มันเพิ่งจะหลบมีดบินเล่มแรกพ้น เล่มที่สองก็พุ่งเข้ามาถึง!
จางหยางที่ดวงตาเปี่ยมความหวาดกลัวเบี่ยงกายหลบอย่างยากเย็น จากนั้นจึงล่าถอยอย่างต่อเนื่องกระทั่งห่างจากไป๋หยุนเฟยหกเจ็ดวาจึงหยุดยั้งลงอย่างตื่นตระหนก มันยกมือขึ้นปาดเช็ดโลหิตที่ไหลซึมบนใบหน้าด้านขวา เมื่อครู่หากชักช้าไปวูบเดียวมีดนั้นย่อมไม่ทิ้งเพียงรอยแผลเล็กน้อยเช่นนี้
ไป๋หยุนเฟยใช้มือซ้ายยันพื้นหยุดร่างที่ล้มลงจากนั้นออกแรงเล็กน้อยดันร่างลุกขึ้นอีกครั้ง ขณะมองจางหยางที่ยืนเบื้องหน้าจับจ้องมาใบหน้ามันก็ปรากฏแววผิดหวัง ราวกับโศกเศร้าที่เมื่อครู่ไม่อาจสังหารคู่ต่อสู้ได้
“มันจงใจทำเช่นนั้น! มันจงใจทำเช่นนั้นอีกครา!! เป็ไปได้อย่างไร? หรือมันมองการเคลื่อนไหวข้าออก? บัดซบ!” มันไม่กล้าละสายตาจากศัตรูแม้เพียงชั่วครู่ จางหยางได้แต่คำรามในใจ “ผิดท่าแล้ว ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ข้าไม่อาจต่อสู้กับมันอีก ต้องรีบหนี! หากข้าออกไปจากที่นี่ได้ หากข้าเรียกหาผู้คนด้านนอก ย่อมมีผู้มาช่วยเหลือข้าโดยเร็ว...”
เมื่อตกลงใจได้จางหยางก็รีบกวาดตามองรอบด้าน ดวงตามันทอประกายยินดีวูบเนื่องเพราะยามนี้มันยืนห่างจากหน้าต่างเพียงสองวาเศษ!
เมื่อเห็นท่าทางจางหยางตรงหน้า ไป๋หยุนเฟยก็ขยับกายเคลื่อนไหว มิคาดศัตรูกลับชิงเคลื่อนไหวก่อน!
ดวงตามันฉายแววตกลงใจวูบ จางหยางขยับท่าทางโผทะยาน ขณะที่สืบเท้าออกก้าวแรกก็เลียนแบบไป๋หยุนเฟยซัดมีดสั้นในมือออกอย่างดุดัน จากนั้นก็ไม่แยแสผลลัพธ์รีบบิดกายหันหลังพุ่งไปยังหน้าต่างด้านขวาอย่างเร่งร้อน
ไป๋หยุนเฟยเพียงเบี่ยงกายเล็กน้อยก็หลบมีดสั้นพ้น ทว่ามีดนี้เพียงหวังถ่วงเวลาชั่วครู่ เมื่อหันมองจางหยางซึ่งทะยานกายไปยังหน้าต่างดวงตามันก็ปรากฏแววเย้ยหยัน เพียงขยับมือขวาก็ซัดประกายเย็นเยียบสองจุดเข้าใส่กลางหลังจางหยาง
แน่นอนว่าจางหยางย่อมไม่ลืมมีดบินของศัตรู ั้แ่ที่มันทะยานหลบหนีแม้จะเคลื่อนไหวรวดเร็วสุดขีดแต่ก็ยังให้ความสนใจกับท่าทีของไป๋หยุนเฟยเสมอ ยามนี้เมื่อมีดสั้นทั้งสองเล่มซัดมามันจึงบังคับร่างเปลี่ยนทิศทางโดยฉับพลัน เปลี่ยนจากพุ่งตรงเป็เคลื่อนขวางเป็วง ทว่ายังคงมุ่งไปยังหน้าต่างเช่นเดิม!
จางหยางเคลื่อนกายโดยไม่หยุดยั้งพุ่งชนหน้าต่างทะลุออกไป ยามที่มันพ้นออกหน้าต่างไปครึ่งร่างก็หันศีรษะกลับมาส่งสายตามองไป๋หยุนเฟยในห้องที่ดูเหมือนจะสายเกินกว่าจะซัดมีดสั้นออกไปอีก รอยยิ้มเย็นเยียบปรากฏจางๆที่มุมปากจางหยาง จากนั้นก็ถีบเท้าขวาบนขอบหน้าต่างทะยานกายออกไป
ขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศจิตใจที่เขม็งตึงของจางหยางก็ผ่อนคลาย เมื่อมันไปถึงถนนก็นับได้ว่าหนีพ้นอันตรายแล้ว ยามนั้นต่อให้ไป๋หยุนเฟยหวังจะไล่ตามมาจู่โจมมันก็เพียงลากดึงศัตรูไปหาคนของมัน เมื่อนั้นผู้ล่ากับเหยื่อก็จะพลิกเปลี่ยนสถานะกัน!
ทันใดนั้นมันก็เห็นไป๋หยุนเฟยสะบัดมือขวาอย่างดุดัน ดูผิวเผินคล้ายกับซัดมีดสั้นออกมาอีก
“ฮ่า ฮ่า ถึงตอนนี้เ้ายังคิดว่าจะหยุดข้าได้อีก? ด้วยระยะไกลเพียงนี้ต่อให้เ้าซัดมีมาอีกนับร้อยเล่มข้าก็หลบได้! เ้านับว่า...” ก่อนที่ความคิดจางหยางจะสิ้นสุด แววตาเบิกบานยินดีของจางหยางก็สาบสูญไปและถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวไม่สิ้นสุด!
ชั่วขณะที่ไป๋หยุนเฟยยกมือขวาขึ้น ประกายแสงสีครามพลันปรากฏวาบขึ้น ประกายนี้กลับรวดเร็วกว่ามีดสั้นก่อนหน้ามากมายนัก แทบจะทันทีที่ปรากฏก็พุ่งผ่านระยะระหว่างทั้งคู่บรรลุถึงตัวจางหยางและทะลวงผ่านเข่าซ้ายมันไป!
จางหยางที่อยู่กลางอากาศใกล้จะถึงพื้น ทันทีที่ดวงตามันฉายแววหวาดกลัว มันก็พลันรู้สึกเ็ปอย่างสาหัสตามด้วยความเย็นะเืสุดขีดทะลักมาจากขาซ้าย จากนั้นก็ขาทั้งข้างก็ปราศจากความรู้สึกอันใดอีก!
เหตุการณ์ทั้งมวลบรรยายยืดยาวแต่แท้จริงกลับเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ในที่สุดจางหยางก็ถึงพื้นแต่มันกลับไม่อาจหยั่งเท้าอย่างมั่นคง ขาซ้ายมันบิดพลิกผิดรูปจึงร่วงสู่พื้นดังโครม
จางหยางท่าทีตะลึงงัน ลืมเลือนที่จะใช้มือพยุงร่างขึ้น ลืมเลือนขาซ้ายที่ถูกทะลวงเป็รู และลืมเลือนกระทั่งจะครุ่นคิดหาทาง...
กระทั่งรู้สึกถึงคนผู้หนึ่งเดินมาถึงตรงหน้าจึงเงยหน้าขึ้นประสานสายตาเย้ยหยันของไป๋หยุนเฟย มันสะท้านตื่นด้วยท่าทีหวาดกลัว จางหยางพยุงร่างขึ้นด้วยสองมือถดร่างถอยไปด้านหลังไม่หยุดขณะที่กรีดร้องอย่างตระหนก “เ้า... เ้าไม่อาจฆ่าข้า! ข้าเป็นายน้อยตระกูลจาง ข้าเป็ศิษย์สำนักธารน้ำแข็ง เ้าไม่อาจฆ่าข้า!”
ไป๋หยุนเฟยก้มลงคว้าคอเสื้อและยกร่างจางหยางขึ้นราวกับไม่ได้ยินคำพูดอันใด จากนั้นโยนมันเข้าไปที่บ้านอย่างดุดัน จางหยางลอยละลิ่วในอากาศเป็วิถีโค้งข้ามหน้าต่างร่วงลงไปในห้องโถงอย่างหนักหน่วง หลังจากกลิ้งไถลไปหกเจ็ดวาก็ชนกับเก้าอี้ม้านั่งร่างมันจึงหยุดลง
เข่าซ้ายของจางหยางถูกทะลวงจนกลวงโหว่ทว่าน่าประหลาดที่โลหิตกลับแทบจะไม่หลั่งไหล สองมือมันบีบเค้นเข่าซ้ายไว้ราวกับจะสกัดไม่ให้ความเย็นแผ่ซ่าน จางหยางชักนำพลังิญญาทั้งมวลผลักดันความเย็นเยียบสุดขีดนี้ไว้ แม้มันจะหนาวสะท้านไปทั้งร่างทว่ากลับปรากฏเหงื่อหยดเท่าเมล็ดถั่วหลั่งไหลทั่วใบหน้าไม่หยุด
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาจางหยางก็เงยหน้าด้วยท่าทีหวาดหวั่นขึ้นมองไป๋หยุนเฟยที่กลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับหนามธารน้ำแข็งสีครามแวววับในมือ มันค่อยๆเดินเข้ามาหาจางหยางทีละก้าว
ยามที่จางหยางมองเห็นหนามธารน้ำแข็งในมือไป๋หยุนเฟย แม้ภายในใจมันจะหวาดกลัวสุดขีดแต่ก็อดไม่ได้ต้องร่ำร้องไม่หยุด “วัตถุิญญา วัตถุิญญาอีกชิ้น!! เป็เช่นนี้ได้อย่างไร? วัตถุิญญานับว่าหาได้ยากยิ่ง กระทั่งศิษย์เอกแห่งสำนักธารน้ำแข็งอย่างข้ายังไม่มีในแม้แต่ชิ้นเดียว! เหตุใดเ้าจึงมีวัตถุิญญามากมายนัก? หรือเ้าจะมาจากสำนักช่างประดิษฐ์? ไม่จริง เป็ไปไม่ได้!”
ได้ยินวาจาจางหยางไป๋หยุนเฟยก็นิ่งงันไป มันหยุดเท้าเบื้องหน้าจางหยางทิ้งระยะหนึ่งวามองลงมาด้วยท่าทีเย้ยหยัน “อะไรกัน? นายน้อยจางผู้ยิ่งใหญ่จดจำข้าไม่ได้จริงหรือ? โอ จริงสิ เหตุการณ์ก็ผ่านไปเดือนเศษแล้ว จะให้ท่านจดจำ‘ชาวบ้าน’เช่นข้าได้อย่างไร...?”
กล่าวถึงตรงนี้แววตามันเปลี่ยนเป็เย็นเยียบทว่าน้ำเสียงกลับปลอดโปร่ง ราวกับสนทนากับสหายเก่าที่ไม่พบกันมาเนิ่นนาน “เช่นนั้น ท่านจำผู้เฒ่าอู๋ได้หรือไม่? อา หากเพียงกล่าวชื่อผู้เฒ่าอู๋ท่านย่อมไม่ทราบว่าเป็ผู้ใด ผู้เฒ่าอู๋คือตาเฒ่าที่พยายามจะใช้มีดผ่าฟืนฆ่าท่านหลังจากท่านฉุดคร่าหลานสาวของมันไปและทุบตีนางจนตายเพราะขัดขืนไม่ยอมให้ท่านข่มเหง!
จากนั้นผู้เฒ่าอู๋ก็ถูกคร่ากุมไปยังสมรภูมิเดรัจฉานและถูกบริวารท่านนามสุนัขป่าวิบัติฆ่าตาย...” ไป๋หยุนเฟยบอกกล่าวอย่างชัดแจ้งขณะเขม้นมองจางหยาง “ยามนั้นมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งอยู่ข้างกายผู้เฒ่าอู๋ เนื่องเพราะวันก่อนนั้นมันล่วงเกินสตรี‘ของท่าน’โดยไม่เจตนาจึงถูกท่านโยนไว้ที่สมรภูมิเดรัจฉานเช่นเดียวกัน... ท่านยังจดจำได้หรือไม่?”
ยามที่ไป๋หยุนเฟยกล่าวถึงผู้เฒ่าอู๋และเสี่ยวยู่เอ๋อร์ สีหน้าจางหยางก็แปรเปลี่ยนในบัดดล เมื่อกล่าวจบคำใบหน้าจางหยางก็เปี่ยมแววไม่เชื่อถือ มันร่ำร้องในใจอย่างหวาดหวั่น “เป็มัน! มิคาดว่าจะเป็มัน! ไม่... เป็เช่นนี้ได้อย่างไร?! มันกลับกลายเป็ยอดฝีมือด้วยเวลาเพียงเดือนเศษ? ต่อให้มีคุณชายรองเจิ้งช่วยเหลือก็ยังไม่อาจเป็ไปได้!”
“ยามนี้จดจำได้แล้วกระมัง?” ไป๋หยุนเฟยลูบคลำหนามธารน้ำแข็งในมืออย่างแ่เบา “เช่นนั้นเ้าพร้อมจะชดใช้ในสิ่งที่เ้ากระทำแล้วหรือไม่?”
ทันทีที่กล่าวจบสีหน้าจางหยางก็เปลี่ยนเป็ขาวซีด มันใช้มือขวาประคองร่างถดถอยไปด้านหลังอีกคราขณะเดียวกันก็โบกมือซ้ายที่เบื้องหน้าไม่หยุดพร้อมกับกล่าวว่า “ช้าก่อน! ช้าก่อน! อย่าฆ่าข้า! ไว้ชีวิตข้าเถอะ! ข้าจะให้ทุกสิ่งที่เ้า้า! แค่เ้าไว้ชีวิตข้า!”
“โอ? เ้าจะให้ทุกสิ่งที่ข้า้า?”
“ถูกต้อง! ข้าให้เ้าได้ทุกสิ่ง! ไม่ว่าจะเป็เงินทอง หญิงงามหรือว่า...”
“ข้า้าให้ผู้เฒ่าอู๋กับหลานสาวฟื้นคืนชีพ เ้าทำได้หรือไม่?”
“นี่...”
“แล้วกันไปเถอะ เช่นนั้นข้าจะเปลี่ยนเป็สิ่งอื่น”
“ย่อมได้ ย่อมได้ เ้า้าอันใด?”
“ข้า้าชีวิตเ้า คงมอบอออกมาได้กระมัง?”
“เ้า... เ้าเพียงหยอกเย้าข้าเล่น!”
“มิผิด ข้าเพียงหยอกเย้าเ้าเล่น! เตรียมชดใช้แก่ผู้เฒ่าอู๋และหลานสาวด้วยชีวิตเ้าเถอะ!”
“ช้าก่อน! ช้าก่อน! ครอบครัวผู้เฒ่าอู๋อยู่ในกำมือข้า! หากเ้าฆ่าข้าพวกมันล้วนต้องตาย!” ราวกับพลันนึกบางอย่างออกจางหยางร่ำร้องสุดเสียงในจังหวะสุดท้าย
ไป๋หยุนเฟยหยุดยั้งลงในบัดดล “เ้าว่ากระไร?!”
“ข้าบอกว่าครอบครัวผู้เฒ่าอู๋อยู่ในกำมือข้า!” เมื่อเห็นท่าทีของศัตรู จางหยางก็ลอบถอนหายใจโล่งอก มันสงบใจกล่าวว่า “ครอบครัวของมันกลับหวังจะแก้แค้นจึงถูกคร่ากุมไว้ ข้าตั้งใจจะจัดการแสดงเช่นเดียวกับคราก่อนเมื่อสมรภูมิเดรัจฉานเปิดแสดงครั้งต่อไป...”
เมื่อกล่าวจบราวกับเกรงไป๋หยุนเฟยไม่เชื่อถือ จางหยางจึงเสริมอีก “ยามที่บิดาข้าทราบเื่เมื่อคราก่อนก็พิโรธยิ่ง หนำซ้ำ‘นักสู้’ชั้นยอดอย่างสุนัขป่าวิบัติกลับถูกเ้าฆ่าตาย ั้แ่ครานั้นสมรภูมิเดรัจฉานก็ไม่ได้เปิดแสดงอีก...”
“หากเ้าไว้ชีวิตข้า เมื่อกลับไปข้าจะปลดปล่อยพวกมันทั้งหมด!” เมื่อเห็นท่าทีไป๋หยุนเฟยผ่อนคลายลงจางหยางก็รีบกล่าวต่อ “ครานั้นผู้เฒ่าอู๋สละชีวิตช่วยเ้าไว้ เ้าไม่อาจทอดทิ้งครอบครัวมันโดยไม่ช่วยเหลือ!”
ดวงตาไป๋หยุนเฟยทอประกายแวววับ ประหนึ่งชั่งใจอย่างยากลำบาก มือที่กุมหนามธารน้ำแข็งลดลงทีละน้อย ทั้งยังถอนสายตาจากร่างจางหยางช้าๆ ราวกับจิตใจหมกมุ่นบางอย่าง
ยามที่ไป๋หยุนเฟยละสายตา จางหยางก็ลอบส่งสายตาดุร้ายพร้อมกับความเคียดแค้นที่ฉายชัดบนใบหน้า มือขวาที่ซุกซ่อนอยู่ด้านหลังพลันสะบัดออกราวสายฟ้าหมายซัดขว้างบางอย่างออกมา
ชั่วขณะที่จางหยางเปลี่ยนท่าที ไป๋หยุนเฟยที่ก้มศีรษะอยู่ในภวังค์ครุ่นคิดก็พลันเงยหน้าขึ้น ดวงตามันสาดประกายเจิดจ้าอาศัยจังหวะที่ลดอาวุธลงวาดมือไปเบื้องหน้าซัดประกายสีครามเข้าใส่มือขวาของจางหยางที่ยกขึ้นมาเพียงครึ่งทาง แม้จะเคลื่อนไหวทีหลังแต่กลับบรรลุเป้าหมายก่อน ได้ยินเสียง‘ฉึก’ประกายสีครามที่ทะลวงมือขวาจางหยางเป็เป็รูจนทิ้งรอยเืเป็ทางก็เจาะทะลุลงในพื้น!
เข็มสีครามสดใสเรียวเล็กสองเล่มยาวสี่นิ้วร่วงจากมือจางหยางลงสู่พื้น มันใช้สายตาตะลึงงันมองมือที่เป็รูโหว่ของตน ผ่านไปชั่วขณะจึงแผดร้องโหยหวนอย่างไม่อาจข่มกลั้น มันใช้มือซ้ายกุมข้อมือขวาแแ่กรีดร้องด้วยเสียงหวาดกลัวและแค้นเคือง “เ้า! เ้ากลับไม่หลงกล! เป็ไปได้อย่างไร?... เ้าไม่ทราบมาก่อนว่าข้ามีวัตถุิญญานาม‘เข็มเงินิญญาน้ำแข็ง’อยู่กับตัว! เ้ามองออกได้อย่างไร...?”
“ข้ามองการละเล่นเ้าออกได้อย่างไรหรือ?” ไป๋หยุนเฟยมองสีหน้าปั้นยากของจางหยาง มุมปากมันก็เหยียดลงล่างราวเย้ยหยันความอวดดีของจางหยาง “เ้าคิดว่าตนเองโกหกแสดงละครแเีหนักหรือ?”
“เช่นนั้นสิ่งที่เรียกว่าเข็มเงินิญญาน้ำแข็งนี้คงเป็ไพ่ตายสุดท้ายของเ้ากระมัง? หากมีไพ่ตายใดอีกก็รีบใช้ออกมา ไม่เช่นนั้น...”
“เตรียมชดใช้ชีวิตเ้ามาเถอะ!”
