เหตุผลที่กูเฟยเยี่ยนเลือกสวนผลไม้ของหมู่บ้านคีรีบุปผาจันทร์เป็เพราะว่าฤดูกาลนี้ไม่ว่าจะเป็นางสนม องค์หญิงในพระราชวังหรือกระทั่งเหล่าหญิงสาวตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ล้วนชื่นชอบที่จะมาเก็บผลไม้ที่นี่ เพราะได้ทั้งความสนุกสนานและได้ชิมของสดใหม่
คนเหล่านี้เมื่อเห็นว่านางกับเฉิงอี้เฟยอยู่ด้วยกันย่อมเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น และเมื่อเห็นว่าองค์ชายแปดจวินฮั่นหยิ่นอยู่ด้วยย่อมแพร่กระจายข่าวลือไปในพระราชวังอย่างแน่นอน เมื่อข่าวลือกระจายไปเรื่อยๆ เทียนอู่ฮ่องเต้ก็จะทรงรับรู้
หากเป็่เวลาปกติเทียนอู่ฮ่องเต้ก็จะไม่เชื่อข่าวลืออย่างง่ายดายเพราะทุกคนล้วนทราบกันดีว่าจวินฮั่นหยิ่นมีความสนิทสนมกับเฉิงอี้เฟยมาั้แ่วัยเด็ก
แต่ใน่เวลานี้เป็่ที่เทียนอู่ฮ่องเต้มีความสงสัยมากที่สุด และเป็่เวลาที่จ้องมองนางมากที่สุด หากมีข่าวคราวคลุมเครือระหว่างนางกับจวินฮั่นหยิ่นกระจายออกไป เทียนอู่ฮ่องเต้จะไม่คิดมากหรือ? เขาจะไม่ตรวจสอบภูมิหลังของจวินฮั่นหยิ่นหรือ?
กูเฟยเยี่ยนเดินเข้าไปในสวนผลไม้ทีละก้าวๆ หญิงสาวพบเห็นว่าภายในสวนผลไม้มีผู้คนไม่น้อยเลย ภายในมีผู้คนทั้งชายและหญิงเกาะกลุ่มหิ้วตะกร้าและช่วยกันเก็บผลไม้ บางคนก็เดินเล่นด้วยความครึกครื้น
เฉิงอี้เฟยกวาดตามอง พลันถามขึ้นมาว่า “แพทย์หญิงน้อย เ้าอยากจะทานอะไร? บอกชื่อมาเลย”
กูเฟยเยี่ยนไม่สนใจแล้วเดินอ้อมเฉิงอี้เฟยไปอยู่ตรงหน้าของจวินฮั่นหยิ่น ในยามนี้นางเหมือนกับเป็บุคคลที่ชื่นชอบจวินฮั่นหยิ่นเนื่องจากแหงนใบหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้ม “องค์ชายแปดมีสิ่งที่ชื่นชอบเป็พิเศษหรือไม่เพคะ? ”
จวินฮั่นหยิ่นพูดน้ำเสียงเ็าโดยแสร้งทำเป็ปล่อยเพื่อที่จะจับ “ทั้งหมดนี่ล้วนไม่ค่อยชอบสักเท่าใด”
เฉิงอี้เฟยรีบดึงกูเฟยเยี่ยนกลับมาทันที “ในเมื่อองค์ชายแปดไม่ชอบ ข้าก็จะไปเก็บผลไม้เป็เพื่อนเ้าเอง”
กูเฟยเยี่ยนรังเกียจการกระทำมือไม้ที่อยู่ไม่สุขของเฉิงอี้เฟยอย่างแท้จริง นางสะบัดออกโดยไม่สนใจที่จะสั่งสอน แต่อ้อมไปทางด้านขวาของจวินฮั่นหยิ่นอีกครั้งหนึ่ง “หรือว่าพวกเราจะไปที่สวนผีผาแทนดี? ผีผาบรรเทาอาการไอและอาการกระหายน้ำได้ เป็ผลไม้ที่ดีที่สุดในฤดูใบไม้ผลิแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยยังให้หม่านกงกงนำใส่ตะกร้าใบใหญ่ไปถวายให้เทียนอู่ฮ่องเต้ด้วย ได้ยินมาว่าฝ่าาเสวยแล้วอาการไอก็ดีขึ้นมาก”
เดิมทีใบหน้าของจวินฮั่นหยิ่นมีแต่ความเ็า แต่เมื่อได้ยินกูเฟยเยี่ยนเอ่ยเช่นนี้ เขาก็สลัดมาดแล้วถามด้วยความจริงจัง “อากาศอบอุ่นแล้วอาการเดิมๆ ของฟู่หวงก็ควรจะหายแล้ว”
อันที่จริงแล้วเขาไม่ค่อยรับรู้อาการประชวรของฟู่หวงมากนัก และไม่รู้ด้วยว่าฟู่หวงมีอาการเดิมๆ แบบไหน เขาเพียงแค่ได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ฟู่หวงประชวรหนักจนกระอักเืออกมา ที่เขาพูดเช่นนี้เป็เพราะ้าหลอกถามกูเฟยเยี่ยน ทว่าเขาไม่ทราบเลยว่าตนเองได้ตกลงไปในหลุมพรางของกูเฟยเยี่ยนเสียแล้ว
กูเฟยเยี่ยนไม่พูดคุยเกี่ยวกับอาการประชวรของเทียนอู่ฮ่องเต้ แต่พูดคุยถึงสรรพคุณผลผีผากับใบผีผาแทน จวินฮั่นหยิ่นที่้าหลอกถามนางทำได้เพียงพูดคุยไปกับนางเรื่อยๆ
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงพูดคุยกันมาตลอดทางที่เดินไปสวนผีผา กูเฟยเยี่ยนแทบจะเงยหน้ามองจวินฮั่นหยิ่นตลอดการเดินทาง การกระทำเช่นนี้ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามล้วนมองออกว่านางมีความลุ่มหลงต่อจวินฮั่นหยิ่น เมื่อผู้คนด้านข้างเห็นแล้วก็จะหันมองมาเรื่อยๆ และผู้คนที่จำพวกเขาได้ก็ซุบซิบนินทามาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรเฉิงอี้เฟยก็เอ่ยแทรกไม่ได้ ใบหน้าสง่าผ่าเผยงดงามนั้นค่อยๆ เกิดความบูดบึ้ง
แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่มีสีหน้าย่ำแย่กว่าเฉิงอี้เฟยก็คือชายหนุ่มสวมใส่หน้ากากที่ติดตามพวกเขามาโดยตลอด คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็จิ้งหวาง จวินจิ่วเฉิน
แม้ว่าหน้ากากสีเงินจะบดบังใบหน้าของเขาไปกว่าครึ่งหน้า แต่จากดวงตาเย็นะเืราวกับน้ำแข็งก็สามารถจินตนาการได้ว่าใบหน้าของเขาในยามนี้ย่ำแย่เพียงใด นับั้แ่วินาทีที่เขาเห็นกูเฟยเยี่ยนโดยบังเอิญ สายตาของเขาก็ไม่ได้ละไปจากกูเฟยเยี่ยนอีก
หมางจ้งมาถึงสักพักแล้ว เดิมทีเขามีเื่ด่วนที่ต้องรายงาน แต่เมื่อเห็นสายตาของเ้านายตนเองแล้วเขาก็รู้สึกว่าต่อให้เป็เื่ราวใหญ่โตมากเพียงใดก็ไม่สำคัญอีกแล้ว หมางจ้งไม่เข้าใจว่าเหตุใดนังหนูกูเฟยเยี่ยนจึงได้เคียงคู่มากับองค์ชายแปด เหตุใดนางจึงยิ้มแย้มมาตลอดทาง นางกำลังเล่นละครอะไรอยู่?
ต้นผีผาไม่สูงนัก กูเฟยเยี่ยนจึงถูกกิ่งไม้และใบไม้บดบังอย่างรวดเร็ว
จวินจิ่วเฉินยังคงเดินเข้าไปทีละก้าวๆ จนหมางจ้งจำเป็ต้องเอ่ยเตือนสติขึ้นมา “เตี้ยนเซี่ย สายลับสองคนมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาสืบพบความจริงของพิษที่กระจายไปทั่วปิงไห่ในตอนนั้นแล้ว เอาเป็ว่าพระองค์ไปก่อนแล้วข้าน้อยจะจับตามองที่นี่เองดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
จวินจิ่วเฉินไม่สนใจ เขาจ้องมองไปที่กูเฟยเยี่ยนด้วยสายตาเ็า พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปทีละก้าว
หมางจ้งกระวนกระวายใจเพราะเตี้ยนเซี่ยยังคงสวมใส่หน้ากากอยู่นะ หากไม่ทันระวังตัวแล้วได้ปะทะเข้ากับเฉิงอี้เฟยไม่ก็องค์ชายแปดขึ้นมามันจะเป็ปัญหายุ่งยากแน่ ต้องทราบไว้ว่าเฉิงอี้เฟยไม่ได้ไปจับกุมไป๋หลี่ิชวน แต่แอบสืบข่าวนักฆ่าชุดดำตามคำบอกเล่าของกูเฟยเยี่ยนมาโดยตลอด
หมางจ้งลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเตือนสติอีกครั้ง “เตี้ยนเซี่ย เื่ของปิงไห่เป็เื่สำคัญ ฝ่าายังคอยข่าวคราวอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ”
จวินจิ่วเฉินไม่สนใจอีกเช่นเคย เขาก้าวตามไปโดยที่ดวงตาทอประกายเพลิงโทสะอย่างเห็นได้ชัด
หมางจ้งไม่กล้าปริปากแล้ว เขาพยายามที่จะฟัง แต่น่าเสียดายที่ระยะห่างค่อนข้างไกลจึงทำให้เขาไม่ได้ยินว่ากูเฟยเยี่ยนคุยอะไรกับพวกนั้นอยู่ เขาทำได้เพียงเดินตามจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยอยู่ข้างๆ พลางลอบภาวนาให้เด็กน้อยกูเฟยเยี่ยนมีความเชื่อถือได้สักนิดและอย่าทำเื่ราวล้ำเส้นออกมา
กูเฟยเยี่ยนยังทำเื่ล้ำเส้นอะไรได้อีก? การรับมือกับจวินฮั่นหยิ่นที่เป็สุภาพบุรุษจอมปลอมเช่นนี้จะต้องจะต้องวางแผนอย่างช้าๆ และไม่อาจรีบร้อนได้
ทางด้านของป่าผีผาไม่มีคนอยู่แล้ว ละครที่นาง้าแสดงก็แสดงจบลงแล้ว นางจึงแหงนใบหน้าขึ้นมา เดินวนรอบๆ ต้นผีผาจากนั้นจึงเก็บใบผีผาขึ้นมา เฉิงอี้เฟยตามมาติดๆ พลางแย่งช่วยนางเก็บ
ระหว่างทางที่มาจวินฮั่นหยิ่นไม่ได้คำตอบที่เป็ประโยชน์อะไรจึงรู้สึกหดหู่มาก เขาลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะเริ่มเดินขึ้นไปด้านหน้าและเอ่ยถามคำถาม “แพทย์หญิงกู เ้าไม่เก็บผลไม้แต่ไปเก็บใบไม้ทำไมกัน? ”
กูเฟยเยี่ยนตอบกลับไป “เมื่อนำกลับไปแล้วสามารถนำมาต้มน้ำดื่มได้และสามารถอบให้เป็ขนมผีผาได้เพคะ สรรพคุณนี้ดีกว่าผลเยอะมาก”
จวินฮั่นหยิ่นเดินมาถามอีกครั้ง “เื่ปรุงยาสมุนไพรมอบให้ห้องยาสำนักหมอหลวงทำก็ได้แล้ว เหตุใดเ้าจึงต้องลงมือทำด้วยตนเอง? ”
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนไม่อยากจะพูดอะไรมากแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำถามนี้แววตาของนางก็ฉายแววเ้าเล่ห์ออกมา
นางจึงอธิบายออกมาด้วยความจริงจัง “ใบผีผาที่นำมาทำเป็ยาจำเป็ต้องเป็ใบเก่าที่หลงเหลือมาจากปีที่แล้ว อีกทั้งตัวลำต้นนั้นต้องมีอายุระหว่างสามถึงห้าปีถึงจะมีสรรพคุณที่เพียงพอ เฮ้อ…ใบผีผาที่ห้องยาสำนักหมอหลวงจัดซื้อมามีทั้งดีและไม่ดี เหล่าคนค้าขายยาสมุนไพรละโมบจึงไม่สนใจว่าจะเป็ของเก่า ใหม่ ดีหรือแย่เพียงใด พวกเขาล้วนส่งมาเป็ตะกร้าๆ แพทย์ชายธรรมดาทั่วไปแยกไม่ออกว่าใบไหนคือใบเก่าใบไหนคือใบใหม่ ขนมที่อบออกมาแล้วยิ่งยากที่จะแยกแยะได้ ดังนั้นสรรพคุณจะดีแค่ไหนกันเชียว?”
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยแล้วก็รีบประคองใบไม้ที่อยู่บนมือขึ้นมา “องค์ชายแปดเพคะ ท่านไม่ลองนำไปถวายให้เทียนอู่ฮ่องเต้บ้างหรือเพคะ? ใบที่ข้าเลือกมาล้วนเป็ใบชั้นยอด”
นี่เป็ครั้งแรกที่จวินฮั่นหยิ่นได้รับรู้ว่าใบผีผายังมีสรรพคุณเช่นนี้ เขาลอบดีใจ พลางแอบคิดว่าจิ้งหวางก็แค่ถวายผีผา หากตนเองถวายใบผีผาแล้วอธิบายถึงความพิถีพิถันเหล่านี้ ฟู่หวงจะรู้สึกว่าเขาใส่ใจมากกว่าจิ้งหวางและชื่นชมยินดีอย่างแน่นอน
“ได้ เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”
จวินฮั่นหยิ่นรับใบผีผาเ่าั้มาแล้วส่งยิ้มไปให้กูเฟยเยี่ยน กูเฟยเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะขนลุกไปทั้งตัว ทว่านางยังคงเผยยิ้มเบาบางกลับไปแล้วคิดว่า ”องค์ชายแปด ท่านคอยดูเสียเถอะ ฝ่าาจะทรงทึ่งในตัวท่านอย่างแน่นอน”
กูเฟยเยี่ยนมองหาใบแก่ต่อไปโดย้านำกลับไปให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกับเซี่ยเสี่ยวหม่านและคนอื่นๆ เช่นกัน เมื่อเห็นว่ากิ่งไม้้ามีใบแก่มากมาย นางก็ดีใจพลางเขย่งตัวขึ้น ทางด้านของเฉิงอี้เฟยนั้นดึงกิ่งไม้ทั้งหมดลงมารูดใบไม้จำนวนมากมาไว้ตรงหน้าหญิงสาว พร้อมกับเผยรอยยิ้มสดใสไปให้กูเฟยเยี่ยน
กูเฟยเยี่ยนยังคงมองเขาด้วยแววตารังเกียจ นางไม่เก็บแล้ว เฉิงอี้เฟยจึงทำได้เพียงเก็บด้วยตนเอง
กูเฟยเยี่ยนเดินไปด้านข้าง แต่ใครจะไปทราบว่าจู่ๆ จวินฮั่นหยิ่นก็เดินมาด้านหลังของนาง เขาเขยิบเข้าใกล้พลางยื่นมือมาเด็ดใบไม้ที่อยู่ด้านหน้าของหญิงสาว
เขาเด็ดไปด้วยกระซิบถามไปด้วยว่า “แพทย์หญิงกู ได้ยินมาว่าเ้ามีทักษะยาสมุนไพรชั้นเลิศ ยาที่ฟู่หวงใช้นั้นเคยให้เ้าดูหรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนยิ้มเยาะในใจ นี่จวินฮั่นหยิ่นจะล่อลวงหลอกถามนางหรือ? เขาคิดว่าให้ “ความหวาน” แล้วนางจะเคลิบเคลิ้มหลงใหลจนพูดความจริง?
“นี่…”
กูเฟยเยี่ยนเจตนาทำให้อยากรู้ แต่ใครจะไปทราบว่าในขณะที่กำลังจะหลีกเลี่ยง จวินฮั่นหยิ่นกลับก้าวเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าวจนแทบจะแนบชิดไปกับแผ่นหลังของนาง
กูเฟยเยี่ยนขนลุกซู่ไปทั้งตัวแล้วพยายามจะหลบทันที แต่เกือบในเวลาเดียวกันนั้นจู่ๆ จวินจิ่วเฉินก็ทะยานมาจากด้านข้างแล้วรวบตัวนางเข้าสู่อ้อมแขนไป…