“ใต้เท้าพูดได้ถูกต้อง คนผู้นี้คือตัวการที่จับตัวชีเหนียงมา ส่วนคนอื่นถูกข้าจับเข้าคุกหมดแล้ว เห็นทีเขาไม่ได้พูดความจริง ใต้เท้าลองไปสอบสวนหลวงจีนก่อน ส่วนคนผู้นี้ยกให้เป็หน้าที่ข้าก็พอ”
จ้าวจือชิงกระทืบชายร่างใหญ่อีกครั้ง จางซานที่ถูกเขาทุบตีไม่กล้าโต้ตอบแต่อย่างใด
“ท่านจอมยุทธ์ ท่านจอมยุทธ์ ข้าสารภาพไปหมดแล้วจริงๆ วัดเฉิงเอินคือที่พักแรมของเราในอำเภอเฉา ซึ่งเราเพียงแค่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งให้กับเ้าอาวาสที่นี่ก็พอ ในอดีตหากมีคนหลบหนีและถูกจับได้ ก็จะมีเ้าอาวาสวัดเฉิงเอินคอยจัดการ พวกเรามีหน้าที่แค่พาคนที่เหลือไป”
“ข้าน้อยพูดความจริง แม้หลวงจีนเหล่านี้จะแลดูจิตใจเมตตา หากแต่ความเป็จริงแล้วกลับละโมบโลภมาก พวกข้าแค่ขายคนหาเงิน แต่พวกเขาไม่ใช่ พวกเขายังบ้าตัณหาและโลภในทรัพย์อีกด้วย”
ตอนนี้จางซานสารภาพหมดทุกสิ่งอย่าง เดิมทีเขาคิดจะละเว้นหลวงจีนในวัดเฉิงเอินไว้และตบตาจ้าวจือชิง ภายภาคหน้าเขาก็ยังสามารถยืมวัดเฉิงเอินไว้ทำกิจการต่อ ใครจะรู้ว่าคนที่เขาจับมาครั้งนี้กลับเก่งกาจจนถึงขั้นหลบหนีไปเองได้ ในอดีตก็เคยเกิดเื่เช่นนี้มาหนึ่งครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีหนที่สองอีก
จ้าวจือชิงรู้ว่าจางซานหมดเื่ที่จะสารภาพแล้ว จึงส่งตัวให้กับหยางหนิง ส่วนทางหยางหนิงไม่ว่าเขาจะบีบบังคับ ใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อนอย่างไรก็ตาม เ้าอาวาสก็ปิดปากเงียบไม่พูดจาและบอกว่าตนบริสุทธิ์อยู่ตลอด เ้าหน้าที่ที่ไปค้นหารอบวัดเฉิงเอินก็ไม่เจอสถานที่ซ่อนอันใดอีก
“ท่านเ้าอาวาสฝ่าหยวน ท่านยังไม่ยอมรับอีกหรือ?” หยางหนิงเห็นจ้าวจือชิงนำคนออกมา อีกฝ่ายพยักหน้ากับเขา จึงเป็อันรู้กันว่าจางซานสารภาพแล้ว
ฝ่าหยวนคือฉายาของเ้าอาวาสวัดเฉิงเอิน ทางเ้าอาวาสฝ่าหยวนหาได้มีความหวั่นไหวใดๆ ให้เห็นแม้แต่น้อย “อมิตาพุทธ อาตมาเป็เ้าอาวาสวัดเฉิงเอินมานานกว่าสามสิบปี นับั้แ่ตัดสินใจเป็บรรพชิตก็มิเคยกระทำสิ่งใดให้ละอายใจต่อพระโพธิสัตว์ วันนี้ใต้เท้าบุกล้อมวัดเฉิงเอินของอาตมาโดยไม่แบ่งแยกผิดชอบชั่วดี ไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อันใดกันแน่?”
“อีกทั้งยังใส่ความว่าวัดของเรากระทำเื่สกปรก อาตมาจึงไม่มีคำใดจะเอ่ยอีก”
ฝ่าหยวนส่ายหน้าระอาอย่างหนัก ทำเหมือนกับว่าตนเองถูกใส่ความและไม่อาจโต้เถียงได้ หากทางการยืนกรานจะยัดเยียดความผิดให้วัดเฉิงเอิน เช่นนั้นพวกเขาก็ขอน้อมรับไว้แต่โดยดี
จากนั้นเ้าอาวาสวัดฝ่าหยวนก็เริ่มนั่งขัดสมาธิและสวดมนต์ หลวงจีนที่อยู่ด้านหลังเองก็ปฏิบัติตามเ้าอาวาส
จ้าวจือชิงหัวเราะเ็า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ
“เ้ารู้จักคนผู้นี้หรือไม่?”
จ้าวจือชิงจับหน้าของจางซานให้หันไปทางฝ่าหยวน หากแต่เ้าอาวาสกลับเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เหมือนคาดเดาไว้ได้ั้แ่แรก จึงไม่ได้มีความตื่นตระหนกใแม้แต่น้อย จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้ง
จางซานเห็นเช่นนั้นด่ากราด “เ้าหัวล้าน เ้าแสดงได้เหมือนนัก! ตอนนั้นที่ถามข้าเื่แบ่งเงิน ไม่ใช่ท่าทางของหลวงจีนสูงส่งเช่นนี้นี่นา พอเื่ถูกเปิดโปง เ้าคงไม่ได้อยากให้ข้ารับผิดแทนเ้าหรอกนะ!”
“เ้าหัวล้าน เ้าช่างเ้าเล่ห์เพทุบายนัก! มิน่าตอนนั้นที่ข้าขู่เ้า เ้าก็ยินดีให้เราใช้วัดเฉิงเอินเป็แหล่งกบดาน กระทั่งตระเตรียมห้องใต้ดินไว้ให้ซ่อนคนได้เป็อย่างดิบดี เ้าบอกมานะ เ้าเคยทำเื่ชั่วช้าเหล่านี้มาก่อนใช่หรือไม่?”
จางซานพุ่งเข้าไปด่าทอฝ่าหยวน มือที่กำลังนับลูกประคำใต้แขนเสื้อของฝ่าหยวนชะงักเล็กน้อย
ช่างโง่เขลานัก! หากตนรู้ว่าอีกฝ่ายจะโง่เช่นนี้คงไม่คิดที่จะร่วมมือด้วยเป็แน่ แค่ถูกคนข่มขู่ก็สารภาพจนหมดเปลือก โชคยังดีที่ตอนนั้นตนไม่เคยบอกกับอีกฝ่ายว่ายังมีสถานที่ซ่อนอื่นในวัด มิเช่นนั้นวันนี้ทุกสิ่งที่ทำมาคงล่มสลายไม่เป็ท่า
เมื่อนึกถึงว่าสถานที่ลับของตนไม่มีทางถูกพบโดยง่ายเป็แน่ ฝ่าหยวนก็สงบจิตใจลง
จ้าวจือชิงที่คอยสังเกตท่าทางของเ้าอาวาสอยู่ก่อนแล้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีผ่อนคลายขึ้นมา ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคงซ่อนผู้เคราะห์ร้ายไว้อย่างมิดชิดแน่นอน
เขาโน้มตัวกระซิบกับหยางหนิง จากนั้นหยางหนิงก็พยักหน้า ผ่านไปชั่วครู่ก็เห็นมือปราบจูงสุนัขมา
จ้าวจือชิงล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อตนเองก่อนจะยื่นให้สุนัขดม จากนั้นก็ให้มือปราบปล่อยสุนัข ส่วนเขาก็ตามหลังสุนัขไปเพื่อค้นหา
......
ทางด้านเยี่ยนรั่วเสวี่ยกับบ่าวชราที่ยังเดินเล่นอยู่ด้านหลังวัดเฉิงเอิน เมื่อได้ยินเสียงสุนัขก็สะดุ้งใ
“คุณหนู ระวังขอรับ”
ลุงเยี่ยนเดินมาขวางไว้ตรงหน้าเยี่ยนรั่วเสวี่ยและมองดูสุนัขที่วิ่งผ่านตนเอง จากนั้นก็มีชายร่างใหญ่วิ่งตามสุนัขไป
ลุงเยี่ยนจ้องมองเงาชายร่างใหญ่พลันความรู้สึกคุ้นเคยก็พุ่งขึ้นมา
“ไม่ เป็ไปไม่ได้…”
เยี่ยนรั่วเสวี่ยเห็นเขาจ้องคนผู้นั้นและเหม่อลอย จึงส่งเสียงเรียก “ลุงเยี่ยน? ลุงเยี่ยน?”
“อ๊ะ คุณหนู บ่าวอยู่นี่ขอรับ”
“ลุงเยี่ยน เป็อะไรไป? คนเมื่อครู่ท่านรู้จักหรือ?”
“น่าจะตาฝาดไปขอรับ”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยจบ ก็เห็นหยางหนิงในชุดว่าการพาเ้าหน้าที่สองสามคนวิ่งตามมา
“ขอเรียนถาม ท่านลุงเห็นคนกับสุนัขหรือไม่?”
หยางหนิงเพิ่งถามจบ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะ
“ท่านน้าเขย?”
หยางหนิงเงยหน้าขึ้นดู ก็พบกับเด็กสาววัยสิบห้าสิบหกที่เรียกตนเองว่าน้าเขย หน้าตาของนางดูคล้ายกับภรรยาของเขาอยู่บ้าง หรือจะเป็…
“รั่วเสวี่ยหรือ?”
“ท่านน้าเขย ข้ารั่วเสวี่ยเองเ้าค่ะ”
เยี่ยนรั่วเสวี่ยคือลูกของพี่สาวตู้ิเจวียน ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่ในเมืองหลวงมาโดยตลอด ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่อำเภอเฉา
“เ้ามาั้แ่เมื่อใด? ได้บอกกับน้าเล็กเ้าหรือไม่?”
“เรียนท่านน้าเขย รั่วเสวี่ยเพิ่งมาถึงไม่นาน กำลังคิดจะไปเยี่ยมท่านน้าเล็กเ้าค่ะ”
หยางหนิงพยักหน้าและคิดได้ว่าตู้ิเจวียนยังอยู่ในเพิงร้านน้ำชาไม่ไกลจากวัดเฉิงเอิน “รั่วเสวี่ย ตอนนี้น้าเล็กเ้าอยู่ละแวกนี้ ข้าจะให้คนพาเ้าไปหานาง ตอนนี้ข้ายังมีธุระ คงอยู่เป็เพื่อนเ้าไม่ได้”
ขณะพูดก็เรียกคนมาและให้พาเยี่ยนรั่วเสวี่ยกับบ่าวรับใช้ไปหาตู้ิเจวียน
คนทั้งหมดตามสุนัขมาถึงห้องปีกแห่งหนึ่ง ตำแหน่งของห้องปีกนี้ดียิ่งนัก สามารถมองเห็นูเาลำธารไกลๆ รอบข้างล้วนเป็ูเาปลอมกับต้นไผ่เขียว
สุนัขหยุดอยู่ที่แห่งนี้ แสดงว่าสถานที่นี้ต้องมีอะไร
“ใต้เท้า ในห้องมีคน!”
หยางหนิงรีบไปเคาะประตูและเปิดออก คนด้านในคือเฉินเจ๋อิ
“โอ้ ใต้เท้าหยางนี่เอง นี่ลมอะไรพัดท่านมากัน” เฉินเจ๋อิเห็นหยางหนิง ชัดเจนว่าเขาใไปชั่วขณะ เมื่อเห็นด้านหลังเขามีทหารตามมาด้วยก็ขมวดคิ้ว “เกิดเื่ใหญ่อะไรหรือ ถึงมีคนมามากมายเช่นนี้ ช่างคึกคักเสียนี่กระไร!”
เดิมทีจ้าวจือชิงยังมีความมั่นใจอยู่บ้างว่าสถานที่แห่งนี้ต้องซ่อนคนไว้แน่ แต่เมื่อเห็นเฉินเจ๋อเมิง ความมั่นใจก็เปลี่ยนเป็เต็มเปี่ยม
เฉินเจ๋อิ!
จ้าวกวงสารภาพว่าเฉินเจ๋อิคือคนที่สั่งให้ไปทำร้ายชีเหนียง จากนั้นก็เป็จ้าวเฉียงจากโรงพนันสือวานที่สารภาพว่าเฉินเจ๋อิไปหาตนถึงที่ ตอนนี้เฉินเจ๋อิปรากฏตัวอยู่ที่นี่อีก หรือว่าครั้งนี้ที่ชีเหนียงถูกคนลักพาตัวก็เป็ฝีมือเขา?
เฉินเจ๋อิเพิ่งพูดจบ ก็รู้สึกถึงสายตาคมกริบมองมาที่ตนเอง สายตานั้นเหมือนจะเลาะเส้นเอ็นและถลกหนังเขาให้ได้ พอมองอย่างละเอียดกลับไม่พบอะไร
จ้าวจือชิงขณะนี้กำลังยืนอยู่ด้านหน้าูเาปลอม สุนัขตัวนี้มาถึงที่ตรงนี้และไม่ขยับอีก แตู่เาปลอมนี่จะมีอะไรได้
เขาหันเข้าไปด้านในและอยู่ในนั้นพักใหญ่ หยางหนิงกับคนที่เหลือรออยู่ตลอด
เฉินเจ๋อิไม่กระจ่าง ดังนั้นจึงหัวเราะ “ใต้เท้าหยางช่างมีเวลาว่างเหลือเกิน ไม่มีอะไรทำกลับมาเล่นกับเ้าทึ่มคนหนึ่ง ช่างน่าสนใจ น่าสนใจนัก!”
หยางหนิงไม่หวั่นไหวตามและหันหลังให้เขา ขณะที่คิดในใจ หากจ้าวจือชิงเป็เ้าทึ่ม เกรงว่าแม้แต่เ้าคงสู้คนทึ่มคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
-----