แน่นอน หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ เื่นินทาต่าง ๆ ย่อมไม่มีทางเล็ดลอดหูตาของบรรดาสมาชิกในหมู่บ้านได้ ท้ายสุดเื่นี้ก็วกมาเข้าหูอนงค์และครอบครัวจนได้
เมื่อกานต์ได้ยินถึงกับควันออกหูด้วยความโมโห แต่ถ้าเปรียบว่ากานต์ควันออกหู ของอนงค์กานต์คงเรียกได้ว่าควันพวยพุ่งออกมาทั้งตัว เธอโมโหสุด ๆ อารมณ์พลุ่งพล่าน อยากจะวิ่งเข้าไปจัดการกับบัวบานขึ้นมาอย่างทันทีทันใด จนกานต์กับอนงค์ต้องหันมาห้ามปราม ปลอบใจอนงค์กานต์ให้สงบสติอารมณ์แทน ที่จริงเธอก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมอารมณ์เธอถึงพุ่งปรู๊ดปร๊าดได้ขนาดนี้ แต่เมื่อนึกถึงสภาพเป็จริงของร่างกายตอนนี้คืออายุ 12 ปี ย่าง 13 ปี กำลังจะเข้าวัยรุ่น ฮอร์โมนในร่างกายคงกำลังช่วยกันทำงานอย่างแข็งขันอยู่นั่นเอง
เทียบกับอารมณ์ของสองพ่อลูกแล้ว กลับเป็อนงค์ที่รู้สึกเฉยและใจเย็นกับเื่ที่ได้ยินมา ราวกับเป็เื่ของคนอื่น ไม่เกี่ยวกับเธอแม้แต่น้อยอย่างไรอย่างนั้น
"แม่ไม่โมโหหรือรู้สึกไม่พอใจบ้างเหรอจ๊ะ" อนงค์กานต์สงสัยจริง ๆ อนงค์ยิ้มกว้างและมองลูกสาวอย่างเอ็นดู
"ไม่พอใจนั้นมีแน่ ๆ เื่ที่พูดกันนี่ไม่เป็ความจริงเลย แต่แม่ไม่ยอมโมโหหรอก" เมื่อเห็นสามีและลูกสาวมองมาด้วยความงุนงง เธอก็ขยายความต่อ
"โมโหไป ความรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกเกลียด ก็จะอยู่ที่ตัวเราหมด อีกฝ่ายไม่ได้มารับรู้หรือมาแบ่งปันจากเราไปนี่ และถ้าแม่ไปต่อว่าหรือโวยวายใส่เขาในตอนนี้ เขาจะยิ่งดีใจสิที่ยุแม่ขึ้น"
"วิธีตอบโต้ที่ดีที่สุดคือไม่สนใจเขา และใช้ชีวิตของแม่อย่างมีความสุขสบายให้เขาอิจฉาจนอัดใจตายไปเองยังไงล่ะ" อนงค์เผยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ซึ่งน้อยครั้งจะมีโอกาสได้เห็นออกมา
เมื่อสองพ่อลูกได้ฟังต่างพากันยกนิ้วโป้งทั้งสี่นิ้วส่งกลับไปให้ในทันใด อนงค์ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความขบขัน
"เอาล่ะ ตอนนี้พี่ก็ช่วยหนุนชีวิตที่สุขสบายของนงด้วยการไปสอนนงขับรถได้แล้ว" ว่าแล้วอนงค์ก็เดินตรงไปหยิบกุญแจรถในห้องนอนโดยที่รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากหน้า
"แม่ของนิดนี่เจ๋งไม่เหมือนใครจริง ๆ" อนงค์กานต์เอ่ยปากชมกับผู้เป็พ่อ แววตาเปล่งประกายขณะที่มองตามหลังแม่ไป
"ผิด! เมียพ่อ ก็ต้องเจ๋งเหมือนพ่ออยู่แล้ว" กานต์เอ่ยออกมาอย่างไม่อายเลยสักนิด
อนงค์กานต์ "..."
เช้านี้ สมาชิกที่จะไปตลาดด้วยมีเพิ่มมาอีกสองคน นั่นคือทองและนวล วันนี้เป็วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2529 ซึ่งทั้งสองคนได้มาเริ่มทำงานอย่างเต็มตัวเป็วันแรก ตามที่ได้พูดคุยตกลงกับกานต์ไว้ ค่าจ้างรายวันจะอยู่ที่คนละ 100 บาท โดยอนงค์จะจ่ายให้วันต่อวัน เพื่อที่ทั้งสองจะได้นำไปใช้จ่ายในครอบครัวได้ทันที
ทองและนวลตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ช่วยจัดข้าวของได้อย่างรวดเร็วและเป็ระเบียบ ช่วยทุ่นแรงของทั้งสามคนได้เป็อย่างดี
"อีกเดี๋ยวลูกค้าจะเข้าตลาดแล้ว เริ่มทอดกันเถอะ เดี๋ยวทองกับนวลมายืนข้าง ๆ ครูกับน้านงนะ จะได้ช่วยคลุกไก่กับแป้ง"
กานต์และอนงค์สอนวิธีชุบแป้งก่อนลงทอดให้ทั้งสองคนอย่างละเอียด ไก่จะทอดออกมาได้สวยและดูน่ากินหรือไม่ขั้นตอนนี้สำคัญมากที่สุด ซึ่งทั้งสองก็ตั้งใจเรียนรู้และจดจำได้เป็อย่างดี เมื่อได้ลองทำ 4-5 ชิ้น ก็เริ่มคล่อง และสามารถทำได้เองโดยที่สามีภรรยาไม่ต้องให้คำแนะนำอีก
ระหว่างช่วยทอดไก่อยู่ สองพี่น้องก็มองที่หน้าร้านเป็ระยะด้วยความทึ่ง ไม่น่าเชื่อเลยว่าไก่ทอดจะมีคนมาอุดหนุนมากขนาดนี้ หน้าร้านมีคนกว่ายี่สิบคนยืนรออยู่ แต่ไม่ได้เอะอะวุ่นวาย เพราะพวกเขาต่างแจ้งจำนวนชิ้นที่จะซื้อกับอนงค์กานต์ไว้เรียบร้อยแล้ว แค่รอให้ไก่สุกและรับของตามคิวเท่านั้น
พวกเขายืนทอดไก่โดยไม่หยุดอยู่เกือบชั่วโมง ทอดไก่ไปกว่าร้อยชิ้น แต่ไก่ที่ออกจากกระทะนั้นไม่เคยอยู่ในถาดเกินห้านาที ต่างถูกจับจองไปอย่างรวดเร็วโดยลูกค้าที่เข้ามาในร้านอย่างไม่ขาดสาย พวกเขาเคยไปทำงานรับจ้างในตลาดอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นร้านไหนที่ขายดีเป็เทน้ำเทท่าแบบนี้มาก่อนเลย
เมื่อเห็นแบบนี้แล้วพวกเขาก็มีความสุข ยิ่งลูกค้าเข้ามาซื้อเยอะ ก็ยิ่งเป็หลักประกันว่าพวกเขาจะสามารถทำงานที่มีรายได้งาม ๆ แบบนี้ได้อีกนานเช่นกัน
