ฉือหางออกมาจากห้องเดินไปที่ประตู ดึงหลินกู๋หยู่ไปข้างหลังเขาอย่างไร้ร่องรอย และพูดด้วยเสียงต่ำว่า "ท่านแม่ ท่านกำลังพูดถึงเื่อะไร กู๋หยู่จะโดนของได้อย่างไร"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด โจวซื่อก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "เ้าสาม บางสิ่งบางอย่างไม่สามารถมองเห็นได้เพียงแค่ผิวเผิน กู๋หยู่คนนี้จะต้องมีบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน"
“ถ้ามีปัญหา ข้าก็ต้องเห็นนานมาแล้ว” ฉือหางหันศีรษะมองไปที่หลินกู๋หยู่ที่อยู่ข้างหลังเขา
นางคือใคร นางมาจากไหน และกู๋หยู่ตัวจริงไปไหนแล้ว แม้ว่าฉือหางจะอยากรู้ แต่ในเมื่อนางไม่อยากบอก เขาก็ไม่อยากถามอีกต่อไป
“เ้าสาม ตอนนี้เ้าถูกทำให้ลุ่มหลงงมงาย รอให้แม่หมอมาขับไล่ิญญาชั่วร้ายในตัวนางแล้ว ก็จะไม่เป็ไรแล้ว” โจวซื่อพูดอย่างประหม่า ในขณะที่จับมือของฉือหาง
หลินกู๋หยู่เหงื่อแตกพลั่กทั่วร่างกาย คิ้วขมวดเล็กน้อย ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยหยดน้ำเย็นๆ ในตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
"ท่านแม่ ไม่จำเป็แล้ว ภรรยาของข้า ข้าจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?” ฉือหางพูดในใจว่าแย่แล้ว
หลินกู๋หยู่อาจไม่ใช่หลินกู๋หยู่ตัวจริง ฉือหางได้รับการยืนยันแล้ว และหากแม่หมอที่มาในคราวนี้เป็แม่หมอที่มีความสามารถจริงๆ นางจะทำอะไรนาง…
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของฉือหางก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น เขาหันศีรษะและพูดกับหลินกู๋หยู่ที่อยู่ข้างหลังเขาว่า "กู๋หยู่ โต้ซาเรียกเ้าแล้ว"
“อ๊ะ?” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางอย่างสงสัย จากนั้นไม่นานนางก็ตระหนักได้ “ข้าเข้าใจแล้ว”
หลินกู๋หยู่เดินเข้าไปในบ้านอย่างสั่นเทา ย่างก้าวของนางเบาหวิว
โจวซื่อ้าดึงแขนของหลินกู๋หยู่ แต่ฉือหางหยุดไว้ก่อน
ฉือหางเงยหน้าขึ้นมองโจวซื่อและพูดเสียงเบาว่า "ท่านแม่ ท่านกำลังจะทำอะไร?"
“ทำไมเ้าถึงปล่อยนางไป ถึงตอนนี้แล้วเ้ายังจะปกป้องนางปีศาจตนนี้อีกหรือ?” ใบหน้าของโจวซื่อน่าเกลียดยิ่งขึ้น นางพูดอย่างโกรธๆ ว่า “แม้ว่าพี่รองของเ้ามักจะเกียจคร้านในทุกวัน แต่เื่การโกงเงินเช่นนี้ เขาย่อมไม่ทำอย่างแน่นอน สาเหตุที่เขาทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะถูกอาคมของปีศาจตนนั้นหรือ”
ลมกระโชกแรงพัดผ่านมา ฉือหางรู้สึกว่าร่างกายของเขาเย็นเล็กน้อย แต่หัวใจของเขาเย็นยิ่งกว่า
“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงต้องใส่ความทั้งหมดให้กู๋หยู่ นางทำอะไรผิด?” ฉือหางอดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง
“เมื่อก่อนเ้าเป็คนเช่นนี้หรือ เมื่อก่อนข้าสั่งอะไร เ้าก็ทำสิ่งที่ข้าว่า แต่ตอนนี้เ้าเป็อย่างไร ข้าว่าอะไรออกไป เ้าก็มักจะต่อต้านเสมอ” โจวซื่อชี้ไปที่หน้าของฉือหาง ะโอย่างโกรธๆ “เ้าดูสิ ตอนนี้เ้าเปลี่ยนเป็คนอย่างไรแล้ว ข้าขอให้เ้าทำเตียงเตาให้ข้า แต่เ้าไม่ทำ ซ้ำร้ายยังพูดพล่ามอีก ตอนนี้ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เ้ากลับปกป้องภรรยาของเ้า ในสายตาของเ้า นอกจากภรรยาของเ้า ยังมีใครอีกไหม?"
คิ้วดาบของฉือหางขมวดแน่น ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยด้วยความใจร้อนหลายส่วน
กลิ่นหอมของยาโชยมาที่ปลายจมูกของเขา ซึ่งทำให้หัวใจที่กระสับกระส่ายของเขาค่อยๆ สงบลง
“ท่านแม่ ทำไมข้าจะทำดีกับนางไม่ได้?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด โจวซื่อก็คิดว่าเป็เื่ตลกอย่างมาก พูดด้วยความโมโห "ข้าเป็แม่ของเ้า ข้าให้กำเนิดเ้า แล้วนางคือใคร?"
“ใช่ ถูกต้อง ท่านให้กำเนิดข้า” ฉือหางมองโจวซื่อด้วยใบหน้าที่ผิดหวัง เม้มริมฝีปากเบาๆ หัวใจที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็ของเขาคล้ายกำลังร้องไห้ “แล้วท่านทำอะไรบ้าง เมื่อตอนที่ข้าป่วย?”
เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของโจวซื่อ ฉือหางก็อดไม่ได้ที่จะพูดต่อ "ท่านให้ข้าแต่งงาน และแบ่งแยกครอบครัวในวันนั้น ซ้ำยังไม่กล้าบอกข้าอีก แต่ท่านบอกกู๋หยู่"
“เ้าหุบปาก!” ริมฝีปากของโจวซื่อสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ
"ในวันที่เราแต่งงานกันในวันนั้น ข้าคิดที่จะให้กู๋หยู่ออกไป ตอนนั้นข้ากำลังจะตาย แล้วทำไมข้าต้องลากเด็กสาวคนนั้นลงเหวไปด้วย? มันคงจะดีกว่าถ้าข้าตายคนเดียว" เสียงของฉือหางอ่อนแรงราวกับเสียงนั้นมาจากที่ไกลสุดขอบฟ้า "แต่นางเลือกอยู่ที่นี่เพื่อดูแลข้า นาง้าอะไรจากข้าหรือ เงินสิบตำลึงทั้งหมดที่ท่านแบ่งให้พวกเราตอนที่แยกครอบครัวนั้นก็ใช้จ่ายไปกับการรักษาข้าทั้งหมด"
เมื่อได้ฟังดังนั้น ร่องรอยของความรู้สึกไม่สบายปรากฏบนใบหน้าของโจวซื่อแวบหนึ่ง นางไม่มีวิธีพูดที่จะหักล้างสิ่งที่เขาพูดได้
“ถ้าไม่ใช่เพราะกู๋หยู่ ข้าก็คงไม่รอดแน่” ฉือหางเอ่ยถามด้วยสีหน้าสับสน “ท่านบอกว่านางถูกอาคม แล้วนางทำร้ายข้าตรงไหนหรือ?”
ใบหน้าของโจวซื่อรู้สึกงุนงงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่านางไม่รู้จริงๆ ว่าหลินกู๋หยู่ทำอะไรผิดจริงๆ
เมื่อเห็นสีหน้าของโจวซื่อเปลี่ยนไป ฟางซื่อก็จับแขนของโจวซื่อแล้วพูดด้วยใบหน้าจริงจัง "ท่านแม่ ท่านแม่ลืมไปแล้วหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสะใภ้สามจงใจโกหกเ้ารอง เงินของครอบครัวของเราก็คงไม่…”
โจวซื่อตบใบหน้าของฟางซื่อโดยไม่ลังเลและพูดอย่างขุ่นเคือง "เ้าพูดเหลวไหลอะไรแถวนี้ สะใภ้สามเคยพูดกับเ้ารองเมื่อไร?"
หากมีเหตุผลที่จะกล่าวว่าหลินกู๋หยู่ถูกิญญาชั่วร้ายเข้าสิงและลงอาคมให้เ้ารอง เช่นนั้นคำพูดของฟางซื่อในตอนนี้ก็พูดเกินไปแล้ว
ฟางซื่อกุมใบหน้าของนางและมองไปที่โจวซื่อด้วยท่าทางงงงวย
โจวซื่อบิดใบหูของฟางซื่อเดินกลับไปที่บ้าน
การแสดงออกบนใบหน้าของฉือหางค่อยๆ เย็นลง ก่อนปิดประตูอย่างเฉยเมย
เขาจะไม่ให้โอกาสใครมาทำร้ายหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่นั่งอยู่ในห้องอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู นางรีบยืนขึ้น เอ่ยถามโดยแสร้งทำเป็ใจเย็นว่า "ท่านแม่ล่ะ?"
"ไปแล้ว” ฉือหางกล่าว เดินไปหาโต้ซาด้วยรอยยิ้ม "ดึกมากแล้ว ทำไมเ้ายังเล่นอยู่ ไม่นอนหรือ?"
ไปแล้ว
ในที่สุดหลินกู๋หยู่ก็ทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เป็เพราะพี่สะใภ้รองพูดไร้สาระ ท่านแม่คิดได้แล้วจึงกลับไปแล้ว” ฉือหางพูดเบาๆ หันกลับมามองหลินกู๋หยู่ แล้วพูดอย่างใจเย็น “เ้าอย่ากังวลเลย"
หลินกู๋หยู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและฉีกยิ้มร่า "ข้าไม่เป็ไร"
เมื่อได้ฟังดังนั้น ฉือหางก็ยิ้มให้ภรรยาโดยไม่พูดแม้แต่คำเดียว
เมื่อพูดจบ ทันใดนั้นเองหลินกู๋หยู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
หัวใจที่เพิ่งจะปล่อยวางเมื่ออึดใจก่อนก็สงบลงในที่สุด
เมื่อหลินกู๋หยู่ลุกขึ้นจะออกไปข้างนอกห้อง นางก็ได้ยินเสียงดังของโจวซื่อ จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
หลินกู๋หยู่กลับมาที่ห้อง มองฉือหางอย่างงงงวย และเอ่ยถามอย่างกังขา "เกิดอะไรขึ้น?"
“ท่านแม่คิดได้แล้ว” ฉือหางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด แม้ว่าหลินกู๋หยู่จะงงงวยเล็กน้อย แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด
เช้าตรู่ในวันต่อมา ในขณะที่พวกเขาทั้งสามคนกำลังจะออกไป ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นฉือซู่และฉือเทายืนขวางอยู่ที่หน้าประตู
“พี่ใหญ่ พี่รอง เกิดอะไรขึ้น?” ฉือหางอุ้มโต้ซาไว้ในอ้อมแขน มองไปที่คนทั้งสองอย่างสงสัย
“น้องสะใภ้สาม มากับพวกเรา” ฉือซู่หยุดชั่วคราว แล้วพูดต่อว่า “มีเื่บางอย่างต้องสะสาง”
มีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ ในขณะที่หลินกู๋หยู่้าจะปัดป้อง แขนของนางก็ถูกคว้าเอาไว้
ฉือซู่และฉือเทาต่างจับแขนของหลินกู๋หยู่
“พวกเ้ากำลังจะทำอะไร?” หลินกู๋หยู่พยายามอย่างหนัก แขนของนางถูกคว้าเอาไว้ นางไม่สามารถสลัดสองคนนั้นได้เลย
ฉือหางวางโต้ซาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่าฉือซู่และฉือเทากำลังจะนำตัวหลินกู๋หยู่ออกไป เขาก็รีบไล่ตามและผลักฉือเทาไปด้านข้าง
ฉือเทาทรงตัวไม่มั่นคงและล้มลงกับพื้นโดยตรง
"พี่ใหญ่ ปล่อย" ใบหน้าของฉือหางน่าเกลียดเล็กน้อย เขาไม่สบายใจมาก เขาเอื้อมมือไปผลักฉือซู่ออกไป แต่ฉือซู่ไม่เหมือนฉือเทาที่อ่อนปวกเปียก
ฉือซู่จับแขนของหลินกู๋หยู่ไว้แน่น หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าแขนของนางเจ็บราวกับตกนรก
“ปล่อยข้า” หลินกู๋หยู่มองฉือซู่ด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด และพูดอย่างโกรธๆ “พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไม่ปล่อย ข้าจะไม่สุภาพกับพี่แล้ว”
“ไม่ปล่อย!” ฉือซู่พูดด้วยความมั่นใจ
หลินกู๋หยู่เตะจากด้านข้างและเตะฉือซู่เต็มแรง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าฉือซู่จะจับแขนของนางแน่นมากขึ้น
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วแน่นขึ้น หลินกู๋หยู่ไม่้าทำร้ายฉือซู่ แต่นางไม่คิดเลยว่าฉือซู่จะดื้อรั้นถึงขนาดนี้
“เ้ารอง เ้าทำอะไรอยู่ ทำไมเ้าไม่รีบดึงเ้าสามออกไป” เสียงของโจวซื่อดังมาจากด้านข้าง
เมื่อฉือหางได้ยินเสียงของโจวซื่อ เืบนใบหน้าของเขาค่อยๆ เหือดหายไป เขามองไปที่โจวซื่อด้วยความไม่เชื่อ
เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อคืนนี้โจวซื่อคิดได้เพราะคำพูดของเขาแล้ว แต่เขาไม่คาดคิดว่านางจะยังคงเป็เช่นนี้
"ถูกต้อง นางไม่ใช่มนุษย์" คนที่ยืนถัดจากโจวซื่อเป็หญิงชราผมขาว ฟันด้านหน้าหายไปสองสามซี่ ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็ประกายสว่างไสวเป็พิเศษจ้องมองที่ร่างของหลินกู่หยู่ "ถ้าข้ามองไม่ผิด มันคือสุนัขจิ้งจอกบนูเา"
เมื่อได้ยินครึ่งแรกของประโยค หลินกู๋หยู่ก็ใ แต่เมื่อได้ยินครึ่งหลังของประโยค หลินกู๋หยู่รู้สึกโล่งใจอย่างอธิบายไม่ได้
คนคนนี้จะต้องเป็สิบแปดมงกุฎที่หลอกกิน หลอกดื่มอย่างแน่นอน
“เ้าต่างหากที่เป็สุนัขจิ้งจอก คนทั้งครอบครัวของเ้าก็เป็สุนัขจิ้งจอก!” หลินกู๋หยู่พูดอย่างโกรธจัด “เ้าดูสิ เ้าอายุเท่าไรแล้วยังไม่รู้จักพูดความจริง!”
หญิงชรามองไปที่โจวซื่อที่อยู่ข้างๆ และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ข้าคิดว่าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ดุร้ายจริงๆ ข้าไม่มีวิธีจัดการ"
เมื่อโจวซื่อได้ยินสิ่งที่หญิงชราพูด นางพูดอย่างเป็กังวลว่า "แม่หมอ ข้าควรจะทำอย่างไรดี ข้าเชิญท่านมาที่นี่ก็เพื่อจัดการนาง"
"ดูเหมือนว่าทำได้แค่เผาด้วยไฟเท่านั้น" หญิงชราพูดอย่างใจเย็น แววตามองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างสงบ ความภาคภูมิใจในดวงตาของนางนั้นชัดเจนอย่างมาก
เผางั้นหรือ?
นางเป็เพียงคนธรรมดา นางจะรู้คาถาอาคมอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นย่อมต้องกลัวไฟเป็ธรรมดา
หญิงชราคนนั้นอาศัยอยู่บนูเาตลอดทั้งปีและไม่ค่อยได้ลงมา โดยทั่วไปผู้คนมักจะเชิญนางลงมาเมื่อมีงานสำคัญในบ้าน
“เ้าเป็เทพ ใครว่าเ้าจะต้องเป็เทพ ข้าคิดว่าเ้าเป็สัตว์ประหลาดที่กลายร่างเป็มนุษย์และปะปนอยู่ในฝูงชน ้าจิติญญาของมนุษย์ ไม่เช่นนั้นเ้าก็คงอยู่มานานเช่นนี้ได้อย่างไร ทำไมเ้าถึงยังมีชีวิตอยู่? คงไม่ใช่เพราะเ้าดูดซับพลังงานจากร่างกายของคนอื่นหรอกหรือ?” หลินกู๋หยู่ไม่แม้แต่จะมองไปที่ฉือซู่ที่อยู่ข้างๆ แต่มองไปที่หญิงชราอย่างเ็า
หญิงชราหลับตาลงเล็กน้อย ไม่เต็มใจที่จะพูดคุยกับหลินกู๋หยู่
ฉือเทาะโกอดฉือหางเอาไว้แน่น
มือของหลินกู๋หยู่ถูกฉือซู่จับไว้ด้านหลัง นางพยายามดิ้นรนอย่างหนักสองสามครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถปล่อยได้เลย "ปล่อยข้า!"
ฉือหางมองไปที่ใบหน้าของหลินกู๋หยู่ เขาอยากจะแยกตัวออกจากฉือเทา แต่ไม่คิดเลยว่าฟางซื่อจะใช้เชือกมามัดเขา
ถัดจากนั้นมือของหลินกู๋หยู่ถูกซ่งซื่อมัดไว้ข้างหลัง ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความโกรธ พยายามดิ้นรนอย่างหนักแต่ก็ยังคงทำอะไรไม่ได้
“วางนางลงบนกองฟืนแล้วเผานาง!” หญิงชราเดินไปหาหลินกู๋หยู่ ดวงตาหรี่ลงพลางพูดด้วยความเ็า