บทที่ 14
ผ่านเวลามาได้หนึ่งอาทิตย์ที่ร่างเล็กเอาแต่วุ่นกับการเตรียมนิทรรศการที่ไร่ศิวาลัย ซุ้มแต่ละซุ้มถูกจัดไว้อย่างสวยงาม รวมไปถึงการเอาสินค้าในชุมชนมาวางขายด้วย พี่อาทิตย์ก็ได้แต่โทรมาถามว่าอยากให้ช่วยอะไรรึเปล่าแต่เขาก็ยืนยันว่างานนี้เขาขอจัดการเอง
ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ส่วนพวกชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือดีด้วย เขายังมีเวลาเหลือสองวันนั่งเย็บกระเป๋าผ้าได้อีก จนถึงวันนี้ก็เป็วันจริงแล้ว ปกติแล้วไร่ศิวาลัยก็เป็ที่รู้จักแต่คนเริ่มหลงลืมไปบ้างแล้ว
อีกอย่างไร่ก็มีพื้นที่กว้างมากพอสำหรับกับการจัดคอนเสิร์ตด้วยก็เลยถือโอกาสเบิกงบจากพี่อาทิตย์มานิดหน่อย นอกนั้นก็มาจากที่ลูกค้าจองที่พักของไร่ทั้งนั้น ใครๆที่มาดูคอนเสิร์ตก็คงอยากมาพักที่นี่ จะได้ไม่ไปไหนไกลด้วย พี่อาทิตย์ก็ไม่ได้ห้ามนี่หน่า จ้างแค่วงที่เป็ไวรัลมาร้องก็ช่วยได้แล้วล่ะ
อีกอย่างการใช้โซเชียลก็ทำให้กระแสมันไวอยู่แล้ว
“คุณเดือนอ้ายคะ! คนมาเยอะมากเลยค่ะ!”
“จริงหรอ!”ร่างเล็กรีบเดินออกมาจากคอกวัวด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาพร้อมกับรถยนต์หลายคัน
“เตรียมตัวให้พร้อมเลยนะ แล้วที่ลานเขาเตรียมเครื่องเสียงเสร็จรึยัง?”
“ป้าก็ไม่ค่อยรู้เื่เลยค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวอ้ายไปดูเองครับ ฝากป้าแมวเฝ้าซุ้มด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
เดือนอ้ายรีบเดินลัดจากสวนดอกไม้ไปลานหญ้ากว้างทันที มองไปเห็นว่าอีกฝั่งกำลังเตรียมเครื่องเสียงอยู่ สวนเวทีก็จัดไว้ั้แ่เมื่อวานแล้ว ร่างเล็กรีบเดินเข้าไปถามทันที
“โอเคไหมครับพี่?”
“โอเคครับน้อง โชคดีวันนี้อากาศเย็นนะ”
“นั่นสิครับ ตอนแรกนึกว่าจะร้อนแล้ว เดี๋ยวผมเอาน้ำมาให้นะครับ” จากนั้นร่างเล็กก็ให้คนยกถังน้ำแข็งแดงมาตั้งไว้ ข้างในก็มีน้ำเปล่าฟรีไว้ให้อยู่
เดือนอ้ายเดินเช็คไปทั่วงาน ทุกอย่างดูดี จนในใจก็อดดีใจไม่ได้ที่ตัวเขาเองได้ทำอะไรแบบนี้สักที เขาขอบคุณคนงานเสมอที่ให้ความร่วมมือให้งานออกมาดีแบบนี้ ถ้าคนในไร่ไม่ช่วยกัน ผลงานก็คงไม่ออกมาดีแบบนี้
ร่างเล็กเดินกลับไปหาซุ้มกระเป๋าผ้าของตัวเองก็เห็นว่ามีคนกำลังรุมเต็มเลย แต่ละลายเขาเป็คนออกแบบเองเพราะเดือนอ้ายเป็คนชอบอะไรแบบนี้มาั้แ่เด็กแล้ว เื่ศิลปะ ไม่ว่าจะอะไรก็ตามเขาก็ชอบไปหมดเลย
“อันนี้เท่าไหร่คะ?”
“ทุกใบห้าสิบบาทหมดเลยครับ”
“ลายน่ารักมากเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“เอาอันนี้ใบหนึ่งค่ะ”ร่างเล็กรีบหยิบกระเป๋าใส่ถุงยื่นให้อีกคนทันทีก่อนจะน้อมรับเงินอีกคนมา
เหลือบตาไปมองป้าแมวก็รับลูกค้าเยอะไม่แพ้กัน แต่ละซุ้มล้วนมีแต่คนทั้งนั้น
่เวลาดำเนินจนไปได้ถึงพักเที่ยง อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเวลาที่คอนเสิร์ตจะเริ่มแล้วด้วย เขาจึงไล่เดินบอกให้คนงานไปพักกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงานที่ซุ้ม ส่วนตัวเองก็มานั่งกินข้าวที่ซุ้มตัวเอง ป้าแมวดันขอตัวไปกินกับลูกสาวที่มางานด้วย
คุณแม่ก็กลับไปกรุงเทพพร้อมพี่อาทิตย์ั้แ่สัปดาห์ก่อนแล้ว ยอมรับว่าเหงาไม่น้อยเลย ร่างเล็กมัวแต่นั่งกินข้าวจนไม่ได้สังเกตว่ามีเงามายืนอยู่หน้าร้าน
“ใบนี้เท่าไหร่ครับ?”
“อ้ะ! ขอโท- เควิน!? นาวิน!?”
“ดีจ้า/ไง”ร่างเล็กะโเข้าไปโผกอดเพื่อนแฝดสองคนทันทีที่เห็น สองแฝดรับกอดเอาไว้ก่อนจะลูบหัวเพื่อนตัวเล็ก
“มาทำไมไม่บอกเล่า!”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์ดิ!”
“นาวินไม่ต้องเลยนะ กูโกรธนะเนี่ย!”พูดเสร็จร่างเล็กก็แกล้งกอดอกทำแก้มป่อง
“โอ๋ๆไม่โกรธเก๊านะเตง”
“เตงหน้ามึงสิ”เควินพูดพร้อมกับทำหน้าเบะปาก “อ้าวอีเวรนี่”
“พอๆ แฝดกันแล้วยังจะตีกันอีกนะ”เขาหัวเราะให้กับสองแฝดคู่นี้ นิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนจริงๆ
“งานครั้งนี้มึงจัดสวยสัส ยิ่งกว่าฝึกงานแล้วนะเว้ย”นาวินพูดจบก็ทำท่าโอเวอร์จนเขาหลุดหัวเราะ
“เอาจริงกูนึกว่ามึงเป็เ้าของไร่อ่ะ”เควินก็ยังจะแซวอีกนะ
“กูไม่ได้เป็เ้าของไร่ แต่เป็แฟนเ้าของไร่จ้า”
“โทษนะ ไร่มึงทำสวนขิงหรอ”พูดจบนาวินก็โดนเขกหัวไปหนึ่งทีจากฝีมือแฝดน้องมัน “ก็เห็นอยู่ว่ามันมีทุกอย่าง”
“ฮ่าๆ ไปแกล้งมันทำไมเล่าเควิน”
“กูแค่แซวอ้ายเฉยๆ! เขกจนกูโง่หมดละเนี่ย”
“ให้กูเขกอีกไหมล่ะ”
“ไม่ต้องจ่ะ พอก่อน กูขอร้องนะ”
“ไม่ต้องตีกันแล้ว พอๆ แล้วพวกมึงกินข้าวกันมายัง”
“กูกับเควินกินมาแล้ว จะมาชวนมึงไปจองที่ดูคอนเนี่ย”พอเห็นสีหน้าตื่นเต้นของนาวินแล้วเดือนอ้ายก็อดขำไม่ได้ ร่างเล็กยกแขนกอดคอเพื่อนสองคนไปที่ลานสนามหญ้าทันที
“ไปๆ เดี๋ยวไม่ไปก็งอแงอีก”
เวทีถูกจัดขึ้นกลางลานสนามหญ้าที่ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนยืนอยู่ บางคนก็ไม่สะดวกยืนก็เลยนั่งปูเสื่อมองจากไกลๆแทน ซึ่งแต่ละที่เดือนอ้ายได้จัดโซนไว้แล้วว่าตรงนี้ถ้าปูเสื่อจะเห็นเวทีพอดีสำหรับคนที่นั่งดู
วงที่มาเล่นครั้งนี้ก็มีแต่เพลงดีๆทั้งนั้น นานมาแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้ดูคอนเสิร์ต ั้แ่สมัยปีหนึ่งก็แทบจะไม่ได้ดูแบบนี้ นอกจากไปกินเหล้าอย่างเดียว อีกอย่างนาวินกับเควินก็มาด้วยก็เลยดีไปอีกแบบ
“เออแล้วทำไมพวกมึงถึงลางานมาได้อ่ะ?”เขาเองก็สงสัยว่าสองคนนี้มันมาโผล่ที่นี่ได้ไง
“กูไม่ได้ลางาน แต่พวกกูมาศึกษาแถวนี้เลยแวะมาที่ไร่มึงด้วยไง”
“แล้ว-“ยังที่เขาไม่ได้พูดจบเสียงของนักร้องก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
‘สวัสดีครับ พวกเราวงทรูแมนดาวครับ!!’
เสียงกรี้ดดังขึ้นตามอัตโนมัติโดยที่เขาไม่แปลกใจเลยก็วงนี้แฟนคลับเยอะจะตายไป กว่าจะเอาคิงมาได้ก็แสนยาก โชคดีจริงๆเลยที่แอบให้โจช่วยคุยให้เพราะเป็เพื่อนกับนักร้องนำพอดี เสียงกรี๊ดดังสนั่นไปทั่วลาน รวมไปถึงดังลั่นหูเขาด้วย
“นาวิน มึงอย่ากรี๊ดได้ไหม”
“ทำไมอ่ะ! กูชอบนักร้องนำมากเลยนะเว้ย!”
“คือมึงกรี๊ดแล้วมันเหมือนคนเจ็บตีนอ่ะ”ฝ่ามือเล็กโดนอีกคนตีลงทันที “อีสัส”
“ฮ่าๆ ก็มันเหมือนอ่ะมึง”
“ไอ้เควินมันเหมือนหรอวะ!”เมื่อหันไปถามแฝดน้องก็ได้รับคำตอบโดยการพยักหน้าออกมาก็ทำเอาควันออกหูทันที
“เอาน่า ฟังเพลงต่อเถอะ”พอเขาบอกให้มันกลับไปฟังเพลงต่อ อารมณ์ร้อนก็เหมือนสลายหายไปทันที ไอ้นาวินมันเปลี่ยนสีง่ายจริงๆ
เมื่อยืนฟังไปได้สักพักก็นึกขึ้นได้ว่าโทรหาพี่อาทิตย์ดีกว่า มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดโทรหาแต่นิ้วเบียวไปโดนวิดิโอคอลแทน ปรากฎว่าจะวางสายก็ไม่ทันเพราะอีกฝ่ายกดรับด้วยความเร็วแสง
(คิดถึงหรอ)
“จะให้ดูงานนี่ไง พี่เห็นรึเปล่า”เขาหันกล้องไปรอบๆงานก่อนจะหันกลับมาที่ตัวเอง ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มจนร่างสูงรู้แล้วว่าตอนนี้อีกคนมีความสุขแค่ไหน
(คนเยอะเลยนี่ เก่งมาก)
“อ้ายต้องเลี้ยงพี่ๆคนงานซะแล้วล่ะ”
(แล้วไม่เลี้ยงกูบ้างหรอ)
“ให้กลับไปเลี้ยงพรุ่งนี้แทนได้ไหม”ดวงตาใสจ้องไปที่อีกคนพร้อมกับกะพริบตาปริบๆอย่างออดอ้อนทำเอาเพื่อนยืนข้างๆต้องเบะปากกันทีเดียว
(พรุ่งนี้จะรีบไปรับเลย)
“อย่าขับรถเร็วนะ มาปกตินั่นแหละ อ้ายรอได้”
(รับทราบครับ)
“อ้ายไม่กวนแล้ว พักผ่อนด้วยนะคะ”ร่างเล็กกดวางสายลงก็เห็นว่าเพื่อนแฝดมองมาไม่พักสายตา “อะไรๆล่ะ มองไร!”
“เปล๊า ก็แค่ม๊อง”
“นาวิน เสียงมึงสูงเป็เปรตเลยนะ”
“อ้าวอีนี่ ถ้ากูเป็เปรต มึงก็เปรตเก่าอเวจีอ่ะ!”ดูเหมือนว่างานนี้ศพจะไม่สวยสะแล้ว ในเมื่อหาเื่กันแบบนี้สงสัยจะต้องสู้กันสักตั้ง
เมื่อเดือนอ้ายตั้งท่าจะสู้กับนาวิน เควินก็ไม่มีท่าทีที่จะห้ามอะไรแถมยังเอาแต่สนใจเวทีด้วย สุดท้ายก็หยุมหัวกันไปกันมาจนเหนื่อย จนในที่สุดเสียงทักก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเดือนอ้าย
“ไง”
ร่างเล็กหันกลับไปมองอีกคนด้วยสีหน้าใเพราะเขาไม่คิดว่าอีกคนจะมาอยู่ที่นี่ด้วย ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีขาวดูต่างกลับวันที่เจอในผับอย่างชัดเจน ไม่รู้ทำไมอีกคนเหมือนคนนั้นแต่ก็ไม่เหมือนอยู่ดี
“อ้าวพี่มาแล้วหรอ!”นาวินที่เห็นอีกคนเดินเข้ามาก็เอ่ยทักก่อนจะกวักมือให้อีกคนมายืนข้างๆ
“พี่ไปดูซุ้มมา มีแต่ของน่าสนใจทั้งนั้น แล้วนี่?”เขารู้สึกแปลกที่อีกคนไม่รู้จักเขา ทั้งที่ตอนนั้นก็เจอกันที่ผับไปแล้วแท้ๆ
“อ่อ คนนี้คือเดือนอ้าย เพื่อนที่ผมเล่าให้ฟังไง ส่วนนี่พี่ธา แฝดพี่นินที่เจอกันวันนั้นอ่ะ”
“อ่า สวัสดีครับ”ก็ว่าแล้วทำไมถึงมีความรู้สึกแปลกๆ
“คนนี้หรอเดือนอ้าย”อีกคนมองมาที่เขาอย่างยิ้มๆ
“ครับ ผมเอง”
“นาวินมันนินทาเราไว้เยอะเลยล่ะ”
“เฮ้ยทำไมพูดงั้นอ่ะพี่!”เขามองได้แต่ยิ้มแหยะๆให้กับอีกคนไป ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกอึดอัดแปลกๆ เหมือนกับตอนนั้นที่อยู่กับคนชื่อนิน ไม่ว่าจะคนชื่อธาหรือชื่อนินก็ทำให้เดือนอ้ายรู้สึกไม่ดีนัก
“ก็มันจริงนี่”
“มึงไปพูดอะไรไว้ห้ะ?”เขาเอื้อมมือไปหยิกหูนาวินทันที “โอ้ยๆๆ ปล่อยกูเถอะน้า”
เขายอมปล่อยมือตามที่อีกคนว่าก่อนจะหันไปสนใจทางด้านเวทีแทน ส่วนนาวินก็ปล่อยให้มันคุยกับอีกคนไป โชคดีที่คนนี้ไม่ได้มองเขาตลอดเวลาเหมือนคนนั้น ร่างเล็กเหลือบสายตาไปมองที่เควินก็เห็นว่าอีกคนก็มองเขาอยู่เช่นกัน
‘ไปหาที่คุยได้ไหม’ ร่างเล็กป้องปากเป็ประโยคนี้หวังว่าอีกคนจะเข้าใจในที่สุด เควินก็ลากตัวเดือนอ้ายออกมาโดยบอกว่าจะไปซื้อน้ำ ร่างเล็กรีบพาเควินเดินย้อนกลับมาที่บ้านเพื่อความปลอดภัยทันที เขาพามันเดินมานั่งในห้องนอนของเขาก่อนจะจับเข่าคุย
“มึง”
“ว่ามา”
“กูพูดตรงๆเลยนะ กูรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆเวลาที่เห็นคนชื่อนินกับคนชื่อธา”เขาพูดไปก็กำมือไปโดยไม่รู้ตัว “กูรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้”
“เหมือนกัน”
“มึงว่าไงนะ”เขาไม่คิดว่าเควินจะคิดเหมือนเขา
“ั้แ่กูฝึกงาน เขาก็พยายามเข้ากูกับนาวินทั้งที่เด็กฝึกงานไม่ได้มีแค่พวกกู แล้วเขาก็ชอบถามเื่มึงจากนาวินด้วย”
“ถามเื่กู? ทำไปเพื่ออะไรวะ”
“กูก็ไม่รู้ กูเลยไม่ได้ค่อยคุยกับเขานัก มีแต่นาวินนั่นแหละที่คุย”
“มึง กูรู้สึกว่าเขาไม่ได้เข้าหาแบบบริสุทธิ์ใจไม่ได้เลยอ่ะ”
“กูเข้าใจมึงนะอ้าย เื่นี้มึงจะระแวงมันก็ไม่ผิด ยิ่งมึงเข้ามาอยู่ในศิวาลัยแล้วด้วย”เขาได้แต่นั่งคิดว่าจริงๆแล้วศิวาลัยไม่ได้มีแค่ตระกูลเดียว แต่มีอีกตระกูลหนึ่งที่แยกตัวออกไป
“มึงรู้ไหมว่านามสกุลพี่เขาคืออะไร?”
“นามสกุลหรอ? เหมือนจะชื่อธิวาลัยมั้ง..”
“ใช่!! ธิวาลัยไง! ที่เป็ตระกูลที่แยกออกมาจาก ศิวาลัยไงมึง”
“เออว่ะ กูลืมเื่นี้ไปได้ไงวะ”เขากับเควินได้แต่นั่งคิดว่าสาเหตุนี้รึเปล่าที่ทำให้อีกฝ่ายเข้าหาทั้งคู่ เพื่อถามหาเื่ของเขา
“เื่นี้มึงต้องบอกนาวินนะ”
“กูจะบอกนาวินเอง ส่วนมึงเองก็ระวังตัวไว้ด้วยนะ”
“กูจะระวังตัวไว้ กูไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเริ่มเข้าหากูแล้ว ถ้าเกิดเป็แบบนี้พี่อาทิตย์รู้เข้าก็คงวุ่นวายแน่”
“แต่มึงต้องบอกพี่อาทิตย์นะอ้าย”
“ถ้ากูบอกไปมันจะช่วยอะไรได้จริงๆหรอ ในเมื่อตอนนี้พวกมันก็ใกล้กูไปแล้ว”
“อย่างน้อยพี่เขาจะได้รู้ว่ามึงกำลังโดนจับตามองแล้ว กูไม่อยากให้มึงอยู่ในาตระกูลบ้านี่หรอกนะ”ร่างเล็กก้มหน้าลงเพราะคิดหนัก เขาเคยได้ยินเื่ราวของธิวาลัยมาอยู่บ้างว่าทำอะไรบ้าง ทุกอย่างล้วนแต่จะสร้างเื่ให้ตีกับศิวาลัยทั้งนั้น
ศิวาลัยไม่เคยยุ่งกับด้านมืดแต่อีกฝั่งกลับเข้าไปยุ่งก็ยิ่งทำให้สร้างความแตกร้าวหนักไปกว่าเดิม ยิ่งนานเข้าก็มีเื่ราวหนักขึ้น เมื่อหลายปีก่อนก็เคยเกิดเื่ที่ตึกใหญ่ของศิวาลัยเกิดไฟไหม้ขึ้นมา ตอนนั้นมีข่าวดังไปทั่วประเทศเพราะมีคนเสียหายมากมายและผู้เสียชีวิต อยู่ในที่เกิดเหตุการณ์ เป็ความทรงจำอันเลวร้ายของหลายครอบครัวเลยก็ว่าได้ ทุกคนในแวดวงต่างหวาดกลัวธิวาลัยเป็ที่สุดรวมไปถึงสายงานตำรวจก็ไม่กล้าจะยุ่งด้วย
และทางศิวาลัยต้องเป็คนรับผิดชอบทั้งหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็มูลค่าพันกว่าล้านที่เยียวยาผู้เสียหายหลายแสนในระแวกนั้นเพราะมันเป็ใจกลางเมือง
ความโหดร้ายของธิวาลัยที่สร้างไว้ให้กับศิวาลัยมีหนักหนา และเหตุผลที่ทำแบบนี้ก็คือการที่้าอำนาจกลับคืนสู่ตระกูล ทั้งที่ธิวาลัยเป็คนแยกตัวเองออกไปแท้ๆ ยังจะมาทวงคืนอีก มันเป็พวกขี้แพ้ชวนตีชัดๆ เขาถึงรู้สึกกลิ่นแรงทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้กับคนตระกูลนี้
พี่อาทิตย์เองก็ใช่ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบเพราะทุกอย่างต้องมารุมที่พี่อาทิตย์เพียงคนเดียว เขายังจำข่าวที่พี่อาทิตย์ต้องออกมาแถลงการณ์ทั้งที่ตัวเองยังนอนติดอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลได้อยู่เลย ยอมรับว่าตัวเองโกรธธิวาลัยแทนด้วยซ้ำ ญาติที่เขาเจอเมื่องานเลี้ยงของโชตินันท์ครั้งก่อนก็ทำธุรกิจกับธิวาลัยเช่นกัน ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตระกูลนี้ก็นิสัยดูแปลกกันไปเสียหมด
เรียกได้เลยว่าเขาเกลียดไปแล้วก็คงได้เพราะว่าอีกฝ่ายสร้างาแให้กับพี่อาทิตย์ไว้ขนาดนั้น เห็นแบบนี้ ทางศิวาลัยก็ไม่เคยตอบโต้ด้วยความรุนแรงเลยด้วยซ้ำ มีแต่อีกตระกูลนั่นแหละที่จ้องจะทำร้ายคนอื่น
เื่นี้เริ่มทำให้เดือนอ้ายเริ่มคิดหนักมากขึ้นเรื่อยๆว่าควรจะทำยังไงดี เพราะตอนนี้เขารู้ดีว่าตัวเองเป็จุดอ่อนของศิวาลัยไปแล้ว ถ้าหากธิวาลัยสร้างเื่อะไรขึ้นมาล่ะก็คงแย่แน่ ว่าแล้วก็รีบหันไปทางเพื่อนตัวเองทันที
“เควิน”
“ว่า?”
“กูอยากเรียนยิงปืนกับต่อสู้ สอนให้หน่อย”
“ว่าไงนะ?”
“กูอยากเรียนจริงๆนะเควิน”
“มึงมั่นใจใช่ไหม”
“อื้อ กูมั่นใจ”เขามองอีกคนด้วยสีหน้าจริงจัง “กูไม่อยากเป็จุดอ่อนของพี่อาทิตย์อีกต่อไปแล้ว”
เดือนอ้ายตัดสินใจแล้วว่าตัวเองจะไม่เป็ตัวถ่วงให้ศิวาลัยแน่ อย่างน้อยถ้าเขาใช้อาวุธเป็ก็อาจจะปกป้องตัวเองได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ถึงเวลาที่พี่อาทิตย์อาจจะไม่ได้อยู่ในตอนนั้น เดือนอ้ายก็ขอสู้ด้วยตัวเอง และที่เขาขอร้องเควินแบบนี้เพราะจริงๆแล้วครอบครัวของเควินกับนาวินเป็ ‘มาเฟีย’ น่ะสิ เห็นแบบนี้สองแฝดมันต่อสู้เก่งมาั้แ่ไหนแต่ไรแล้ว
ทุกๆครั้งที่เขามีปัญหาอะไรสมัยเรียนก็มีสองคนนี้นี่แหละที่คอยช่วยกันมาตลอด และที่ตอนปีหนึ่งสองคนนี้ไม่มีคนเข้าไปคุยด้วยเพราะว่าข่าวลือว่าเป็ลูกเ้าพ่อแพร่ไปทั่ว มีแค่เดือนอ้ายที่ไม่เชื่อก็เลยวิ่งไปขอทำความรู้จัก พอสนิทกันทั้งคู่ก็ชวนไปที่บ้าน และพอไปที่บ้านก็ต้องช็อคเป็ลมไป
ข่าวลือที่ว่าเป็ลูกเ้าพ่อมันเื่จริงนี่หว่า กว่าจะนั่งทำความเข้าใจได้ก็เล่นเอาจนมึนหัวเหมือนกัน เควินกับนาวินไม่ค่อยมีเพื่อนมาคุยด้วยเพราะทุกคนต่างกลัวกันหมด มีแต่เขาที่กล้าไปคุยคนแรก ทั้งคู่ก็เลยถูกชะตามากแถมพ่อของเควินกับนาวินก็เอ็นดูเดือนอ้ายเหมือนลูกน้อยคนหนึ่งด้วย สุดท้ายก็ได้แอบกลายเป็ลูกมาเฟียบุญธรรมไปด้วย