เฟิ่งเฉี่ยนกระแอมกระไอเพื่อปกปิดอาการร้อนตัว “ยาถอนพิษนั้นต้องดูที่สรรพคุณของมัน! หากท่านไม่เชื่อก็ดูผู้ติดตามของท่าน ดูว่าพิษในร่างของพวกเขาถูกถอนไปแล้วใช่หรือไม่”
หลีต้าซือหันไปมองคนอื่นๆ เห็นพิษในร่างของพวกเขาถูกถอนไปแล้วจริงๆ สีหน้าของทุกคนกลับมาเป็ปกติ เขาจึงกลืนยาถอนพิษลงไปโดยไม่ลังเลใจอีกต่อไป
ด้วยความที่รีบร้อนกลืนมากเกินไป เขาจึงเรอออกมาเสียงดัง กลิ่นดินตีขึ้นมาจากกระเพาะ หลีต้าซือจึงยิ่งแคลงใจขึ้นอีก “แม่นาง ยาถอนพิษนี้ของเ้าคงไม่ได้ทำมาจากดินหรอกกระมัง”
เฟิ่งเฉี่ยนยืนกรานหนักแน่น “เป็ไปไม่ได้เด็ดขาด! หากนำดินโคลนมาทำเป็ยาถอนพิษได้ เช่นนั้นข้ามิใช่กลายเป็เศรษฐีแล้วหรือ”
ลั่วหยิ่งและอีกหลายคนกลั้นหัวเราะอย่างลำบากยากเย็น เหนียงเหนียงช่างมีความสามารถในการโกหกพกลมตาใสโดยแท้ ยิ่งมายิ่งเหมือนเื่จริงเสียแล้ว!
แค่เศษดินไม่กี่ก้อนผสมกับหญ้าชางเอ๋อร์ไม่กี่ต้น ถึงกับขายออกไปได้ในราคามหาโหดถึงหนึ่งแสนตำลึง คงมีเพียงเหนียงเหนียงเท่านั้นที่ทำได้!
พวกเขาเลื่อมใสในตัวเหนียงเหนียงจริงๆ!
หลีต้าซือคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็ไปไม่ได้ แต่ยังคงรู้สึกตะหงิดๆ ใจว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล ยังดีที่พิษในร่างกายค่อยๆ ถูกถอนออกไป กำลังวังชาจึงฟื้นคืนมาเล็กน้อย เขาจึงผ่อนลมหายใจออกมา
หมอฝึกหัดคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับจากข้างในหุบเขาในเวลานี้เอง เขายืดเอวเหยียดตรงในท่าทีอยู่เหนือผู้อื่น เดินมาหยุดเบื้องหน้าเซวียนหยวนเช่อ เขาโค้งกายคำนับแล้วกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าฝ่าาแห่งแคว้นเป่ยเยียนเสด็จมาเยือน ไม่ได้ออกมาต้อนรับ คุณชายของกระหม่อมทราบว่าพระองค์เสด็จมาจึงให้กระหม่อมออกมาต้อนรับโดยเฉพาะ! ฝ่าา เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ--”
เซวียนหยวนเช่อ เฟิ่งเฉี่ยนและพวกเดินเข้าไปในหุบเขาไป่ฮวาภายใต้การนำทางของหมอฝึกหัด ท่ามกลางทะเลดอกไม้ ตรงกลางมีเรือนที่สร้างขึ้นจากไม้ไผ่หลังหนึ่ง เรือนไผ่หลังนี้ดูไปแล้วเรียบง่ายและเงียบสงบ ให้ความรู้สึกราวกับเป็โลกอีกแห่งหนึ่ง
ด้านนอกเรือนไผ่มียอดฝีมือในชุดเกราะสีดำกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ เฟิ่งเฉี่ยนจำได้ว่าคนเหล่านี้เป็คนของจิ่งเทียนไท่จื่อ นางไม่ประหลาดใจอะไรเพราะคาดเคาได้แต่แรกแล้วว่าพวกเขาย่อมต้องมาหุบเขาไป่ฮวาเช่นกัน
“ฝ่าา เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ--”
หมอฝึกหัดผายมือ เฟิ่งเฉี่ยนเดินตามเซวียนหยวนเช่อเข้าไปในเรือนไผ่
ภายในเรือนไผ่มีคนทั้งหมดสามคน เฟิ่งเฉี่ยนเห็นมู่หรงจิ่งเทียนสองพี่น้องก่อน คนทั้งสองมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้รับผลกระทบอันใดจากเื่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เฟิ่งเฉี่ยนลอบประหลาดใจ ด้วยคิดว่าเื่นี้บังเอิญเกินไป นางหันไปมองบุคคลที่สาม
นางพลันตัวแข็งกลายเป็หินในชั่วขณะ ความรู้สึกอันรุนแรงถาโถมเข้ามาในจิตใจ...
คนผู้นั้นเอนกายนอนอยู่บนตั่งนุ่มอย่างเกียจคร้าน อิริยาบถไม่น่าดูนัก ทว่ากลับให้ความรู้สึกเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวน อาภรณ์และเส้นผมที่ไม่ได้รวบปลิวไสว ผิวพรรณเนียนละเอียดใต้อาภรณ์สีแดงสดมิใช่ใครก็สามารถเปรียบเทียบได้ มันแทบจะเรืองแสงได้
ที่ทำให้เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึงอย่างที่สุดก็คือ คนผู้นั้นมีรูปโฉมเป็พิมพ์เดียวกับศิษย์พี่ของนาง!
ใบหน้างดงามประดุจหยกไร้ตำหนิ ดวงตาเรียวยาว หางตาชี้ขึ้นบนเล็กน้อย เย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์ ราวกับปีศาจตนหนึ่ง
“ศิษย์พี่--” นางเรียกออกไปอย่างห้ามไม่อยู่พร้อมกับพุ่งเข้าไปหาบุรุษคนนั้นด้วยความตื่นเต้นยินดี
เซวียนหยวนเช่อ มู่หรงจิ่งเทียน มู่หรงจื่ออวิ๋น ทั้งสามคนมองมาทางนางอย่างประหลาดใจ
นางเรียกขานเซียนพิษว่า ศิษย์พี่หรือ
วินาทีที่มือของเฟิ่งเฉี่ยนเกือบจะัักับมือของบุรุษผู้นั้น ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อก็สามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ริมฝีปากบางกว่าสตรีแท้ๆ นั้นแย้มเปิดออกกล่าวว่า “แม่นาง อาจารย์ของข้าเคยรับข้าเป็ศิษย์เพียงคนเดียว ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าข้ามีศิษย์น้องหญิงอีกคนหนึ่ง!”
เขาหัวเราะเบาๆ สายตานั้นแสดงให้เห็นถึงความเย้ยหยันอย่างชัดเจน
เฟิ่งเฉี่ยนหัวใจหล่นวูบ นางได้สติขึ้นมาทันใด บุรุษตรงหน้าคนนี้มิใช่ศิษย์พี่ เขาเพียงแต่มีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนศิษย์พี่เท่านั้น
แม้ในยามปกติศิษย์พี่จะดูเ็า ทว่าแต่ไรมาเขาไม่เคยใช้สายตาเยี่ยงนี้มองนาง เขาจะเืเย็นกับผู้อื่นอย่างไรก็ได้ แต่กับนางแล้วมีเพียงความรักและเอ็นดู
ความรักของเขา ไม่เคยแสดงออกมาให้เห็นง่ายๆ
เขาไม่ใช่ศิษย์พี่--
นางหัวเราะเสียงขื่น
ที่แท้ การจะหาความอบอุ่นบนโลกใบนี้ช่างเป็เื่ยากเช่นนี้
“ถูกต้อง ท่านไม่ใช่เขา”
ฮวาเมิ่งหยิ่งตวัดสายตามองนางอย่างประหลาดใจ นางมิได้มีสีหน้ากระดากใจเมื่อถูกผู้อื่นเปิดโปง ในทางตรงกันข้ามกลับมีความผิดหวังพาดผ่าน ดวงตาเรียวยาวนั้นเลิกขึ้นเล็กน้อยตวัดสายตาผ่านนางไปอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาตกลงบนร่างของเซวียนหยวนเช่อ และเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าฝ่าาแห่งแคว้นเป่ยเยียนเสด็จมาเยือนเรือนโกโรโกโสของกระหม่อม มีเื่ด่วนอันใดหรือ”
เซวียนหยวนเช่อพูดจาเปิดอก “อาจารย์ผู้มีพระคุณของเจิ้นต้องพิษประหลาด เจิ้นจึงคิดจะเชิญคุณชายฮวาไปถอนพิษให้เขา!”
มู่หรงจื่ออวิ๋นเอ่ยปากขึ้นมาในตอนนี้ “อาเช่อ ขออภัยด้วย เกรงว่าคงต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้ว! คุณชายฮวาเพิ่งจะรับปากว่าจะไปเมืองหลวงของพวกเราสักเที่ยว”
เซวียนหยวนเช่อขมวดคิ้วมองไปทางฮวาเมิ่งหยิ่งราวกับ้าคำยืนยัน
ฮวาเมิ่งหยิ่งพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าได้รับปากพวกเขาไปแล้ว”
เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึงเล็กๆ คิดไม่ถึงว่าพวกเขามาช้าไปก้าวเดียว แต่นางยังคงไม่ยอมถอดใจ “ข้าถามสักหน่อยได้หรือไม่ว่า อะไรทำให้ท่านตัดสินใจรับปากเงื่อนไขของพวกเขา”
ว่ากันตามเหตุผลแล้วในมือของพวกเขาไม่มีหมูเทพ และไม่มีเชื้อไฟจุดิญญา เทพอาหารที่จ้างมาก็ยังเดินทางมาไม่ถึง เหตุใดจึงได้ตัวเซียนพิษไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ นางคิดไม่ตก!
ฮวาเมิ่งหยิ่งหยิบตำราสีน้ำเงินออกมาเล่มหนึ่ง และพูดกลั้วหัวเราะ “เพราะ 《คัมภีร์พิษ》เล่มนี้!”
เฟิ่งเฉี่ยนจับจ้องสายตามองไป เห็นเพียงกระดาษสีเหลืองคร่ำคร่าของตำราเล่มนั้น ดูเหมือนมีอายุเก่าหลายปี บนหน้าปกของมันเขียนอักษรไว้ว่า 《คัมภีร์พิษ》
ถึงกับเป็เพราะคัมภีร์เล่มหนึ่ง แต่ที่ได้ยินมาเขามิใช่ชอบกินชนิดเอาเป็เอาตายหรอกหรือ เหตุใดคัมภีร์เล่มหนึ่งก็ซื้อตัวเขาได้แล้วเล่า
มู่หรงจื่ออวิ๋นดูเหมือนจะอ่านความคิดของเฟิ่งเฉี่ยนออก นางจึงคลี่ยิ้มพูดด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจว่า “เ้ากำลังคิดว่าที่ข้างนอกร่ำลือกันว่าเซียนพิษเป็คนชอบกินอาหารอร่อยเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมูสามชั้นในน้ำซอส ดังนั้นพวกเ้าจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจแย่งชิงหมูเทพและเชื้อไฟจุดิญญาในป่าหมอกดำ คิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะเป็ฝ่ายได้เปรียบ แต่พวกเ้าจะต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่า นอกจากชอบกินอาหารอร่อยแล้ว เซียนพิษยังชอบศึกษาศาสตร์เกี่ยวกับพิษขั้นสูงสุดอีกด้วย! 《คัมภีร์พิษ》เล่มนี้ เป็คัมภีร์พิษเพียงเล่มเดียวที่าาแห่งพิษในอดีตได้จดบันทึกรวบรวมเกี่ยวกับพิษประหลาดและวิธีถอนพิษนับร้อยชนิดในใต้หล้าเอาไว้ ข้าประมูลมันมาจากงานประมูลในราคาสูงลิ่ว เป็เล่มเดียวในใต้หล้านี้ไม่มีเล่มที่สอง!”
เป็เช่นนี้นี่เอง!
พวกเขาประมาทเกินไป คิดว่ามีหมูเทพและเชื้อไฟจุดิญญาไว้ในมือก็จะเป็ฝ่ายได้เปรียบ คิดไม่ถึงว่าผู้อื่นยังมีไม้ตายอย่างอื่นอีก!
ไม่ได้ จะยอมรับความพ่ายแพ้เยี่ยงนี้ไม่ได้! หาไม่แล้วชีวิตของมู่ไท่ฟู่ย่อมตกอยู่ในอันตราย!
นางรับปากพี่ใหญ่มู่ไว้แล้วว่าจะต้องรักษาอาการป่วยของไท่ฟู่ให้ได้ นางจะเสียคำพูดไม่ได้! อีกทั้งนางยังคาดหวังให้ไท่ฟู่เป็อาจารย์ของเย่เอ๋อร์ สอนให้เขาร่ำเรียนศึกษา สอนให้เขาเป็คนมีเหตุมีผล
ดังนั้น นางจะถอดใจไม่ได้เป็อันขาด!
นางกลอกตาติดๆ กันสามรอบ พลันคิดแผนการออกมาได้ นางชี้ไปที่ 《คัมภีร์พิษ》เล่มนั้น “คุณชายฮวา ข้าขอดูคัมภีร์เล่มนั้นสักหน่อยได้หรือไม่”
ฮวาเมิ่งหยิ่งไม่คิดว่านางจะมีข้อเรียกร้องเช่นนี้ จึงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วโยนตำราข้ามไปให้นาง ดูซิว่านางจะกล้าแย่งชิง 《คัมภีร์พิษ》ไปต่อหน้าต่อตาเขาหรือไม่
มู่หรงจื่ออวิ๋นกลับขมวดคิ้วรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี แต่นางก็พูดไม่ถูกว่าเป็เพราะอะไร
เฟิ่งเฉี่ยนรับคัมภีร์มา นางไม่ได้เปิดอ่าน แต่พลิกเปิดคัมภีร์กลับหน้ากลับหลังไปมาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้าหงึกหงักและพูดว่า “เหมือน เหมือนจริงๆ!”
ฮวาเมิ่งหยิ่งถามขึ้นอย่างแปลกใจ “เหมือนอะไรหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนจงใจส่ายหน้าด้วยท่าทีมีลับลมคมใน “ไม่มีอะไร”
พูดแล้วนางก็เปิดตำราอ่านไปทีละหน้าพร้อมกับรำพึงรำพรรณกับตัวเองว่า “น่าแปลก เกือบจะเหมือนทุกอย่าง แต่จะเป็ไปได้อย่างไรกันเล่า หรือข้าจำผิดเอง”
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นล้วนเป็ยอดฝีมือทั้งสิ้น คำพูดเหล่านี้ของนางย่อมดังเข้าไปถึงโสตประสาทของทุกคนโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
เซวียนหยวนเช่อเห็นเช่นนั้น ราวกับเขามองเห็นทุกอย่างชัดเจน แววตาของเขาปรากฏให้เห็นรอยยิ้มพาดผ่าน