
จนลืมตัวปากไวไม่ตริตรองให้ดี
"งานนี้ข้าขอพิจารณาอีกที"
คำว่า 'ขอพิจารณา' ที่ออกจากปากหญิงสาวนั่นหมายความว่า นางยื่นมือรับงานแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งนางต้องทำตามกฎที่ตนเองตั้งขึ้น สืบสาวให้กระจ่างว่าผู้ที่อยู่ในรายชื่อสั่งฆ่านั้นทำผิดจริงหรือไม่ ต่อให้งานนี้รายชื่อคนผู้นั้นอยู่ในเ้าพนักงานของศาลเทียนอวี่นางก็ต้องสืบให้กระจ่างก่อนเพราะมิอยากทำผิดปลิดชีพผู้บริสุทธิ์เฉกเช่นคนชั่วพวกนั้น!
"ลงเขาครั้งนี้ระวังตัวด้วย ข้าได้ข่าวว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังตามสืบเื่นักฆ่าดอกเบญจมาศอยู่"
น้ำเสียงของประมุขกู่เหนียงมีแต่ความห่วงใยสตรีตรงหน้า
"ข้าทราบแล้ว จวี๋ฮวาขอตัว"
เมื่อกล่าวลาเสร็จสตรีอาภรณ์แดงก็เร่งกลับมาที่พักตนเพื่อเตรียมตัวลงเขาทันที
ครั้นเข้ามาที่พักเรียบร้อย สิ่งแรกที่นางทำคือนั่งบนตั่งมองตนเองผ่านเงาสะท้อนของกระจกทองเหลืองตรงหน้า
สิ่งแรกที่สะท้อนในแววตาของนางคือสายฝนห่าใหญ่ที่กระหน่ำเทลงมาโชลมพื้นดินที่ย้อมไปด้วยสีแดงฉาน กลิ่นคาวคลุ้งของเืในวันนั้นยังติดอยู่ที่ปลายจมูกรั้นของเยว่อันหนิงทุกครั้งที่นึกถึง
ในหูทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวและความเ็ปของผู้เคราะห์ร้ายราวกับเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้น
มือบางจิกกำเข้าหากันแน่นเมื่อความเคียดแค้นเริ่มเกาะกินหัวใจนางอีกครั้ง
"ศาลเทียนอวี่"
ริมฝีปากหยักได้รูปขยับเอ่ยชื่อสถานที่ที่นางจดจำมิเคยลืมแม้วันเวลาผ่านมาแล้วถึงเก้าปี
หากวันนั้นนางมิได้ประมุขกู่เหนียงที่บังเอิญลงเขาแล้วผ่านไปเส้นทางนั้นช่วยไว้ ป่านนี้ชีวิตที่เหลือริบหรี่ของนางคงได้ตามบิดาและพี่ ๆ ทั้งสี่ไปแล้ว
"หนิงหนิง ข้าเข้าไปได้หรือไม่"
เสียงเล็กแหลมของยี่ซูสหายหญิงเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถพูดคุยกับเยว่อันหนิงได้สนิทใจดังขึ้น
"เข้ามา"
นักฆ่าสาวที่ตอนนี้ทั้งแข็งแกร่ง ทั้งเด็ดเดี่ยว แต่กลับไร้แววของความสุขในชีวิตรีบสลัดสีหน้าเศร้าสลดให้กลับมาเรียบนิ่งเช่นปกติก่อนจะผินสายตามองสหายในชุดทะมัดทะแมงราวชายชาตรีสีดำเดินเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมนี้
"ข้าได้ข่าวว่าเ้ารับงานใหม่มา"
สมแล้วที่เป็หน่วยข่าวเร็วของหุบเขาไร้เงาแห่งนี้
ยี่ซูอายุห่างจากเยว่อันหนิงราว ๆ เจ็ดปีได้ หากแต่ใบหน้านางอ่อนเยาว์ราวดรุณีวัยไม่ถึงสิบสี่เพราะในร่างกายยี่ซูมีพิษหนอนไหมแดงที่ช่วยชะลอการเติบโตของผิวพรรณเอาไว้ในวัยที่ถูกพิษ หากแต่อวัยวะส่วนอื่นยังคงเติบโตตามปกติ
พิษที่ยี่ซูได้รับเป็ผลงานชิ้นเอกของนางที่คิดค้นร่วมกับผู้เฒ่าฝูหนาน เ้าแห่งพิษของหุบเขาไร้เงาแห่งนี้
"ยังก้ำกึ่ง"
เพราะนางต้องทำตามขั้นตอน มิสามารถยอมรับเต็มปากว่ารับสาส์นจากปรโลกฉบับนั้นแล้ว
ยี่ซูหยักหน้าให้สหายสนิทที่นิสัยตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว ก่อนจะเดินไปยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเยว่อันหนิงที่เปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่เป็จวี๋ฮวา
ทว่าเวลาที่ยี่ซู เสียนต้วนอี้ รวมถึงประมุขกู่เหนียงอยู่กับนางตามลำพังจะยังเรียกขานนางด้วยชื่อแซ่เดิมอยู่
"เมื่อวานข้าไปที่เมืองเทียนติ่งมา"
สหายรักเริ่มบทสนทนาพร้อมมือบางก้มลงหยิบหวีเล่มเล็กขึ้นมาสางผมให้เยว่อันหนิง
"ในเมืองตอนนี้มีข่าวลือว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังตามสืบเื่นักฆ่าบุปผาเบญจมาศ"
เป็ข่าวเดียวกับที่ประมุขกู่เหนียงเพิ่งแจ้งนางเมื่อครู่
"เ้ามาเพื่อเตือนข้า"