“ยังไม่รีบพยุงข้าลุกขึ้นอีก คนผู้นั้นแล้งน้ำใจเ้าก็แล้งน้ำใจด้วยหรือ” หลิ่วจิ้งยื่นมือทั้งคู่ออกไปพลางมองอวี้จิ่นอย่างไม่พอใจ
อวี้จิ่นถูกหลิ่วจิ้งเล่นแง่ใส่จนไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดีนี่ยังคือหลิ่วจิ้งที่เผชิญหน้ากับนักฆ่าระหว่างเดินทางมาแต่งงานด้วยสีหน้าสุขุมไร้ความกลัวผู้นั้นหรือไม่กันนี่?
นางหมดคำพูด ดึงมือทั้งคู่ของหลิ่วจิ้งให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมา
“ฮูหยิน ทีนี้พวกเราจะไปที่ใดเ้าคะ”เมื่อครู่อวี้จิ่นออกมาจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าย่อมรู้ว่าเวลานี้ในเรือนฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องวุ่นวายโกลาหลกันอยู่
“ไปที่ใด ก็ต้องกลับกันน่ะสิ พวกเรายังจะไปที่ใดได้อีกมีที่ใดต้อนรับพวกเราอีกหรือ?”
หลิ่วจิ้งตอบกลับไปอย่างอารมณ์เสีย
“ฮูหยินหลักแหลม เช่นนั้นบ่าวจะประคองท่านกลับเรือน” ขณะเดินกลับไปยังหอหั่วเยี่ยนอวี้จิ่นก็มีท่าทีเป็ทุกข์ราวกับเป็ตัวนางเสียเองช่างสอดคล้องกับความเ็ปในใจของหลิ่วจิ้งในยามนี้เหลือเกิน
ตลอดทางมีคนจากเรือนต่างๆ เดินผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลาพวกนางย่อมไม่สามารถเดินหัวร่อต่อกระซิกกลับไป ในเมื่อจะแสดงละครก็ต้องตีบทให้แตกต้องทำให้ผู้อื่นเข้าถึงละครที่แสดงจึงจะได้
“ตายจริง ฮูหยิน นี่ท่านเป็อะไรไป ผู้ใดรังแกท่าน?”
หลิ่วจิ้งและอวี้จิ่นเพิ่งเดินออกจากเรือนของท่านหมอหวังไม่ไกลก็มาพบกับอาหนูเข้า
อาหนูได้ยินบ่าวมารายงานว่าทั้งสาวใช้และพวกป้ารับใช้หลายคนที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่ากำลังยุ่งวุ่นวายกันอย่างหนักเื่ดีงามเพียงนี้นางจะไม่ไปร่วมผสมโรงได้อย่างไร
ปกติแล้วทุกวันที่นางออกจากเรือนล้วนต้องให้จื่อเซียวช่วยนางแต่งตัวแล้วแต่งตัวอีก แต่เพื่อมาดูเื่สนุกในวันนี้นางกลับแต่งตัวอย่างเรียบง่ายก็ออกจากเรือนมาแล้ว
ขณะเดินกลับเรือนหลิ่วจิ้งไม่ได้ร้องไห้แล้วเพียงเพราะเมื่อครู่เพิ่งร้องไห้มา สีที่แต่งแต้มบนหน้าจึงจางลงไปบ้าง แค่มองเผินๆก็ยังมองออกว่านางเพิ่งร้องไห้มา อาหนูจึงถามเช่นนี้
“อ้อ เป็อาหนูเองหรือ ไม่มีเื่ใดเพียงแต่เมื่อครู่ลมพัดทรายเข้าตา แล้วนี่เ้ากำลังจะไปที่ใด?”
คิดถึงสิ่งใดสิ่งนั้นก็มาจริงๆหลิ่วจิ้งกำลังอยากให้มีคนมาเห็นนางในสภาพที่กำลังทุกข์ใจอยู่ทีเดียว
“เป็เช่นนี้หรอกหรือ ลมที่พัดทรายมาก็ช่างใจร้ายนักทำเอาฮูหยินเสียน้ำตาตั้งมากมายเพียงนี้” อาหนูกระเซ้า
“อืม นั่นสิ ตอนนี้ตาข้ายังรู้สึกเคืองนัก ไม่คุยแล้วข้าต้องรีบกลับไปล้างตาสักหน่อย” หลิ่วจิ้งพูดพลางพาอวี้จิ่นเดินไป ทิ้งอาหนูให้ยืนคิดอยู่ตรงนั้นต่อเอง
อาหนูจ้องตามแผ่นหลังของหลิ่วจิ้งจนลับตาไป นางและจื่อเซียวจึงค่อยเดินไปที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าต่อ
“จื่อเซียว เ้าว่าน่าขำหรือไม่ ฮูหยินนั่นจะต้องถูกฮูหยินผู้เฒ่าด่าทอจนร้องไห้มาแน่ๆท่าทางอย่างนั้นต่อให้ตาพร่ามัวก็ยังมองออกว่านางเพิ่งจะร้องไห้หนักมายังมาบอกว่าลมพัดทรายเข้าตาอีก เช่นนี้ไม่น่าขำหรือ”
อาหนูเดินไปหัวเราะไป ไม่ผิด นางคิดร่วมมือกับฮูหยินกำจัดลูกในท้องของนางจ้าว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านางจะยอมเห็นหลิ่วจิ้งมีความสุข
พอนางคิดว่าหลิ่วจิ้งถูกด่าทอมา จิตใจก็เป็สุขเสียเหลือเกินกระทั่งหัวเราะ ‘เหอๆๆ’ ออกมาทีเดียว
เดิมทีเสียงนางก็อ่อนโยนแต่แจ่มชัดพอหัวเราะออกมาซ้ำยังหัวเราะอย่างได้ใจรวมกับกำลังอารมณ์ดีจึงทำให้เสียงหัวเราะน่าฟังเข้าไปอีก
แต่แรกนั้นก็เป็เพราะเสียงหัวเราะเช่นนี้ที่ทำให้หั่วอี้หลงใหลและมองเห็นนาง
หั่วอี้รีบเดินออกจากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเร่งร้อน อยากจะไปดูโดยเร็วว่าอาการของหลิ่วจิ้งเป็อย่างไรบ้างขณะกำลังเดินเลี้ยวผ่านมุมสวนดอกไม้ก็ได้ยินอาหนูกำลังคุยกับจื่อเซียวเข้าพอดี
ทว่าเวลานี้หั่วอี้กลับรู้สึกว่าเสียงของอาหนูบาดหูเหลือทน เขาถึงกับแปลกใจว่าเหตุใดก่อนนี้จึงรู้สึกว่าเสียงของนางน่าฟัง
“น่าขำเพียงนั้นเชียวหรือ น่าขำเช่นใด บอกให้ข้าฟังบ้างสิ”
หั่วอี้จ้องอาหนูด้วยสีหน้าถมึงทึง
นางไม่รู้ว่าหั่วอี้ได้ยินไปกี่มากน้อยแล้วได้ฟังทั้งหมดมาั้แ่แรก หรือได้ยินแค่ตรงประโยคสุดท้าย
อาหนูคำนับหั่วอี้ด้วยท่าทีกระวนกระวายกำลังเตรียมปั้นหน้าเย้ายวนที่นางใช้เป็ประจำ
หั่วอี้กลับไม่ให้โอกาสนางพูดอีก เขาเดินไปข้างหน้าก้าวแล้วก้าวเล่าทำเอาอาหนูใจนต้องถอยไปข้างหลังหลายก้าว หลังถอยไปสองสามก้าว อาหนูก็ขยับตาหนหนึ่งและไม่ถอยหลังต่ออีก
นางยืนนิ่ง ดังนั้นเมื่อหั่วอี้ก้าวมาข้างหน้าร่างของพวกเขาทั้งสองก็เข้ามาใกล้กันจนจมูกชิดจมูก
“ท่านแม่ทัพ นี่ท่านเป็อะไรไป สีหน้าท่านน่ากลัวนักทำอาหนูใแล้วนะเ้าคะ” อาหนูพูดพลางเอื้อมมือทั้งคู่โอบเอวหั่วอี้ไปด้านหลัง นางก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่งทำให้ร่างของนางแนบชิดกับตัวหั่วอี้
อาหนูแนบหน้าซบที่อกหั่วอี้ ทำให้ตัวนางและหั่วอี้แนบสนิทกันจนไร้ช่องว่างด้วยความตั้งใจและไม่ตั้งใจ ความอ่อนนุ่มเต่งตึงตรงอกถูไถกับแผงอกของหั่วอี้ตามจังหวะร่างกายของอาหนูที่ยักย้ายไปมา
ร่างของหั่วอี้หยุดชะงัก ก่อนนี้เขาพลาดท่ากับลูกไม้นี้เสมอทุกครั้งเมื่ออาหนูออดอ้อนเช่นนี้เขาก็จะร้อนเร่าดั่งไฟไม่ว่าเป็โอกาสหรือสถานที่ใด ก็จะต้องไปหาที่รุกเร้าร้อนแรงกับอาหนูให้จงได้
ตลอดหลายปีมานี้ อาหนูย่อมรู้วิธีควบคุมราคะของหั่วอี้ยามเกิดอารมณ์ขึ้นมาหั่วอี้ก็เป็ของนางแล้ว ลูกไม้นี้นางใช้มาหลายปีไม่เคยพลาดแม้สักครั้ง
นางเชื่อว่าครานี้หั่วอี้ก็จะต้องเป็เช่นก่อนมา…
“กลับไปที่เรือนเ้าเสีย ไม่มีคำสั่งข้าห้ามเ้าออกมาแม้ครึ่งก้าว” หั่วอี้สีหน้าหนักอึ้งขณะสั่งกักบริเวณจากนั้นก็ผลักอาหนูออก เดินจากไปโดยไม่แม้จะหันหน้ากลับมา
อาหนูไม่เชื่อสิ่งที่ตนได้ยิน นางจ้องเขม็งตามแผ่นหลังของหั่วอี้ครานี้น้ำตานางไหลออกมาจริงๆ
“จื่อเซียว ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่ท่านแม่ทัพบอกว่าไม่มีคำสั่งเขา ก็ห้ามข้าออกจากประตูเรือนแม้ครึ่งก้าว? นี่ไม่ใช่เื่จริง ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่”
อาหนูไม่เชื่อ ใช้สองมือจับไหล่ของจื่อเซียวโยกไปมา นางหวังว่าจื่อเซียวจะบอกว่านางฟังผิดไป
“ฮูหยิน ท่านไม่ได้ฟังผิดเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพสั่งเช่นนั้นเ้าค่ะ”จื่อเซียวไม่กล้าตอบ แต่ไม่ตอบก็มิได้
‘เพียะ’ อาหนูตบหน้าจื่อเซียวคราหนึ่งเช่นคนเสียสติ“ล้วนเป็เพราะเ้า เพราะเ้า เหตุใดไม่เห็นว่าท่านแม่ทัพเดินผ่านมาเหตุใดไม่รู้จักเตือนข้า ข้ามีสาวใช้เช่นเ้าไว้เพื่อประโยชน์ใดมีสุนัขสักตัวยังดีเสียกว่า มีคนมามันยังรู้จักเห่าบอก”
อาหนูโกรธหนนี้ตบหน้าจื่อเซียวไปเต็มแรงแก้มข้างหนึ่งของจื่อเซียวบวมขึ้นมาทันที
นางเอียงหน้าไม่มองอาหนู ก้มหน้าลงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
“ร้องไห้ๆ ยังจะมาร้องไห้อีก ร้องให้ตายไปเลย จะร้องให้ใครดูเ้าอยากให้คนอื่นรู้ว่าข้าตบเ้าใช่หรือไม่? ต่อให้ข้าตบ แล้วจะอย่างไร?” อาหนูระบายไฟโทสะลงที่ตัวจื่อเซียว ยื่นมือไปผลักจื่อเซียวให้เซไปข้างหลังหลายก้าวจนอีกฝ่ายเกือบยืนไม่อยู่
จื่อเซียวไม่อาจตอบโต้หรือโอดครวญทำได้เพียงยืนนิ่งให้อาหนูระบายอารมณ์ใส่นางอยู่ตรงนั้น
การกระทำของอาหนูทำให้บ่าวที่ผ่านไปมาสนใจนางรู้สึกเสียหน้าเป็ที่สุด จึงไม่มีอารมณ์ไปดูเื่สนุกที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าอีกที่สุดก็โมโหฮึดฮัดกลับจวนไป
_____________________________
