ผู้สาวสายฝอ

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์


อวิชชา...วิชามาร หรือ อะไรกัน

--------------------------------


๰่๭๫เย็นเลิกงานน้อยหน่ารีบมาที่โต๊ะของคนึงนิจได้เวลาห้าโมงตรงเผง แล้วทั้งคู่รีบออกจากตัวตึกข้ามไปฝั่งตรงข้ามสั่งอาหารจานเดียวมากินอย่างเร่งรีบ เพราะเพื่อนเธอบอกว่าบ้านหมอดูอยู่ไกลแถวนอกเมือง น่าจะแถวๆ บ้านของคนึงนิจ เส้นทางเลยออกไปทางบางบัวทอง 


ทั้งสองไปถึงค่อนข้างค่ำมากเกือบทุ่มเศษ บ้านไม้สองชั้นเก่ามากตัวบ้านน่าจะเกินสามสิบปี น้อยหน่าจับมือคนึงนิจอย่างไม่แน่ใจ

“เฮ้ย...ไหนๆ มาถึงแล้ว มันจะถอยไม่ได้นะ” เธอบอกน้อยหน่าแบบใจกล้า แต่ในใจก็ตื่นเต้น หน้าตาของบ้านเหมือนบ้านผีสิง

“นี่ถ้ามาคนเดียว ฉันหนีก่อนเลย ไม่กล้าลงจากรถอ่ะ” น้อยหน่าทำหน้าหวาดกลัว

“ใครแนะนำ...”

“ป้าฉันนะสิ...”



ทั้งสองคนโผล่หน้าเข้าไปก่อน ขณะที่คนข้างในเปิดออกมาพอดี ข้างในเป็๲โถงกว้างมีคนกำลังรออยู่แล้วสามคน หนึ่งในสามกำลังเข้าไปทำพิธีอยู่

“โห...นี่มูกันแบบสุดๆ เลยว่ะ” คนึงนิจมองพิธีแบบเสกคาถาร่ายภาษาที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน

“นั่นดิ...เข้าท่าไหม กลัวเสียเงินฟรี” 

“ไม่ลองไม่รู้”


และแล้วผู้ชายแต่งตัวแบบพราหมณ์ห่มผ้าสีขาวผ้านุ่งแบบโจงกระเบน กวักมือเรียกสองคน

“อีหนูสองคนนั่น เข้ามาได้เลย” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยเบาๆ เหมือนคนไร้เรี่ยวแรง

“สวัสดีค่ะ...” น้อยหน่ากล่าวทักทาย แต่คนึงนิจเงียบ

“นางคนนั้น...กำลังจะมีเคราะห์” ชายเสียงแหบแห้งมองจ้องมาที่เธอ

“เอ้า...ไงเป็๞อย่างนี้ล่ะคะ...” 

“เราน่ะ...อยู่กับใครล่ะตอนนี้” เขาถามขึ้นจ้องตาเธอเขม็ง

“เอ่อ...อ่า...” คนึงนิจไม่ตอบ นิ่งเงียบไม่อยากเปิดเผย เพราะน้อยหน่าไม่รู้เ๹ื่๪๫ส่วนตัวของเธอมากนัก

“อีหนู ไม่อยากบอกก็ไม่เป็๲ไร...ระวังไว้ล่ะกัน” เขาเตือนด้วยน้ำเสียงกังวล

“แล้วหนูต้องทำอะไรบ้างคะ” 

“ถือศีล...ละเว้นเนื้อสัตว์ ได้ไหมล่ะ อาจจะช่วยให้เคราะห์เบาลง” เขาแนะนำ 

“เหรอคะ...ทำยังไงคะ” 

“อย่ากินเหล้า ห้ามกินเนื้อสัตว์ ได้ไหม” 

“ได้ค่ะ...แล้วหนูต้องไปถือศีลไหมคะ”

“มาถือศีลที่นี่...เสาร์อาทิตย์มาอยู่บ้านพ่อปู่นี่” เขาเรียกตัวเขาเองว่าพ่อปู่ 

“อีหนูนี่...มีเ๹ื่๪๫ทุกข์ใจคู่ครองล่ะสิ” ชายชราอายุหกสิบเศษทักน้อยหน่าโดยไม่ต้องขอข้อมูล

“ค่ะ...หนูอยากให้พ่อปู่ช่วยค่ะ” เธอพูดตะกุกตะกัก

“มาถือศีลด้วยกันเสาร์อาทิตย์นี้เลย พ่อปู่จะช่วยให้ผัวเรากลับมา” เธอหันไปจ้องหน้าของคนึงนิจ แบบขอความเห็น

“เราว่างนะ เธอว่างไหม” 

“ได้...จะเอาลูกไปฝากบ้านแม่เลยพรุ่งนี้วันศุกร์” น้อยหน่าตัดสินใจอย่างไม่ลังเล เพราะชายชราทำนายเ๹ื่๪๫ของเธอทันทีโดยไม่ได้ถามอะไรก่อน

“อีหนูนี่...เอาตุ๊กตาตัวนี้ไปวางไว้ที่ห้องนอน” หมอดูผู้นี้หันหลังลุกขึ้นเดินเปิดประตูห้องเข้าไปข้างใน แล้วอุ้มตุ๊กตาหน้าสวยตัวหนึ่งออกมาทันที 


จากนั้นเขาก็นั่งลงต่อหน้าคนึงนิจ ร่ายคาถาเสกเป่าอะไรบางอย่าง และอุ้มตุ๊กตาตัวเกือบเท่าทารกน้อยซึ่งเธอมีอยู่แล้วเมื่อคืนแบบนี้เลย ไม่รู้ว่าสุธนว่าที่สามีของเธอไปเอามาจากที่ไหน บอกแต่เพียงว่า ลูกน้องในสถานีตำรวจมอบให้ผู้กำกับที่เพิ่งย้ายออกไป แต่ผู้กำกับท่านนั้นรับไว้แล้วเอามาวางไว้ที่โต๊ะทำงานของสุธนแทน เขาจึงเอากลับมาให้เธอ ซึ่งน่าจะเหมาะสมกับสาวน้อยวัยยี่สิบเจ็ดอย่างเธอ

“หนูมีอยู่ตัวหนึ่ง เหมือนกันเลยค่ะ” เธอพลั้งพูดออกไป

“นั่นล่ะ...ทำให้เรามีปัญหา...เอาตัวนี้ไปแก้ให้เป็๲เพื่อนกัน” เสียงแหบแห้งของเขาดูจริงจังมาก

“แล้วทุกอย่างจะไปด้วยดี”

“อีหนูคนนี้ เอาตัวนี้ไป...” ชายชรายื่นส่งตุ๊กตากุมารทองให้น้อยหน่า 

“มันจะคอยตามไปกระซิบเตือนผัวเรา ไม่ให้กลับไปหาคนนั้นอีก” เสียงแหบแห้งเอ่ยอย่างมุ่งมั่นว่ามันจะได้ผล

“แล้วต้องบูชาคาถาอะไรไหมคะ”

“ไม่ต้องพ่อปู่ลงมนต์บังบดให้หมดแล้ว” เขาพูดกับน้อยหน่าไม่ให้กังวล

“หนูสองคนจะมาถึงวันเสาร์กี่โมงคะ ต้องเตรียมอะไรบ้าง” คนึงนิจสอบถาม

“ไปซื้อชุดขาวมาปฏิบัติธรรม มาเก้าโมงจะได้อาบน้ำมนต์ล้างซวย” ชายชราพูดชัดถ้อยชัดคำชัดเจนมาก

“โห...พวกหนูนี่...ขนาด ซวย เลยรึ” คนึงนิจพูดแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“พ่อปู่เรียกแบบนี้ แต่บางคนไม่ได้ซวยกันหมด แค่เบาๆ ก็มี ไม่ถึงขนาดเ๧ื๪๨ตกยางออกหรอก” เขาหัวเราะเบาๆ 

“แต่อีหนูคนนี้...” เขาหันมาที่คนึงนิจมองหน้าตาเธออย่างจับจ้อง

“เรามีเคราะห์นะ...พ่อปู่อยากให้ออกจากบ้านที่อยู่ตอนนี้สักสามเดือน” 

“จะเป็๲ไปได้ยังไงกัน” เธอพึมพำเบาๆ แบบไม่อยากให้อีกฝ่ายได้ยิน

“มาปัดวิบากกรรม...เสาร์อาทิตย์นี้แล้วจะรู้เอง” เขาพูดเชิงท้าทาย


ทั้งสองคนลาชายชราที่เรียกตนเองว่าพ่อปู่ กำลังเดินกลับมาที่รถน้อยหน่าได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังจึงรับสาย

“ค่ะ...จะรีบกลับเลย” น้อยหน่าวางสายอย่างกังวล บอกเพียงว่าลูกชายร้องละเมอหาแม่ พี่เลี้ยงบอกว่าน่าจะเป็๲ไข้

“เธอนั่งแท็กซี่กลับบ้านเถอะ...ขอโทษทีเพื่อน” น้อยหน่าทำหน้ารู้สึกผิด

“ไม่เป็๲ไร...ฉันจะอุ้มน้องนี่ขึ้นแท็กซี่นี่นะ...” เธอทำหน้าขำกับตัวเอง

เมื่อคนึงนิจเรียกแท็กซี่ได้เธอจึงลาน้อยหน่าที่รออยู่เพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนขึ้นแท็กซี่ได้แล้วจึงจะขับออกไปจากหน้าปากซอยบ้านหมอดู


“นั่นลูกเทพ...ไปเอามาจากไหนครับหนู” ลุงคนขับแท็กซี่ทักขึ้น

“คือพ่อปู่...ให้มาค่ะ” เธอตอบไปเฉยๆ

“หลายคนแล้ว ผมรับผู้โดยสารตรงหน้าปากซอยนี้ ก็อุ้มตุ๊กตานี้มาด้วย”

“ทำไมหรือคะ...”

“บางคนก็เชื่อบางคนก็ไม่เชื่อ”

“ผมคนหนึ่งที่คิดว่า ความเชื่อมันแล้วแต่คน บางทีเขาทักเ๱ื่๵๹ที่เราทุกข์พอดี แล้วมันบังเอิญตรง...ก็คิดกันว่าแม่น” ลุงคนขับพูดยิ้มๆ

“ลุงว่า...อาชีพหลอกกินเงินไหมคะ”

“ผมว่าบางคนรวยเพราะแบบนี้”


คนึงนิจลงจากรถแท็กซี่ตรงเข้าบ้านไป ขณะที่สุธนออกมาเปิดประตูหน้าบ้านไว้รอ เธอมองเข้าไปพบว่าที่สามีอายุมากกว่าเธอเกือบสิบห้าปีกำลังนอนเอกเขนกดูทีวีอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น เขาเป็๲หนุ่มใหญ่อายุสี่สิบกว่าที่เคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้วแต่ไม่มีลูก แยกทางเดินกับภรรยาคนเก่าและมาเจอสาวน้อยเพิ่งอายุยี่สิบปลายๆ อย่างเธอ เลยขอเข้ามาเป็๲คุณพ่ออุปถัมภ์แบบเปิดใจโต้งๆ กันไปเลย ส่วนสาวน้อยขณะนั้นเธอมีปัญหาครอบครัวหมุนเงินไม่พอค่าใช้จ่าย บังเอิญน้องชายจะต้องเข้าเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัย เธอเลยตอบตกลงแบบขอให้เขาช่วยค่าใช้จ่ายของน้องชายที่เธอเป็๲หนี้นอกระบบอยู่ เธอมีเงื่อนไขแบบเป็๲สัญญาใจไม่ผูกมัด เพราะเธอยังไม่อยากมีสามีเป็๲ตัวเป็๲ตน


“เอ้า...ไปเอามาจากไหนอีกตัวล่ะนี่” เขาทักขึ้นเมื่อเห็นเธออุ้มตุ๊กตาหน้าสวยเข้ามาด้วย

“หมอดูให้มาค่ะ” เธอพูดขณะกำลังเปิดประตูเข้าห้องนอนชั้นล่าง

“ดี...จะได้เป็๲เพื่อนกัน” เขาหัวเราะหึหึ


สุธนแอบมองสาวน้อยที่เดินหายเข้าห้องไป ในใจคิดว่าเขานี่ช่างใจดีปราณีราวกับเป็๲พ่อพระ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าทำไมไม่ลงมือให้มันสิ้นเ๱ื่๵๹สิ้นราว เด็กสาวคนนี้จะได้อยู่ในกำมือ และคำพูดซึ่งวนเวียนในใจมาตลอดก็ดังขึ้น เขายังไม่อยากบังคับเพราะไม่อยากให้เธอมองเขาในทางที่ไม่ดี เห็นแก่ตัวเป็๲เหมือนเฒ่าหัวงูเลี้ยงต้อยทำนองนั้น อยากให้เธอมองเห็นความดีในตัวเขา แล้วสุดท้ายเขาจะสมหวังอย่างที่คิดไว้


คนึงนิจเปิดประตูหน้าตาตื่น ปากคอสั่นวิ่งมากอดสุธนแน่น

“คุณพ่อ...ตุ๊กตานั่น...เอ่อ...เอ่อ” เธอหลับตาเอาหน้าซุกอกเขาแน่นไม่อยากมองด้านหลัง

“ร้องกรี๊ดเสียงดังมาก...” ใจเต้นรัวหน้าซีดเหมือนเห็นผี

“หูแว่ว...ไปมั้ง”

“มัน...มัน...” เธอเหลือกตา๻๠ใ๽เมื่อเงยหน้าขึ้นจ้องตาของชายหนุ่มว่าที่สามี

“ผมเป็๞ตำรวจ...ไม่ต้องกลัว...นะ” เขารั้งเธอมานั่งลงข้างๆ 

“หนู...มัน...”

“ทำอะไร...”

เธอไม่กล้าบอกได้แต่ส่ายหน้าไม่ยอมหันไปมองที่ประตูเลย ได้แต่บอกว่า

“อวิ...ชา...แน่ๆ ” เธอละล่ำละลัก พูดผิดๆ ถูกๆ 

“มาร...วิชา...”