“ฮ่าๆๆ ข้าถังเหล่ยเกิดใหม่ครั้งนี้ถึงกับได้เคล็ดวิชาัคชสารมา ราชันตงเ้ารอข้าก่อนเถอะ ไม่ช้านี้ข้าจะไปเหยียบเ้าให้จมดิน!”
เมื่อถังเหล่ยัักับพลังอันไร้ที่สิ้นสุดที่ปรากฏอยู่บนเคล็ดวิชาในสมอง เขาก็อดหัวเราะเย้ยหยันไม่ได้
วิธีการฝึกฝนเคล็ดวิชาัคชสารไหลเข้าไปในจิตของถังเหล่ย แล้วส่วนลึกในสมองของถังเหล่ยก็ปรากฏวงแสงอัศจรรย์ขนาดเท่าเม็ดถั่วเม็ดหนึ่ง
หลังจากที่ถังเหล่ยใช้จิตไปตรวจสอบ เขาพบว่าในนั้นมีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ทั่วร่างของมันเต็มไปด้วยเกล็ดสีทอง
สัตว์ประหลาดตัวนั้นมีปีกั์สีทองคู่หนึ่ง แต่ขาทั้งสี่ข้างกลับใหญ่มาก บนนั้นมีเกล็ดอยู่เต็มไปหมด มันมีหางที่เรียบยาวโบกสะบัดอยู่ด้านหลัง และมีจมูกเหมือนช้าง แต่ส่วนหัวกลับมีเขาัสองข้างงอกอยู่
ถังเหล่ยเพียงแค่มองมันครู่เดียว จิตของเขาก็ััได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลราวกับมีูเาลูกใหญ่ถล่มทับลงบนสมองของเขา
“หรือนี่คือัคชสารในตำนาน?”
ต่อให้เป็ชีวิตในชาติที่แล้วของถังเหล่ยที่นับได้ว่าเป็ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้ และเคยพบเห็นสมบัติมหัศจรรย์มานับไม่ถ้วน ทั้งยังเคยเห็นสัตว์โบราณในตำราเก่าแก่มากมาย แต่ัคชสารหาใช่สิ่งที่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ
มีตำนานเล่าขานกันว่า ัคชสารคือสิ่งมีชีวิตที่จุติใน่ที่จักรวาลเปิดออก หากเพียงเท้าข้างเดียวก็สามารถทำลายทั้งดวงดาวได้อย่างง่ายดาย
ยามนี้ัคชสารขนาดเท่าเม็ดถั่วกำลังหลับใหลอยู่ในสมองของถังเหล่ย เหมือนรอให้เขาปลุกมันขึ้นมา
“จริงๆ ด้วย มิน่าเล่า ตอนที่ร่างนี้อยู่ในระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามถึงมีพลังถึงสามพันแปดร้อยจิน ที่แท้เป็เพราะพลังัคชสารนี่เอง”
ถังเหล่ยพลางพยายามสะกดความดีใจ และสำรวจวิธีการฝึกฝนเคล็ดวิชาัคชสารไปด้วย
ในเมื่อได้ิญญายุทธ์ระดับตำนานที่ทรงพลังเช่นนี้มาอยู่ในกำมือ ถังเหล่ยคงต้องฝึกฝนดูสักตั้ง พิสูจน์ให้เห็นไปเสียว่าัคชสารในตำนานเก่งกาจเพียงใด
ในสมองของถังเหล่ย เคล็ดวิชาัคชสารกลายเป็แสงสีทองสายหนึ่งแหวกว่ายวนรอบัคชสารราวกับปลา
“ร่างกายเสมือนเตาหลอมรวมพลังัคชสาร...”
วิธีการฝึกฝนของเคล็ดวิชาัคชสารคล้ายวิถีการปรุงยา ถังเหล่ยในชาติที่แล้วเป็ถึงราชันนักปรุงยาระดับหกจึงฝึกฝนได้อย่างง่ายดาย เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เรียนรู้ถึงแก่นแท้ในเคล็ดวิชาแล้ว
“หลอมรวม!”
ถังเหล่ยแผดเสียง ัคชสารสีทองในสมองเขาสะบัดหางเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น
แต่โลกภายนอกกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน
ข้างกายของถังเหล่ยปรากฏน้ำวนที่มองไม่เห็นขนาดใหญ่วงหนึ่ง พลังิญญาฟ้าดินไหลเข้าไปในร่างกายของถังเหล่ยอย่างบ้าคลั่ง การขยายใหญ่ของน้ำวนนั้นเรียกได้ว่าเร็วจนน่าใ เพียงไม่กี่ลมหายใจน้ำวนก็ดูดซับพลังิญญาในระยะร้อยเมตรรอบตัวถังเหล่ยไปจนหมด แต่น้ำวนยังไม่มีทีท่าจะหยุด ยังคงขยายวงอย่างบ้าคลั่งโดยมีถังเหล่ยเป็ศูนย์กลาง
“นี่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้าััถึงพลังิญญาไม่ได้เลย?”
ในจวนตระกูลถัง ศิษย์คนหนึ่งกำลังบ่มเพาะโดยใช้ิญญายุทธ์ค่อยๆ ดูดซับพลังิญญารอบด้านอยู่ในห้อง แต่ทันใดนั้นพลังิญญาก็หายไปเกลี้ยง ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ดูดซับพลังิญญาไม่ได้แม้แต่น้อย
สถานการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับศิษย์คนอื่นๆ เช่นกัน
“นี่เกิดอะไรขึ้น? ใครเป็คนทำกัน!?”
ศิษย์ตระกูลถังเดินออกจากห้องเพื่อหาต้นตอที่ทำให้พลังิญญาหายไปกะทันหัน
“ทำไมพลังิญญาถึงเกิดความผิดปกติขึ้นเช่นนี้? รึมีคนคิดจะทำร้ายตระกูลถังของเรา?”
ถึงอย่างไรถังจงชิงก็เป็ถึงระดับผู้ทรงยุทธ์ จึงอ่อนไหวต่อพลังิญญามาก เขาพบว่าพลังิญญาในตระกูลถังกำลังไหลไปในทิศทางหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง
“ผู้าุโใหญ่ ท่านไปเรียกเหล่ยเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์มาหน่อย”
ถังจงเวยที่นอนป่วยติดเตียงก็ััได้ถึงความผิดปกติของพลังิญญาในตระกูลถังเช่นกัน ตอนนี้ตระกูลถังกำลังจะเกิดเื่ เขาต้องรีบเตรียมการเอาไว้เนิ่นๆ
ตอนนี้ถังเหล่ยที่อยู่ใจกลางน้ำวน พลังิญญาฟ้าดินของตระกูลถังช่างสบายตัวมาก พลังิญญาฟ้าดินจำนวนมากไหลเข้าไปในร่างกายของเขา ทำให้ทุกส่วนในร่างกายของเขาล้วนได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังิญญาฟ้าดิน
“ความรู้สึกนี้สบายยิ่งนัก!” ถังเหล่ยทนไม่ไหวจนกู่ร้องออกมา
ในเวลาเดียวกันร่างกายของถังเหล่ยกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าเหลือเชื่อ เดิมทีพลังของถังเหล่ยอยู่ที่ระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามเท่านั้น แต่ด้วยพลังิญญาฟ้าดินจำนวนมหาศาลนี้ ทำให้พลังของถังเหล่ยเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
สิ่งที่ตามมาพร้อมกับพลังในร่างกายถังเหล่ยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็คือระดับพลังของถังเหล่ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมิอาจควบคุมได้
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้า ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่หก!
ท้ายที่สุดระดับของถังเหล่ยก็มาหยุดอยู่ที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่หก ทะลวงระดับคราวเดียวสามขั้น ต่อให้เป็ถังเหล่ยในร่างราชันนักปรุงยาในชาติก่อนยังไม่เคยััมาก่อน และสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงอย่างแท้จริงคือการเพิ่มขึ้นของพลังในร่างกายตัวเอง
“ฟู่ว...”
ถังเหล่ยปล่อยหมัดสองข้างไปในอากาศ ทำให้เกิดเสียงอากาศบีบอัดะเิออกมา
“อย่างน้อยพลังของข้าก็เพิ่มขึ้นเป็หนึ่งเท่าตัว!”
ตอนระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามพลังของถังเหล่ยก็มีถึงสามพันแปดร้อยจินแล้ว แต่เกรงว่าปัจจุบันพลังของเขาจะมีมากถึงเจ็ดพันหกร้อยจิน
เจ็ดพันหกร้อยจินคือพลังเท่าใดกัน? เพราะปกติแล้ว ผู้ฝึกตนที่ทะลวงระดับผู้ชำนาญยุทธ์นั้นก็มีพลังเพียงเจ็ดพันจินเท่านั้น
แต่ถังเหล่ยเพิ่งเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่หกก็มีพลังถึงเจ็ดพันหกร้อยจิน เขาไม่อยากจินตนาการเลยว่าตอนที่ทะลวงไปถึงระดับผู้ชำนาญยุทธ์นั้น พลังจะเพิ่มไปถึงระดับที่น่ากลัวขนาดไหน
น้ำวนพลังิญญาฟ้าดินข้างกายถังเหล่ยหายไปแล้ว
เมื่อครู่ถังเหล่ยแย่งชิงพลังิญญาฟ้าดินเหนือจวนตระกูลถังไปทั้งหมด ความจริงแล้วถังเหล่ยยังสามารถขยายขอบเขตน้ำวนได้อีก แต่เขาไม่อยากดึงดูดความสนใจของตระกูลอื่น
ถึงอย่างไรเสีย พลังของเขาในตอนนี้คงยังไม่มากพอ จะทำอะไรก็ต้องถ่อมตนเอาไว้บ้าง
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือฟื้นฟูพลังของถังจงเวย จริงๆ แล้วในตอนแรกตระกูลถังเป็ถึงผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองอวิ๋นหลิว สาเหตุหลักล้วนมาจากถังจงเวยที่เป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองอวิ๋นหลิว
ถังเหล่ยใช้มือลูบที่คางเบาๆ นี่คือท่าทางตอนเขากำลังขบคิดปัญหาในชาติก่อน
จากความทรงจำของชาตินี้ ทำให้เขารู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ภายในตระกูลถังนั้นไม่สงบ และภายนอกก็อันตราย
ปกติตระกูลถังที่เป็ผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่เคยมีสถานะสูงส่งที่สุดในเมืองอวิ๋นหลิว ส่วนแบ่งทรัพยากรก็เยอะที่สุด อีกสามตระกูลใหญ่ทำได้แค่อิจฉา แต่ก็ไม่กล้าพูดเพราะกลัวพลังของตระกูลถัง
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆ พลังของตระกูลถังถดถอยลงมาก ถังจงเวยถูกพิษแทรกซึมถึงกระดูก กลายเป็ระดับผู้ทรงยุทธ์ขั้นที่สี่ที่ทำได้เพียงปล่อยพลังระดับผู้ทรงยุทธ์ขั้นที่หนึ่งเท่านั้น
เพียงพลังระดับผู้ทรงยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง แค่จะหาที่ยืนในเมืองอวิ๋นหลิวก็ลำบากมากแล้ว
ยังไงถังจงเวยก็คือผู้นำตระกูลถัง ถ้าเขาฟื้นฟูพลังระดับผู้ทรงยุทธ์ขั้นที่สี่กลับมาได้ หากสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองอวิ๋นหลิวคิดจะลงมือกับตระกูลถังอีก คงต้องคิดหนัก
ก่อนหน้านี้ถังเหล่ยใช้ปราณแท้สายหนึ่งสำรวจร่างกายของถังจงเวย แล้วพบว่าพิษในร่างกายของเขาแทรกซึมถึงกระดูก หากไม่รักษาให้ทันท่วงที เกรงว่าจะอันตรายถึงิญญายุทธ์
และถ้าิญญายุทธ์าเ็ ต่อให้เป็ผู้ยิ่งใหญ่ที่เก่งกาจเพียงใดก็ทำอะไรไม่ได้
ก่อนหน้านี้ที่สีหน้าของถังจงเวยดูปกติ และข่มขู่กูิหยวนได้ เป็เพราะถังเหล่ยใช้วิชาลับสะกดพิษในร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ชั่วคราว ถึงถังจงเวยจะกระอักเืพิษออกมา แต่นั่นเป็เพียงพิษผิวเผินเท่านั้น พิษที่แทรกซึมเข้าไปในกระดูกไม่ได้ถูกขับออกมาแม้แต่น้อย
นี่ก็คือสาเหตุที่เมื่อพวกกูิหยวนจากไป ถังจงเวยจึงให้ผู้าุโใหญ่กับถังเฟยสองคนไปส่ง เมื่อกลับไปถึงจวนของตัวเองก็กลับไปนอนติดเตียงอีกครั้ง…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้