ก่อนหน้านี้ฉินอวี่ได้สร้างความหวาดกลัวให้คนจำนวนมาก แต่คนที่กำลังนั่งอยู่ในลานแห่งนี้ มีใครบ้างที่ไม่ใช่คนที่พิเศษกว่าคนทั่วไป?
และคำพูดของฉินอวี่นั้นได้ยั่วยุทุกคนขึ้นทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย
ในตอนนี้ คนที่ได้แต่นั่งมองต่างขมวดคิ้วขึ้นมา และเริ่มมีคนจ้องไปทางฉินอวี่มากขึ้นด้วยสายตาที่เคียดแค้นและเ็า
พวกฉวีหย่งเซิงทั้งสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉินอวี่ต่างอ้าปากค้างอย่างใ พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าฉินอวี่จะกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้ที่นี่ อย่างไรก็ตาม ที่แห่งนี้ได้รวบรวมเหล่าอัจฉริยะอันดับต้นๆ ของแดนต้าโหมวเทียนมาอยู่ด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่ในจำนวนคนเหล่านี้ก็อยู่ในกลุ่มของเจ็ดสิบสองอสูรธรณี และอาจจะมีคนจำนวนมากกว่าร้อยคนที่สามารถจะเอาชนะฉินอวี่ได้โดยลำพัง!
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสามคนใคือ เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง กลับไม่มีใครลุกขึ้นท้าประลองกับฉินอวี่เลย
พวกเขาต่างพยายามชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียอยู่ในใจ และด้วยความดุร้ายอันเลื่องลือของผู้เฒ่าร้องไห้ ทำให้พวกเขาไม่กล้าจะทำอะไรฉินอวี่
ฉินอวี่ชำเลืองมองทุกคน และหลังจากเห็นการแสดงออกของพวกเขา ฉินอวี่ก็พูดขึ้นอย่างน่ากลัว “แม้ว่าข้าจะเกิดมาต่ำต้อย แต่ก็ใช่ว่าใครจะมาทำอะไรข้าก็ได้ ตัวข้าหลี่โหย่วฉายไม่เคยเป็กังวลในชีวิตของตนเอง ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดอย่าได้ยั่วโมโหข้าเลย ไม่เช่นนั้น แม้ต้องตาย ข้าก็อาจจะลากบางคนหรืออาจจะทุกคนให้ต้องตายไปพร้อมกับข้า!”
ถ้อยคำของเขาดังก้องกังวาน และถ้อยคำทิ้งท้ายของเขา ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างใจสั่น
ใช่ ไม่ว่าคนผู้นี้จะมีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยเพียงใด แต่ก็เป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ หากไปยั่วยุเขาเข้า หากผู้เฒ่าร้องไห้เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา ถึงเวลานั้น... คงจะมีคนต้องตายกันไปเกินกว่าคนสองคนแน่นอน
คนที่้าจะโจมตีอยู่แต่เดิม ต่างเหงื่อตกด้วยคำพูดของฉินอวี่ จึงต้องรีบระงับความโกรธในใจเอาไว้ทันที
ฉินอวี่มีท่าทีสงบนิ่ง กวาดสายตาไปยังทุกคน ก่อนจะมองไปยังชายหนุ่มชุดสีคราม และพูดอย่างเ็า “เ้าหนุ่มน้อย เ้าอยากจะไปตอบคำถามอาจารย์ของข้าหรือ? ไปสิ ข้าจะพาเ้าไปพบอาจารย์เอง!” พูดจบ ฉินอวี่ก็ย่างก้าวใหญ่ไปทางชายหนุ่มชุดสีคราม
ชายหนุ่มชุดสีครามกำลังใอยู่ในคำพูดของฉินอวี่ ในตอนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดของฉินอวี่ และเมื่อมองเห็นฉินอวี่กำลังก้าวเท้าเข้ามา ชายหนุ่มชุดสีครามแทบจะทรุดลงกับพื้น ใบหน้าซีดขาว เขาก็รู้สึกแย่มาก “สะ... สหายหลี่ ข้าไม่ได้... ไม่ได้หมายถึงเช่นนั้น ข้า...”
ฉินอวี่ยิ้มกว้าง เดินไปยังด้านข้างของชายหนุ่มสีคราม ใช้มือขวาจับไหล่ของชายหนุ่มชุดสีคราม และจับโยนไปทางด้านหลัง และพูดอย่างเย้ยหยัน “คนขี้ขลาดอย่างเ้ามีสิทธิ์จะได้เข้าพบกับอาจารย์ของข้าด้วยหรือ? คนโง่อย่างเ้าก็คงเป็ได้แค่นักดาบ”
พูดจบ ฉินอวี่ก็นั่งลงบนที่นั่งของชายหนุ่มชุดสีครามอย่างเฉียบขาด มองไปยังเหลยหย่วนที่มีใบหน้าเคร่งขรึม และพูดอย่างเฉยเมย “มีอะไรหรือ สหายเหลย ครั้งก่อนคิดจะเอาอาวุธของข้าไปตอนกลางวันแสกๆ แต่ก็ไม่สำเร็จ ครั้งนี้ เ้าคงคิดจะทำให้ข้าต้องอับอายต่อหน้าสหายจำนวนมากเช่นนี้ใช่หรือไม่? หรือว่า ตระกูลเหลยของตี้หวังของเ้าชอบทำเื่ที่น่าละอายเช่นนี้?”
“ปัง!” ชายหนุ่มชุดสีม่วงที่นั่งอยู่ด้านข้างเหลยหย่วนทุบโต๊ะเสียงดัง โต๊ะที่มีอาหารมากมายอยู่แต่เดิมต่างกระจายและแตกออกเป็เสี่ยง อาหารอันเลิศรสต่างร่วงลงบนพื้นในทันที ชายหนุ่มชุดสีม่วงจ้องมองฉินอวี่ และพูดอย่างนิ่งขรึม “สหายหลี่ หากเ้าคิดจะใช้ตระกูลเหลยของตี้หวังมาแอบอ้างเช่นนี้ ข้าว่าเ้าคงคิดผิดแล้วล่ะ”
“แอบอ้าง? เ้าคิดว่าคนอย่างข้าหลี่โหย่วฉายต้องแอบอ้างตระกูลเหลยของตี้หวังเพื่อสร้างบารมีด้วยหรือ? ตัวข้าเองเป็คนตรงไปตรงมา และไม่ค่อยสนใจกับพวกสิ่งเล็กสิ่งน้อย ในเมื่อมีคนมายั่วยุล่วงเกินข้าอยู่หลายต่อหลายครั้ง อย่าได้คิดว่าข้าจะนั่งอยู่นิ่งๆ หาก้าจะเล่นกับข้า ตัวข้าก็จะเล่นด้วยให้ถึงที่สุด” ฉินอวี่หันไปทางชายหนุ่มชุดสีม่วง สีหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ชายหนุ่มชุดสีม่วงได้รับการกระตุ้นจากเหลยหย่วน ฉินอวี่ก็คงไม่เชื่อ
ทุกคนพากันอ้าปากค้าง โดยเฉพาะพวกฉวีหย่งเซิงทั้งสามคน ภายในสมองต่างอื้ออึง พวกเขาต่างนึกไม่ถึงเลยว่าฉินอวี่จะกล้าแตะต้องตระกูลเหลย
นั่นคือตระกูลเหลยแห่งตี้หวัง ซึ่งเป็ตระกูลใหญ่ของหนึ่งในสองตี้จวินภายใต้ทัพของแดนต้าโหมวเทียนในอดีต
หลายปีมานี้ ตระกูลเหลยของตี้หวังได้แต่เก็บตัวมาโดยตลอด ตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนเล็กๆ ที่ก่อตั้งโดยตี้จวินในอดีต และไม่รู้ว่าจะมีการสะสมพละกำลังเอาไว้มากน้อยเพียงใด หากจะบอกว่าเป็หนึ่งในตระกูลใหญ่อันดับต้นๆ ในแดนต้าโหมวเทียนก็คงไม่เกินจริง แต่ในตอนนี้... หลี่โหย่วฉายกลับกล้าทำเช่นนี้กับตระกูลเหลยของตี้หวังหรือ?
อย่างไรก็ตาม หากเกิดการโจมตีกันขึ้นมาจริงๆ ตระกูลเหลยก็ไม่เกรงกลัวผู้เฒ่าร้องไห้... แล้วหลี่โหย่วฉายไปเอาความกล้าเช่นนี้มาจากไหน?
เมื่อหยางเต้าที่เพิ่งเดินเข้ามาได้ยินคำพูดของฉินอวี่ เขาก็แทบจะสะดุดล้มทันที สองสามเดือนมานี้ เขาได้รู้สถานการณ์ของแดนต้าโหมวเทียน และรู้จักความแข็งแกร่งของตระกูลเหลยของตี้หวังเป็อย่างดี จนแทบจะเรียกได้ว่า เมื่อบรรดาเหล่าชายหนุ่มหญิงสาวทั่วทั้งแดนต้าโหมวเทียนต้องอยู่ต่อหน้าตระกูลเหลยของตี้หวัง ทุกคนล้วนแต่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก แต่ไม่ได้กลัวเพราะความเป็อัจฉริยะอันภาคภูมิของ์ แต่เป็เพราะตระกูลเหลยของตี้หวังที่อยู่เื้ั
จะมีใครสักกี่คนในแดนต้าโหมวเทียนที่กล้าข่มขู่ตระกูลเหลยของตี้หวังอย่างโจ่งแจ้งเช่นเดียวกับฉินอวี่?
บ้า!
แม้คนผู้นี้จะเกิดมาเป็ต้นหญ้า แต่ความบ้าคลั่งของเขานั้นเป็ความบ้าคลั่งที่ฝังลึกเข้ากระดูก หรือคนผู้นี้จะไม่กลัวตายจริงๆ? ในโลกใบนี้มีคนไม่กลัวตายอยู่จริงหรือ?
สิ่งนี้ทำให้คนจำนวนมากที่คิดจะมีเื่กับฉินอวี่ต่างสงบลงทันที อ่อนแอย่อมเกรงกลัวความแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งย่อมเกรงกลัวความแน่วแน่ ความแน่วแน่ย่อมไม่กลัวตาย หลี่โหยวฉายผู้นี้ไม่กลัวตายเลยจริงๆ คนเช่นนี้ หากไปยั่วยุเขาขึ้นมา คงจะไม่ต่างไปจากยั่วโมโหสุนัขบ้า?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่โเี้กว่าที่อยู่เื้ัสุนัขบ้าที่กำลังคลั่ง
ชายหนุ่มชุดสีม่วงจ้องมองฉินอวี่ด้วยสายตาที่เคร่งขรึม และไม่รู้ว่าเป็ความใหรือไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าจะมีคนกล้าข่มขู่ตนเองเช่นนี้ กล้าที่จะข่มขู่ตระกูลเหลยของตี้หวัง!
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มชุดสีม่วงจึงได้สติกลับมา และะโกลับไปอย่างดุดัน “เ้าช่างกล้าบ้าอะไรได้เช่นนี้! วันนี้ข้าก็อยากลองดูนัก ว่าถ้าข้าสังหารเ้า ผู้เฒ่าร้องไห้นั่นจะทำอะไรข้า!” อกกว้างของเขากระเพื่อมรุนแรง เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มชุดสีม่วงโกรธเป็อย่างมาก ไม่เช่นนั้น คงไม่กล้าจะพูดว่าผู้เฒ่าร้องไห้จะทำอะไรกับเขา
ฉินอวี่ใช้มือตบค้ำโต๊ะ และลุกขึ้นเตรียมสู้ทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย และพูดขึ้น “เข้ามาสิ ข้าก็อยากรู้นักว่าตระกูลเหลยของตี้หวังจะแข็งแกร่งแค่ไหน!” พูดจบ ฉินอวี่ก็ยกมือขวาขึ้น สายฟ้าสีขาวม่วงสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นทันที ซึ่งนี่คืออสุนี์ประจำตัว
“เปรี้ยง ตูม!”
อสุนี์ส่งเสียงสั่นะเืทั้งผืนดิน จนทั่วทั้งเมืองเทียนโหมวชั้นนอกเกิดะเิขึ้นทันที
“อสุนี์! อสุนี์จริงๆ!”
“เอ่อ... เอ่อ... หลี่โหย่วฉายมีอสุนี์จริงๆ หรือ? เป็ไปได้อย่างไร!”
“ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่? ทำไมหลี่โหย่วฉายจึงมีอสุนี์ได้?”
ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนด้วยความใ มองไปยังอสุนี์ประจำตัวกลางฝ่ามือของฉินอวี่ด้วยความใ
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ชายหนุ่มชุดสีม่วงก็ใเป็อย่างยิ่ง จนดวงตาทั้งสองแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า เขามองดูอสุนี์ในฝ่ามือของฉินอวี่ด้วยความเหลือเชื่อ ส่วนเหลยหย่วนได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับตัวเลย ได้แต่ยืนตัวสั่นไปทั้งร่าง
อสุนี์... อสุนี์จริงด้วย นี่มันอสุนี์ คนรุ่นใหม่วัยหนุ่มสาวที่สามารถควบคุมอสุนี์ได้มีอยู่ไม่เกินสามคน!
“มาเลย!” ฉินอวี่ถืออสุนี์ประจำตัวเอาไว้ และะโอย่างดุเดือด แต่ในใจกลับกำลังเยาะเย้ย กล้าจะยั่วยุตระกูลเลยของตี้หวังต่อหน้าคนจำนวนมาก และฉินอวี่ก็ไม่ได้ทำด้วยความประมาทหรือหุนหันพลันแล่น
“ออกไปจากที่นี่ นี่คือโอกาสของคนนอก” เกรงว่าในตอนนี้ประโยคที่พูดมาคงจะไปถึงหูของตระกูลเหลยแห่งตี้หวังแล้ว ใน่เวลาคับขันเช่นนี้ เกรงว่า ตระกูลเหลยของตี้หวังน่าจะเป็คนกลุ่มแรกที่มาช่วยปกป้องตนเองเพื่อไม่ให้ผู้เฒ่าร้องไห้โกรธเกินไป และต้องพลาดจากการออกมาจากด้านใน แม้ว่านี่จะเป็เพียงเื่โกหกของตนเอง แต่หาก้าออกไปจากส่วนที่เหลืออยู่ของจอมอสูรแห่งนี้ การลากตัวผู้เฒ่าร้องไห้ออกมาได้ โอกาสทุกอย่างก็จะสูงขึ้นมาก ดังนั้น พวกเขาก็คงไม่สามารถทำอะไรตนเองได้
ที่เกิดเหตุ ใน่เวลาที่ใกล้เข้ามา
พวกของฉวีหย่งเซิงทั้งสามคนต่างมองไปทางฉินอวี่ที่กำลังอาฆาตแค้น และเมื่อหันกลับไปมองศิษย์อัจฉริยะหนุ่มที่กำลังตกตะลึง ทุกคนต่างปากแห้งไปทันที ซึ่งคนเหล่านี้มีใครบ้างที่ไม่ใช่คนที่ชอบทำตัวสูงส่งเหนือใครๆ หรือยกตนข่มท่าน แต่ในตอนนี้ ทุกคนต่างตกอยู่ภายใต้การปรามของเหลาอู่เพียงคนเดียว
เหลาอู่... ดุเดือดยิ่งนัก! อีกอย่าง... ยังมีอีกเื่ที่ทุกคนต่างไม่เข้าใจ ในเื่ที่เหลาอู่สามารถเดินเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงได้ในระยะสองจ้าง...
“เ้า... เ้า...” เมื่อถูกฉินอวี่ตะคอกใส่ สีหน้าของชายหนุ่มชุดสีม่วงคนนั้นก็แดงก่ำ แต่เมื่อมองไปทางอสุนี์อีกครั้ง ก็ได้แต่ระงับความรู้สึกในใจเอาไว้ หากเกิดการต่อสู้กันขึ้นมา ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถต้านทานพลังของอสุนี์ได้!
“ทั้งสองท่าน ชื่นชอบการสร้างความวุ่นวายหรือ? แต่วันนี้ เกรงว่าจะอยู่ผิดที่” เสียงอันเ็าดังขึ้นอย่างเด่นชัด
ทุกคนต่างใ และหันศีรษะไปทันที แต่กลับเห็นหญิงสาวที่งดงามในชุดกระโปรงสีแดงเพลิง มีร่างกายสง่างามเหมือนดั่งหงส์ที่อยู่บนหงส์บนต้นอู๋ถง กำลังเดินย่างกรายออกมาจากโถงด้านใน
