“ไม่น่าจะเป็ไปได้ เพื่อิญญามรณะเพียงตนเดียว หยาจื้อสิบสามฝ่ายรุ่นต่อรุ่นถึงกับต้องสะกดขังจอมอสูรเอาไว้ นี่ไม่เป็การสิ้นเปลืองไปหน่อยหรือ อีกอย่าง แม้ว่าิญญามรณะจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่น่าจะเพียงพอที่จะทำให้หยาจื้อสิบสามฝ่ายติดกับได้ นอกเสียจาก นี่ไม่ใช่ิญญามรณะ แต่เป็ความแข็งแกร่งบางอย่างที่ข้าไม่เคยรู้จัก”
ฉินอวี่พยายามครุ่นคิดอย่างหนัก แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนของหยาจื้อสิบสามฝ่าย แต่หลายเดือนมานี้เขาก็พอจะได้เรียนรู้เื่เกี่ยวกับหยาจื้อทั้งสิบสามฝ่ายมาจากเสี่ยหยวนอยู่ไม่น้อย สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องงุนงงเป็อย่างมากก็คือ บรรพชนของหยาจื้อสิบสามฝ่ายไม่เคยนึกถึงผลที่ตามมาจากการสะกดจอมอสูรเอาไว้เลยหรือ ว่าจะทำให้ลูกหลานรุ่นหลังของพวกเขาต้องแบกรับความกดดันเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
หากไม่ใช่เพราะความแค้นอันฝังรากลึก เหล่าบรรพชนหยาจื้อก็ไม่น่าจะทำเื่ที่บ้าบอเช่นนี้
ช้าก่อน หรือจอมอสูรนี้จะทำให้เหล่าบรรพชนหยาจื้อต่างโกรธแค้นมากจริงๆ? เพราะเหตุนี้เหล่าบรรพชนหยาจื้อ จึงไม่ยอมหยุดเื่ราวเหล่านี้?
ทันใดนั้นฉินอวี่ก็นึกถึงดวงตาที่สดใสคู่นั้นของเสี่ยวหลิง โดยหลักแล้วพลังของิญญามรณะจะมีความชัดเจนไม่ต่างไปจากร่างจิติญญาและอัคคีิญญา แต่เหตุใดดวงตาคู่นั้นจึงดูแปลกประหลาดเช่นนี้? อีกทั้งยังดูเหมือนมีพลังอันไม่รู้จบแฝงอยู่?
ฉินอวี่รู้สึกได้เพียงว่าแดนมรณะแห่งนี้มีความลับมากเหลือเกิน เพียงแต่ เขาก็มีความมั่นใจว่าแดนมรณะแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับจอมอสูรที่ถูกสะกดไว้แน่นอน จอมอสูรตนนั้นจะต้องมีสายเืพยนต์มรณะ ไม่เช่นนั้น คนที่ตายไปแล้วเหล่านี้ไม่มีทางจะกลายเป็พยนต์มรณะไปได้แน่นอน
“หรือจะมีจิติญญาของจอมอสูรตนนั้นหลงเหลืออยู่ในแดนมรณะแห่งนี้? จึงทำให้คนที่ตายไปแปรเปลี่ยนเป็พยนต์มรณะ? น่าเสียดายจิติญญาที่หลงเหลือของจอมอสูรนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองจะต้านทานได้ และคงไม่มีวิธีใดที่จะทำให้ได้วิธีการหลอมพยนต์มรณะมาจากเขาได้” ฉินอวี่ถอนหายใจ เขาไม่ใช่คนโลภที่ไม่รู้จักพอ การได้เืหยาจื้อก็เพียงพอต่อการเข้ามายังแดนขัดเกลาชั้นที่เจ็ดในครั้งนี้แล้ว หากสามารถได้ิญญามรณะติดไปด้วย ก็นับเป็เื่น่ายินดีที่เหนือความคาดหมายยิ่งนัก
สำหรับวิธีการหลอมพยนต์มรณะ ฉินอวี่ดูจะไม่ตั้งความหวังอะไรเอาไว้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากได้ แต่หากสามารถกดดันบรรพชนหยาจื้อทั้งสิบสามฝ่ายได้ จอมอสูรร้ายตนนั้นจะต้องมีความน่าสะพรึงกลัวเป็ที่สุด แต่ตอนนี้ตนเองยังไม่สามารถััอะไรได้
บางที นี่อาจเป็สาเหตุที่บรรพชนหยาจื้อต้องจำกัดระดับการฝึกฝนของผู้เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ หากให้ผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับสูงเข้ามา เกรงว่าพละกำลังของพยนต์มรณะจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ถึงตอนนั้น... ก็จะกลายเป็เื่ที่ไม่สามารถควบคุมได้
“แต่ไม่รู้ว่าจอมอสูรนั่นจะยังมีวิธีการหลอมพยนต์มรณะหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ หากยังมีอยู่ การเข้าไปยังเหวลึกก็นับเป็เื่น่ายินดีที่เหนือความคาดหมาย” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง
หลังจากระงับความคิดของตนเองไว้ ฉินอวี่ก็เริ่มมุ่งความสนใจไปยังการสะกดปราบเสี่ยวหลิง จากนั้นจึงเรียกวิชาเซียนมรรคา์ขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากทำอย่างต่อเนื่องหลายสิบครั้งติดต่อกัน เสี่ยวหลิงก็ปรากฏขึ้นมาด้วยแรงดึงดูดจากเพลิงมรณะ และทุกครั้งฉินอวี่ก็จะพูดคุยกับเสี่ยวหลิง แต่เสี่ยวหลิงก็ดูเหมือนจะยังไร้เดียงสา เมื่อได้รับเพลิงมรณะแล้วนางก็จะหายกลับไปทุกครั้ง
โชคดีที่พลังมรณะในที่แห่งนี้มีความหนาแน่น หลังจากดูดซับไปเป็ปริมาณมากพอแล้ว เพลิงมรณะก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่มีเพลิงมรณะมากพอที่จะดึงดูดเสี่ยวหลิง
แม้ว่าจะยังไม่สำเร็จ แต่เสี่ยวหลิงก็เริ่มปรากฏอยู่เคียงข้างฉินอวี่เป็เวลานานขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฉินอวี่เริ่มมองเห็นความหวังขึ้นเล็กน้อย
หลังจากดูดซับพลังมรณะอยู่เป็เวลานาน เพลิงมรณะก็ยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ในเวลานี้เพลิงมรณะมีขนาดเพียงสองกำปั้น เปลวไฟหลักของมันลอยอยู่กลางตันเถียน ฉินอวี่จึงทำการแยกเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ออกเป็สองส่วน และถ่ายเทเข้าสู่เส้นลมปราณ
เมื่อเวลาผ่านไป แก่นปราณในร่างกายของฉินอวี่ก็เต็มไปด้วยเพลิงมรณะ เมื่อรวมกับอสุนีลึกลับแล้ว แก่นปราณของฉินอวี่ก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้น
เวลาครึ่งปีผ่านไปเพียงชั่วพริบตา ระดับการฝึกฝนของฉินอวี่ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สามแล้วเช่นกัน ตันเถียนของเขาได้ขยายเพิ่มมากขึ้น และโอสถโลหิตก็มีขนาดเท่ากำปั้นแล้ว อสุนีลึกลับก็มีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากเขาฝึกฝนต่อไปอีกสักหนึ่งปีครึ่ง ฉินอวี่ก็คงสามารถเข้าสู่ขั้นกุมารทิพย์ได้อย่างแน่นอน
แต่ฉินอวี่ยังไม่้าจะเพิ่มระดับในตอนนี้ เขา้าเพียงเตรียมการตามหาเืหยาจื้อเท่านั้น
ฉินอวี่หยุดใช้วิชาเซียนมรรคา์ และหลังจากเพลิงมรณะเริ่มหลอมกลับเข้าสู่ร่างกาย เสี่ยวหลิงก็หายไป แต่ฉินอวี่กลับไม่สนใจอะไร เพราะตราบใดที่เขาเรียกเพลิงมรณะออกมา เสี่ยวหลิงก็จะปรากฏตัวขึ้นอีก
เมื่อระงับเพลิงมรณะทั่วร่างกายเอาไว้แล้ว ฉินอวี่ก็ออกจากถ้ำ และเริ่มตามหาเืหยาจื้อ
ไม่อาจรู้ได้ว่าแดนมรณะแห่งนี้กว้างใหญ่เพียงใด เพราะไม่สามารถใช้งานมโนจิตได้ ฉินอวี่จึงทำได้เพียงมองหาเืของหยาจื้อด้วยตาเปล่าเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงยกระดับความเร็วของตนเองขึ้นถึงขีดสุด และพุ่งเข้าไปในแดนมรณะอย่างต่อเนื่อง เกรงว่า หากพวกคนของเผ่าหยาจื้อได้มาเห็นสิ่งนี้ คงพากันตกตะลึงจนตาค้าง เพราะที่แดนมรณะแห่งนี้คือสถานที่ซึ่งมีบรรพชนของพวกเขาเสียชีวิตไปนับไม่ถ้วน
ตลอดทาง ฉินอวี่ได้พบกับิญญามรณะจำนวนไม่น้อย ยิ่งเข้าไปในส่วนลึกของแดนมรณะ พละกำลังของพยนต์มรณะก็ยิ่งแข็งแกร่ง ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าพยนต์มรณะวานรยุทธ์ตัวนั้นอยู่หลายเท่า สิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่ใอย่างมาก ยังโชคดีที่มีเพลิงมรณะ ไม่เช่นนั้น เพียงพยนต์มรณะตัวเดียวในที่แห่งนี้ก็เพียงพอให้ตนเองต้องอยู่ในสภาพน่าสังเวชเป็แน่
“มิน่าล่ะ จึงมีคนเผ่าหยาจื้อเพียงไม่กี่คนที่มีชีวิตรอดจากที่แห่งนี้ได้ หลังจากเข้ามาที่นี่ พวกเขาก็ไม่ต่างจากแมลงวันหัวขาดที่บินวนไปรอบๆ หากพยนต์มรณะที่นี่ถูกรบกวนเข้า แม้แต่อัจฉริยะอย่างอันดับหนึ่งก็คงต้องตายอย่างอนาถ”
ในตอนนี้ ฉินอวี่กำลังยืนอยู่หน้าพยนต์มรณะหนุ่มตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ตายมานานเท่าไรแล้ว เสื้อผ้าที่สวมใส่ไว้บนร่างกายนั้นเน่าเปื่อย กลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยห้อยอยู่บนร่างกาย ชายหนุ่มคนนี้แตกต่างไปจากพยนต์มรณะโดยทั่วไป เขามีาแอยู่ทั่วร่าง แต่าแเหล่านี้กลับดูไม่อันตรายถึงชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น าแยังไม่มีเืไหลออกมา ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากตายไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องงุนงงคือ พยนต์มรณะตัวนี้อยู่ในท่านั่งหลับตา ขัดสมาธิอยู่บนพื้น ดูเหมือนกำลังนั่งทำสมาธิอยู่
“น่าแปลก หรือว่าพยนต์มรณะก็สามารถฝึกฝนต่อไปได้?” ฉินอวี่แปลกใจ อายุก่อนตายของคนผู้นี้ยังไม่มากนัก แต่พละกำลังของเขากลับแข็งแกร่งกว่าเสี่ยหยวน เป็เพราะร่างกายของชายหนุ่มคนนี้เต็มไปด้วยพลังมรณะที่แทรกซึมอยู่ในร่างกายมีความเข้มข้นเป็พิเศษ
“ดูเหมือนว่าพยนต์มรณะจะมีความพิเศษมากกว่าที่เคยนึกไว้ เพียงแต่ หากคนตายคนหนึ่งสามารถฝึกตนได้ มันไม่ดูน่ากลัวเกินไปสำหรับผู้ได้ยินหรือ?” ฉินอวี่พึมพำ
เกรงว่าเขาคงเป็คนแรกที่สามารถมองพยนต์มรณะได้ในระยะใกล้เช่นนี้ นับั้แ่ก่อตั้งแดนมรณะมา
หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ฉินอวี่ก็ถอยห่างออกไปสิบจ้าง จากนั้นจึงค่อยๆ สลายเพลิงมรณะออกมาจากร่างกายอย่างเงียบๆ เมื่อเพลิงมรณะหายไป พยนต์มรณะหนุ่มก็ลืมตาขึ้นทันที จากนั้นจึงวิ่งโผเข้าหาฉินอวี่อย่างรวดเร็ว จนฉินอวี่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หยิบดาบใบกว้างสีแดงเข้มที่อยู่ข้างกายขึ้นมาและโจมตีทันที
“ตูม!”
แผ่นดินเกิดเสียงสั่นะเืดังสนั่น ก้อนหินแตกกระเด็นไปทั่วบริเวณ
ฉินอวี่ะโขึ้นทันทีด้วยความใ พลางหลีกหนีไปได้อย่างรวดเร็ว และเรียกเพลิงมรณะปกคลุมไปทั่วร่างกาย เมื่อมองไปยังจุดที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ กลับเห็นดาบใบกว้างนั้นจมลงไปในดิน โผล่ให้เห็นเพียงด้ามจับของมันเท่านั้น
“เป็ความเร็วที่น่ากลัวยิ่งนัก!” ฉินอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจมากไปกว่านั้นคือ เมื่อมองพยนต์มรณะตนนี้ที่กำลังหันศีรษะไปมองรอบด้านแล้ว เขาก็ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปอย่างยิ่ง
“หรือว่าพยนต์มรณะนี้จะกำลังเริ่มหล่อเลี้ยงิญญามรณะ? เป็ไปได้อย่างไร? ไม่น่าเป็ไปได้ หากิญญามรณะได้รับการเลี้ยงดูดีเช่นนี้ มันก็น่าจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาได้แล้ว พยนต์มรณะคงยังรักษาจิตสำนึกก่อนตายเอาไว้” ฉินอวี่ตกตะลึง และยิ่งอยากรู้อยากเห็นเื่ของพยนต์มรณะมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่ฉินอวี่ไม่ทันสังเกต ชายหนุ่มได้ขยับมือขวา และเรียกดาบใบกว้างนั้นกลับไปไว้ในมือ ก่อนวางมันลงด้านข้าง และหลับตาทำสมาธิต่อไป
ฉินอวี่ยืนดูอยู่ทางด้านข้าง และรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของชายหนุ่มคนนี้ยิ่งนัก นอกจากดวงตาที่ไร้แววตาแล้ว ชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่มีอะไรต่างไปจากคนปกติธรรมดาเลย
“ตายไปแล้วยังสามารถรักษาจิตสำนึกก่อนตายเอาไว้ได้ สายเืพยนต์มรณะที่มีชื่ออย่างยิ่งในยุคหงหยวน ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” ฉินอวี่เดินเข้าไปด้านข้างของชายหนุ่ม และพิจารณาดูอย่างละเอียด สายตาของเขาก็จ้องไปยังดาบใบกว้างสีแดงเข้มนั้นโดยไม่ตั้งใจ
ดาบใบกว้างนั้นมีขนาดยาวประมาณแปดฉื่อ กว้างหนึ่งฉื่อ มีสีแดงเข้ม ราวกับเต็มไปด้วยคราบเืแห้งปกคลุมไปทั่วทั้งใบดาบ แม้ว่าบนดาบจะเต็มไปด้วยเศษดิน แต่ก็ไม่อาจปกปิดลายเส้นที่เรียงตัวอย่างหนาแน่นได้ รูปร่างของดาบก็มีลักษณะผิดปกติธรรมดา ด้านหลังขอบดาบมีขนาดใหญ่กว่าและมีรอยเว้าหงายขึ้นไปทางปลายดาบ มองแล้วทรงพลังน่าเกรงขาม จุดกันของตัวดาบและด้ามจับจะโค้งไปทางด้านหลังของดาบเล็กน้อย ดูเหมือนเป็สันหลังั
สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องหรี่ตาลงมองคือ ด้ามดาบของดาบใบกว้างนี้มีรอยประทับอยู่รอยหนึ่ง
รอยประทับนี้ทำให้ฉินอวี่รู้สึกคุ้นตาเป็อย่างยิ่ง
เขาชำเลืองมองไปทางชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะหยิบดาบใบกว้างนี้เข้าใส่ในวงแหวนมิติอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหลังหนีไปอย่างว่องไว
และดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้จะััได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และรีบใช้มือข้างขวาควานหาดาบใบกว้างของตนเอง แต่กลับคว้าได้เพียงอากาศ หลังจากทำอยู่สองครั้ง เขาก็หมุนไปรอบด้าน แต่ก็คว้าได้เพียงอากาศเช่นเดิม
“โฮก...” ชายหนุ่มส่งเสียงะโดังราวกับกำลังโกรธจัด จากนั้นจึงกลายเป็แสงสีดำสายหนึ่งพุ่งตรงไปในทิศทางการหลบหนีของฉินอวี่ทันที
