ลู่เป๋าเหยายกหินทุบเท้าตนเองเสียแล้ว ตอนนี้นางตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าก็ไม่ใช่ คายไม่ออกก็ไม่เชิง นางโมโหจนกัดฟัน “ชุ่ยเหลียนคือสาวใช้ข้างกายข้า!”
ไป๋เซี่ยเหอยังคงยิ้มบาง ทว่ารอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา “ถูกต้อง ฝูเอ๋อร์ก็เป็สาวใช้ของข้าเหมือนกัน”
“ดังนั้น เ้าจึงออกหน้าแทนสาวใช้ของเ้าอย่างนั้นหรือ?” ลู่เป๋าเหยาเชิดศีรษะขึ้นสูงด้วยความหยิ่งผยอง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “เ้าคิดจะต่อต้านข้าหรือ?”
“ชัดเจนเช่นนี้ยังต้องถามอีกหรือ? เป็เพราะอี๋เหนียงแก่ชราแล้ว สมองจึงใช้การได้ไม่ค่อยดีนักใช่หรือไม่?”
เดิมทีนางไม่้าแตกหักกับจวนสกุลไป๋เร็วปานนี้หรอก ทว่าคนเหล่านี้ กลับทำตัวมีตาหามีแววไม่ทุกคราไป หากไม่ออกโรงปกป้องตัวเองเสียบ้าง ความลับของนางคงถูกเปิดโปงไม่ช้าก็เร็วเป็แน่!
ถูกกระทำมิสู้เป็ผู้กระทำ!
“ไป๋เซี่ยเหอ!”
ใบหน้าของลู่เป๋าเหยามืดมน ส่วนแววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ลู่เป๋าเหยา!”
แววตาเย็นเยียบและลึกล้ำราวกับูเาน้ำแข็งของไป๋เซี่ยเหอไม่ได้ลดความแข็งกร้าวลง ทว่ากลับเพิ่มขึ้นแทน
“อย่าได้ลืมเชียวว่าท่านเป็เพียงอี๋เหนียง ก็แค่เมียน้อยคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้สูงส่งไปกว่าสาวใช้สักเท่าไร ยังไม่ถึงคราวให้ท่านเรียกขานนามบุตรีคนโตของภรรยาเอกแห่งจวนสกุลไป๋หรอก!”
ไป๋เสียนอันล้วนทำเพื่อชื่อเสียงของตนเอง แม้ว่าเจียงเยว่เสียนจะสลบไสลอยู่บนเตียง ทว่าเขาไม่เคยมีความคิดที่จะลดขั้นให้เจียงเยว่เสียนเป็ภรรยารอง
ต้องทราบว่าเมื่อปีนั้นชื่อเสียงของเจียงเยว่เสียนไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาผู้เป็แม่ทัพใหญ่เลย อันที่จริงถึงขั้นเหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ มิฉะนั้นเขาคงไม่ยืนกรานที่จะแต่งสตรีที่เขาไม่ได้รู้จักดีอย่างนางเป็ฮูหยินโดยไม่สนใจสิ่งใดั้แ่แรกหรอก!
เพียงแต่หลายปีมานี้ ลู่เป๋าเหยาดูแลเื่ราวน้อยใหญ่ภายในจวน แม้ว่าจะเป็อี๋เหนียง ทว่าคนในจวนปฏิบัติต่อนางราวกับนางเป็ฮูหยิน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครกล้าเปรียบเทียบนางกับสาวใช้มาก่อน
ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่เคยลืมว่ากำพืดของตนเองคือสาวใช้ของเจียงเยว่เสียน!
เดิมทีนางเป็บุตรีของพ่อค้าผู้มั่งคั่ง เติบโตมากับอาหารเลิศรสและอาภรณ์สวยหรูมาั้แ่เล็ก ทว่าครอบครัวถูกเข่นฆ่าเพราะความอาฆาตแค้น ทำให้นางกลายเป็เด็กกำพร้า ต้องขอทานเลี้ยงชีพ
ใครจะรู้ว่ายังต้องมาติดโรคฝีดาษโดยไม่ทันระวัง ยามที่นางคิดว่าตนเองกำลังจะตาย เจียงเยว่เสียนก็ปรากฏตัวพร้อมกับทักษะด้านการแพทย์ที่สูงล้ำ ช่วยฉุดลู่เป๋าเหยากลับมาจากประตูผี ทำให้นางยอมติดตามอยู่ข้างกายของอีกฝ่าย
แรกเริ่มก็เป็ความซาบซึ้งใจ ก่อนจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็ความอิจฉาริษยา เห็นๆ อยู่ว่ารูปลักษณ์ของนางก็ไม่ได้ด้อย แล้วอาศัยอะไรเจียงเยว่เสียนถึงได้เป็พระโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิตซึ่งมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ทว่านางกลับเป็เพียงสาวใช้เท่านั้น
เจียงเยว่เสียนอาศัยอะไรถึงได้ถูกแม่ทัพไป๋ชมชอบจนพากลับจวน ทว่านางทำได้เพียงหาชายหนุ่มมาสมรสด้วยอย่างส่งๆ ในวันหน้าเท่านั้น
นางไม่ยินยอม!
เห็นได้ชัดว่ารูปโฉมของนางก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน นางแตกต่างจากเจียงเยว่เสียนตรงที่เมื่ออีกฝ่ายแต่งไปแล้ว ก็ยังต้องปรากฏตัวในวงสังคม ส่วนนางสามารถสละความเป็อยู่ของตัวเองเพื่อสามีได้ ทั้งยังสามารถปรนนิบัติสามีได้อย่างเหมาะสม นางจึงมีคุณสมบัติที่จะเป็ฮูหยินของจวนสกุลไป๋มากกว่าเจียงเยว่เสียน
ดังนั้น นางจึงวางแผนโดยไม่สนใจสิ่งใด นางบอกความลับยิ่งใหญ่ที่ได้ล่วงรู้มาโดยไม่ได้ตั้งใจแก่ไป๋เสียนอัน
และนางก็สมปรารถนาในคืนนั้นเอง
นางคิดว่านางจะสามารถโบยบินขึ้นสู่กิ่งไม้ได้ ทว่าใครจะรู้ว่าหลายปีผ่านไป นางจะยังเป็อี๋เหนียงเหมือนเดิม สถานะของนางไม่ได้สูงส่งไปกว่าบ่าวไพร่เลย
“นางแพศยา เ้ากล้าดูิ่อี๋เหนียงได้อย่างไร? เ้าคู่ควรเป็เ้านายด้วยหรือ? เ้าไม่คู่ควรแม้กระทั่งเทกระโถนให้อี๋เหนียงด้วยซ้ำ!” ชุ่ยเหลียนกระอักเืออกมา จากนั้นนางก็พุ่งออกไปหมายจะทวงคืนศักดิ์ศรีให้ลู่เป๋าเหยา
ทว่านางพลาดเสียแล้ว
ไป๋เซี่ยเหอที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ไป๋เซี่ยเหอที่ผู้ใดจะฆ่าจะแกงก็ได้อย่างในอดีต ทว่าเป็จิ้งจอกขาวและเป็ทหารรับจ้างที่มาจากยุคปัจจุบันต่างหาก!
นิ้วมือที่ชุ่ยเหลียนใช้ชี้มายังใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอนั้นส่งเสียงดัง ‘กร๊อบ’ ก่อนจะตามด้วยเสียงกรีดร้องแทบขาดใจ
นิ้วมือของชุ่ยเหลียนถูกหักเสียแล้ว สำหรับไป๋เซี่ยเหอในอดีต การรบราฆ่าฟันเป็เื่ธรรมดาอย่างยิ่งราวกับการกินอาหารสามมื้อต่อวัน นางรู้ว่าเสียงกร๊อบที่ดังขึ้นเป็เครื่องยืนยันว่านิ้วมือนี้ใช้การไม่ได้เสียแล้ว
เพราะกระดูกด้านในได้แตกเป็ผุยผง
เสียงกรีดร้องยังคงดังต่อไปราวกับเสียงร้องของมารที่ดังเข้ามาในหู ฝูเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ด้านข้างหดคอด้วยความหวาดกลัว นางก้มหน้ามองมือของตนเองที่ได้รับาเ็เพียงภายนอก แต่เมื่อมองชุ่ยเหลียนอีกครา ในใจก็ทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัว
“ใครก็ได้มานี่หน่อย”
ลู่เป๋าเหยากำมือทั้งสองข้างแน่น นางโกรธจนตัวสั่น ปากเบี้ยว “ลากฝูเอ๋อร์ออกไปแล้วสับนางเป็ชิ้นๆ เสีย จากนั้นจับไป๋เซี่ยเหอนางเด็กแพศยาคนนี้ไปขังไว้ในโรงเก็บฟืนก่อนจะตีให้หนัก เหลือไว้เพียงลมหายใจเฮือกหนึ่งเท่านั้น!”
ในจวนแห่งนี้ไม่ว่าใครล้วนไม่อาจท้าทายอำนาจของนางได้ ใครกล้าไม่ไว้หน้านาง นางก็จะกำจัดคนผู้นั้นเสีย ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งนั้น!
“ข้าจะดูว่าใครกล้า!”
ไป๋เซี่ยเหอกำปิ่นปักผมไว้ในมือ ปิ่นปักผมอันแหลมคมแทงเข้าไปที่ข้อมือของผู้ที่เข้ามาจับนางอย่างโเี้ เืสดพุ่งกระฉูด สีหน้าของนางเ็า ราวกับมือสังหารที่ไร้ความปรานีอย่างไรอย่างนั้น
“อ๊าก”
สาวใช้ที่ใจเสาะบางส่วนกรีดร้องออกมาทันที
คุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปจนกลายเป็คนที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
“ที่นี่กำลังเอะอะอะไรกัน!”
เ้าของเสียงสวมชุดกระโปรงยาวผ้าดิ้นเงินดิ้นทองลายดอกไม้สีม่วงอมแดง ทั้งสรรพางค์กายเปล่งแสงสีทองระยับ ที่คอเต็มไปด้วยไข่มุกและมรกตจนทำให้คอดูสั้นลงเล็กน้อย
เมื่อไป๋เหล่าฮูหยิน[1]เห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้น สีหน้าของนางก็ดูเอือมระอาอย่างยิ่ง นางมองหน้าไป๋เซี่ยเหอด้วยความสับสน จากนั้นความไม่สบอารมณ์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
หลังจากเจียงเยว่เสียนแต่งงาน ก็ยังออกหน้ารักษาผู้คนอยู่เช่นเดิม นั่นทำให้ไป๋เหล่าฮูหยินไม่พอใจอย่างยิ่ง สตรีที่ไม่มีจริยธรรมเช่นนั้นจะคู่ควรเป็ฮูหยินแม่ทัพได้อย่างไร?
ส่วนบุตรสาวของเจียงเยว่เสียนอายุยังน้อย ทว่าใบหน้าเล็กที่ดูมีเสน่ห์แช่มช้อยนั้นกลับทำให้นางคลื่นไส้ “ไป๋เซี่ยเหอ เ้ามีฐานะเป็บุตรสาวคนโตของภรรยาเอกแห่งจวนสกุลไป๋ แต่กลับโหวกเหวกโวยวายเช่นนี้ เ้ารู้จักกฎระเบียบบ้างหรือไม่?”
ในจวนก็เป็เช่นนี้มาตลอด ไม่ว่าจะเกิดเื่อะไรขึ้น ขอเพียงไป๋เซี่ยเหอมีส่วนร่วมด้วย ทุกคนก็เลือกที่จะทำเป็มองไม่เห็นผู้อื่น และหันมากล่าวโทษแต่ไป๋เซี่ยเหอเพียงผู้เดียวเท่านั้น
“เหล่าฮูหยิน ไม่ใช่นะเ้าคะ เป็อี๋เหนียงที่...”
ฝูเอ๋อร์แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ส่วนคุณหนูใหญ่ของนางดันยืนนิ่งไม่ไหวติง ช่างทำให้นางร้อนใจแทบตายแล้วจริงๆ
ฝูเอ๋อร์ยังไม่ทันพูดจบ ไป๋เหล่าฮูหยินก็หันมาถลึงตาใส่อย่างโเี้ “เ้านายคุยกันมีที่ให้เ้าสอดปากด้วยหรือ? เ้านายของเ้าคงไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน เ้าเองก็เหมือนกัน!”
ไป๋เซี่ยเหอเอ่ยขึ้นด้วยความเหยียดหยามเล็กน้อย “เหล่าฮูหยินกล่าวหนักไปแล้ว อันที่จริงต้องกล่าวว่าผู้าุโประพฤติมิชอบ ผู้น้อยจึงเลียนแบบเท่านั้นเอง”
นางเรียกอีกฝ่ายว่าเหล่าฮูหยิน ส่วนคำว่าย่าน่ะหรือ? เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ทำตัวไม่สมกับเป็ผู้ใหญ่เช่นนี้ย่อมไม่คู่ควรเอาเสียเลย!
“ไป๋เซี่ยเหอ ในสายตาของเ้ายังมีกฎเกณฑ์บ้างหรือไม่? นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้กับผู้าุโอย่างข้า” ไป๋เหล่าฮูหยินปรารถนาที่จะพุ่งเข้าไปฉีกปากของนางแพศยาคนนี้จริงๆ
“ผู้าุโหรือ?”
น้ำเสียงของไป๋เซี่ยเหอเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม แม้แต่มุมปากก็ยังยกขึ้นเล็กน้อย “มีผู้าุโจวนไหนบ้างที่ด่าหลานสาวแท้ๆ ของตนเองโดยไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี? ท่านเรียกตนเองว่าผู้าุโต่อหน้าข้า ท่านคู่ควรด้วยหรือ?”
“เหิมเกริม ช่างเหิมเกริมเสียจริง!”
“ถูกต้อง! เหิมเกริม” ไป๋เซี่ยเหอสะบัดแขนเสื้อด้วยสีหน้ามืดมน นางปรายตามองทุกคนในบริเวณนั้น ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “แม้แต่ฮองเฮาก็ยังไม่อยู่ในสายตาของพวกเ้า ตามความเห็นของข้า สกุลไป๋ช่างเหิมเกริมจริงๆ”
นางยิ้มอย่างกำเริบเสิบสานและเปี่ยมเสน่ห์ ทว่าหัวตาและหางคิ้วกลับเต็มไปด้วยความเย็นเยียบจนเกือบจะกลายเป็น้ำแข็ง “ดูแล้วในสายตาของพวกท่าน จวนสกุลไป๋ยังสูงส่งยิ่งกว่าฮองเฮาเสียด้วยซ้ำ จวนสกุลไป๋ของพวกท่านสามารถปิดแผ่นฟ้าด้วยมือเดียวแล้ว!”
เมื่อถ้อยคำนี้ถูกเอ่ยออกมา ก็ทำให้ไป๋เหล่าฮูหยินใอย่างรุนแรง ก่อนจะหดคออย่างอดไม่ไหว
นางแบกรับคำกล่าวที่รุนแรงเช่นนี้ไม่ไหวแน่
“เ้า เ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร!” ไป๋เหล่าฮูหยินใจนพูดติดอ่าง “มีคนไม่เห็นฮองเฮาอยู่ในสายตาั้แ่เมื่อใด?”
------------------------
[1] เหล่าฮูหยิน หมายถึง หญิงาุโในบ้าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้