เจิ้งหยวนออกจากโรงงานเครื่องจักรก็กลับบ้าน เธออยากไปเดินเล่นในตัวอำเภอสักหน่อย แต่เธอไม่ได้พกเงินตัดตัวเลย ครั้นเดินมาได้สักครึ่งทาง อยู่ๆ ก็นึกถึงเมื่อวานที่พ่อบอกว่าข้าวสาลีใกล้สุกงอมแล้ว จะถึงเวลาเก็บเกี่ยวในอีกไม่นาน ่เร่งเก็บเกี่ยวและเพาะปลูกเป็งานที่เหนื่อยยาก ลงแรงแค่ไม่กี่วัน อาจน้ำหนักลดหลายจินเชียว! หากกินไม่อิ่ม เป็คนเหล็กก็อ่อนเพลียจนป่วยได้เหมือนกัน พี่ชายยังหนุ่มยังแน่นเลยไม่เท่าไร แต่พ่อเธออายุมากขึ้นทุกวี่ทุกวัน ปีก่อนเหน็ดเหนื่อยรอบนั้น หลังจบงานก็ถึงกับล้มป่วย
พอคิดดูแล้ว เธอจึงหาสถานที่ที่ไร้ผู้คน และเข้าไปในมิติ พร้อมหยิบเนื้อชิ้นหนึ่งออกมาเสียเลย
ระหว่างทางกลับกอง เธอบังเอิญพบกับเสี่ยวเหอ บุรุษไปรษณีย์เข้า เสี่ยวเหอปั่นจักรยาน มีกระเป๋าขนาดใหญ่สองใบแขวนบนเบาะที่นั่งข้างหลังรถ ภายในใส่จดหมายมากมายไว้ เขามองเห็นเจิ้งหยวนจากไกลลิบก็ะโทักทาย “สหายเจิ้งหยวน!”
เจิ้งหยวนหยุดยืนยิ้มพลางโบกมือให้เขา ชั่วอึดใจเขาก็เบรกรถหยุดตรงหน้าเธอ มองเนื้อในมือเธอแวบหนึ่ง แล้วมองไปทางตัวอำเภอเมือง “โอ้ ไปซื้อเนื้อในอำเภอแต่เช้าเลยเหรอ?”
เจิ้งหยวนยิ้มไม่ตอบอะไร แต่ใจกลับลอบครุ่นคิด ถือเนื้อกลับไปทื่อๆ เช่นนี้จะดูเหมือนโอ้อวดเกินไป
เสี่ยวเหอพูดต่อ “พอดีเลย มีจดหมายของเธอฉบับหนึ่ง” เขาลงจากรถ ใช้เท้าเตะขาตั้งยันตัวรถไว้ และคุ้ยหาในกระเป๋าย่ามสีเขียวทหารสองใบ สักพักก็ดึงจดหมายออกมาแล้วยื่นให้เจิ้งหยวน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า“ส่งมาจากในกองทัพน่ะ พี่เจี้ยนเหวินของฉันส่งจดหมายมาให้เธอละมั้ง?”
ไฉนเธอจะรู้ว่าเฝิงเจี้ยนเหวินเป็ทหารอยู่ที่ไหน! เจิ้งหยวนมองบนในใจ ก่อนรับจดหมายมาแล้วหัวเราะแห้งๆ ไม่พูดสิ่งใดอีก รอยยิ้มเธอฉายชัดทุกอย่างแล้ว คนอื่นไปเดากันเอาเองเถอะ!
ด้วยรู้ดีพวกเขาเป็คู่หมั้นกัน เสี่ยวเหอคิดว่าเธอต้องเขินอย่างแน่นอน เขาจึงไม่พูดอะไรมาก ก่อนดันจักรยานขึ้นแล้วเอ่ยยิ้มๆ “งั้นฉันไปส่งจดหมายต่อแล้ว สหายเจิ้งหยวน ไว้เจอกันนะ!” สิ้นเสียงก็ขึ้นคร่อมจักรยาน ถีบที่แป้นถีบ พารถพุ่งทะยานออกไปไกล
เจิ้งหยวนมองตามหลังเขาด้วยความอิจฉา เธอเองอยากได้จักรยานสักคันเหมือนกัน เธอเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ ยามนี้อากาศร้อนจัด เธอยังต้องเดินเท้าแดดอีกไกลกว่าจะถึงบ้าน
ครั้นหันกลับมามองจดหมายในมืออีกรอบ สถานที่ส่งที่เขียนจ่าหน้าซองมาคือเขตทหารสักแห่งในเมืองตงฉี [1] ไม่มีชื่อผู้ส่ง สถานที่รับจดหมายระบุว่าเป็กองหลิวหยาง ส่วนผู้รับคือเจิ้งหยวน ตัวหนังสือบนนั้นไม่ค่อยประณีตเรียบร้อยเท่าไรนัก ทว่าขอบและมุมชัดทุกตัว เปิดเผยเที่ยงตรงอย่างยิ่ง ลายมือสื่อตัวตนผู้เขียน ดูท่าเฝิงเจี้ยนเหวินจะไม่ใช่คนทนรับทุกเื่เหมือนหลินเสี่ยวหยาง
อยู่ๆ คนผู้นี้ส่งจดหมายมาหาเธอทำไม? เจิ้งหยวนขมวดคิ้วมุ่น ชาติก่อนเหมือนเธอจะไม่ได้รับจดหมายจากเขานะ… เอ่อ ไม่สิ ชาติก่อนเวลานี้เธอเพิ่งหนีออกจากบ้าน ครอบครัวเธอต้องได้รับจดหมายแน่ เธออาจแค่ไม่รู้เอง เริ่มสงสัยบ้างแล้วว่าเขาเขียนอะไรมาในจดหมาย
เจิ้งหยวนรีบฉีกซองทันที
ข้างในมีเพียงกระดาษบางเฉียบแผ่นหนึ่ง ตัวหนังสือบนกระดาษตัดส่วนไม่สำคัญทิ้ง เหลือแค่ครึ่งหน้า เขียนมาหาเธอไม่กี่ประโยคเท่านั้น แต่เนื้อความที่อยากสื่อลงไว้ครบถ้วนหมดแล้ว
สหายเจิ้งหยวน
สวัสดี
ผมขอแนะนำตัวก่อน ผมเฝิงเจี้ยนเหวิน เชื่อว่าคุณน่าจะเคยได้ยินนามนี้มาบ้าง เมื่อสิบห้าปีก่อน คุณพ่อและคุณแม่ของพวกเราได้ทำสัญญาแต่งงานระหว่างเราสองคนกัน ยามเยาว์วัย ผมไม่อาจถ่ายทอดความปรารถนาของตนเอง ่นี้อยู่ๆ คุณพ่อก็เอ่ยถึงเื่แต่งงาน ผมเลยได้แต่เขียนจดหมายหาคุณ ขอถามว่าคุณตกลงปลงใจเป็คู่ชีวิตบนเส้นทางแห่งการปฏิวัติกับผมไหม? หากคุณไม่เต็มใจ ผมจะส่งจดหมายหาคุณพ่อให้ยกเลิกการแต่งงานคราวนี้ ผมเป็ทหารนายหนึ่ง อยู่นอกบ้านตลอดทั้งปี อุทิศชีวิตเพื่อประเทศชาติของพวกเราแล้ว ดังนั้นอาจจะดูแลภรรยาและบุตรได้ไม่ดีนัก ขอให้คุณพิจารณาการหมั้นหมายอย่างจริงจัง หากคุณยินดีแต่งงานกับผม ผมซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง แต่โปรดมีสำนึกของการเป็ภรรยาทหารที่ดีด้วย
ลงนามท้ายจดหมาย เฝิงเจี้ยนเหวิน ปี 1973 เดือน 5 วันที่ 20
เชิงอรรถ
[1] เมืองตงฉี หมายถึง สถานที่ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือออกไป 15 กิโลเมตรของเมืองเฮ่อปี้ในมณฑลเหอหนาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้