เหนียนอีหลานยังไม่เห็นของกำนัลที่นางเตรียมไว้ให้งั้นหรือ? เป็ไปได้อย่างไร?
เหนียนยวี่เบนสายตาหันมองและหยิบหินก้อนหนึ่งขึ้นมาดีดใส่ตัวเหนียนอีหลาน
"โอ๊ย..." เหนียนอีหลานลุกขึ้นนั่งด้วยความใ พอดีกับ่เวลาที่หน้าต่างเปิดออกอย่างเงียบเชียบ
เหนียนอีหลานตื่นขึ้นมา ทว่าจิตใจยังคงติดกับความฝันเมื่อครู่นี้ จึงไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่หน้าต่างเลยสักนิด
"ทำอย่างไรดี...จะทำอย่างไรดี" เหนียนอีหลานเอ่ยพึมพำ ดวงตานางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
นางฝันถึงฟางเหอ ฝันถึงเหนียนยวี่ และยังฝันถึงฮองเฮาอวี่เหวินอีกแล้ว ในความฝันฮองเฮาอวี่เหวินรู้ว่านางสั่งให้ฟางเหอปิดประตูสวนร้อยสัตว์ จึงตรัสสั่งให้ลงโทษนาง...
ฮองเฮาอวี่เหวิน...
เมื่อนึกถึงข่าวที่ได้รับมาจากท่านยายยามที่อยู่บนรถม้า นางจึงมั่นใจว่าฮองเฮายังคงอยู่ที่ตำหนักชีอู๋อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ดี ทว่าเหนียนยวี่เล่า...
ฟางเหอเองก็ด้วย
ไม่รู้เพราะเหตุใด ร่างกายของนางจึงรู้สึกอ่อนล้า ั้แ่กลับมาที่ห้องเมื่อครู่นี้ นางก็ดูจะเหน็ดเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก
"นางผู้หญิงชั้นต่ำ รอให้ข้าเจอเ้าก่อนเถอะ ข้าจะลงโทษเ้าแน่"
เหนียนอีหลานเอ่ยกระซิบด่าทอเพื่อปลอบใจตัวเอง บางทีฮองเฮาอวี่เหวินอาจจะไม่เป็ไร แต่เหนียนยวี่อาจจะตายไปแล้ว ฟางเหอเองถึงไม่รู้ว่าไปอยู่แห่งหนใดแล้ว ท้ายที่สุดอย่างไรก็ต้องกลับมา
คงจะกลับมาใช่หรือไม่...
เหนียนอีหลานหรี่ตา หากฟางเหอกลับมา เกรงว่าคงมิอาจปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก
วันเวลาที่ไร้ซึ่งความสุขเช่นนี้ ทำให้นางเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้วว่า ไม่ว่าอย่างไรห้ามให้ผู้อื่นล่วงรู้จุดอ่อนของตนเอง แม้ฟางเหอจะเป็คนสนิทก็มิอาจปล่อยไปได้
เหนียนอีหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ ยันตัวลุกขึ้นจากตั่ง ความเหนื่อยล้าของร่างกายทำให้นางยังรู้สึกอยากนอนต่อ นางเดินไปที่เตียงและเห็นอะไรบางอย่างโค้งนูนขึ้นมาใต้ผ้าห่มบนเตียง คิ้วของเหนียนอีหลานขมวดเล็กน้อย พลางยื่นมือออกมาเปิดผ้าห่มทันที
ทันทีที่เปิดผ้าห่ม ทุกอย่างใต้ผ้าห่มเผยสู่สายตานางทันที
ร่างคนผู้หนึ่ง ทั้งตัวย้อมอาบไปด้วยเื บนใบหน้าประดับรอยเขี้ยวประหนึ่งถูกอะไรบางอย่างกัด ดวงตาสองข้างเบิกกว้าง ราวกับผ่านความทุกข์ทรมานแสนสาหัสมาก็มิปาน ทว่าคนผู้นั้น...
"กรี๊ด..." เหนียนอีหลานกรีดร้อง ขาก้าวถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว โซเซล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง
ฟางเหอ...นั่นมันฟางเหอ!
แม้ใบหน้าจะเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม ทว่านางยังคงจำได้ว่านั่นคือฟางเหอ!
"ตาย...ตายแล้ว..." เหนียนอีหลานสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้ มองดูศพของฟางเหอ ทั้งตัวอ่อนปวกเปียก แข้งขาอ่อนแรงไร้กำลัง ไม่มีสติรู้ตัว
ตายได้อย่างไร?
แล้วมาอยู่ในห้องนางได้อย่างไร? อยู่บนเตียงนางได้อย่างไร?
เกิดคำถามมากมายขึ้นในหัวเหนียนอีหลาน ความไม่สบายใจพลันปกคลุมแผ่ขยายจิตใจนางอีกครั้ง เหนียนอีหลานมองดวงตาเบิกกว้างคู่นั้นแล้วรีบปิดตาลงด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจนางรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ใดกัน? แท้จริงผู้ใดเป็คนสังหารฟางเหอ ทำเื่เช่นนี้ในห้องของนาง มีเป้าหมายอะไรกันแน่
ทันใดนั้น ดูเหมือนนางจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตานางพลันลุกวาวขึ้นมาทันที
“ใช่ มิอาจปล่อยให้นางมาอยู่ที่นี่ได้” เหนียนอีหลานพึมพำ นางรีบยันตัวลุกขึ้นจากพื้น นางอยากจะพาศพออกไป แม้ฟางเหอจะตายไปแล้ว ทว่าศพของนางก็มิอาจมาอยู่ในห้องอย่างไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ได้
หากมีคนเห็นเข้า นางจะอธิบายการตายของฟางเหอว่าอย่างไร?
ไม่เพียงแค่นั้น ไม่ว่าผู้ใดคิดอยากจะใช้การตายของฟางเหอมาสร้างเื่ให้นาง นางไม่ยอมให้คนผู้นั้นทำสำเร็จแน่
เหนียนอีหลานยืนห่างจากเตียงเพียงไม่กี่ก้าว นางพยายามเข้าใกล้ ทว่ารูปลักษณ์อันน่าสยดสยองของฟางเหอที่มิอาจจ้องมองได้ ทำให้นางกลัวที่จะก้าวเข้าไป
"คุณหนู เกิดเื่อะไรขึ้นเ้าคะ...กรี๊ด"
ขณะที่เหนียนอีหลานลังเลอยู่นั้น ประตูด้านหลังนางถูกผลักออก สาวใช้นางหนึ่งก้าวเข้ามาอย่างเร่งรีบ เพราะนางได้เสียงกรีดร้องอย่างใของเหนียนอีหลานเมื่อครู่นี้ จึง้าเข้ามาดูสถานการณ์เสียหน่อย ทว่านางไม่นึกเลยว่า...บนเตียง...ที่อยู่บนเตียงนั่นคือศพคนงั้นหรือ?
"คนตาย...คนตาย" สาวใช้ผู้นั้นใกลัวจนไร้ซึ่งสติ
เหนียนอีหลานตระหนักอะไรบางอย่างขึ้นได้ พลันเร่งรีบก้าวเข้าไปข้างหน้าคว้าตัวสาวใช้คนนั้น นางมิอาจให้ผู้ใดเปิดเผยเื่ราวในยามนี้ได้ ทว่ายังไม่ทันได้ประชิดตัว สาวใช้คนนั้นหันหลังกลับและวิ่งออกจากห้องไปราวคนเสียสติก็ไม่ปาน
"หยุด!" เหนียนอีหลานวิ่งไล่ตามนางไป แต่ทันทีที่ตามออกไปนอกประตู ร่างกายพลันสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง ทำให้ล้มลงไปกับพื้นอย่างรุนแรง
“คนตาย ใครก็ได้ มีคนตาย!” เสียงกรีดร้องตื่นตระหนกใของสาวใช้ดังลั่นจากด้านนอกลานเซียนหลานออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ เหนียนอีหลานไม่สนใจฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน นางกัดฟันแน่น แอบด่าทอตัวเอง รีบยันตัวลุก นางรู้ดีว่ามิอาจปกปิดการตายของฟางเหอได้แล้ว
ตอนนี้นางต้องทำอะไร...
เหนียนอีหลานรีบวิ่งเข้าไปในห้องและมองไปที่ศพบนเตียง เหนียนอีหลานกัดฟัน นางยอมแพ้แล้ว
นางก้าวเข้าไปข้างหน้า ดึงผ้าปูเตียง จากนั้นห่อร่างของฟางเหอ แล้วลากออกจากเตียง แม้จะลงมือจัดแจงอย่างประณีต ทว่ามือที่สั่นเทาของนางกลับเผยให้เห็นถึงความกลัว
ในใจเหนียนอีหลานคิดอยู่เพียงอย่างเดียวคือ ลากร่างของฟางเหอออกไปโดยเร็ว มันต้องไม่อยู่ในห้องของนาง ทว่านางจะเอาไปไว้ที่ใดเล่า?
"ใช่ เหนียนยวี่...ห้องของเหนียนยวี่!" เหนียนอีหลานคิดอะไรบางอย่างได้ ดวงตาที่ยังฉายแววตื่นตระหนกของนางก่อนหน้านี้ เพียงครู่เดียวพลันกลับมานิ่งสงบ
เพียงแค่วางศพไว้ในห้องเหนียนยวี่ แม้จะมีคนจะมาเจอ นางก็ยังมีข้ออ้างมากมาย ทว่านางมัวแต่จดจ่ออยู่กับศพที่อยู่บนเตียง จึงไม่ทันสังเกตเห็นเงาร่างหนึ่งแอบอยู่ในห้อง
ผู้มาเยือนฝีเท้าก้าวเดินเงียบเชียบ มือกอดอก มองดูพี่สาวร่างบอบบางของตนกำลังลากศพอย่างสุดแรง
ห้องของนางหรือ?
เหนียนอีหลานกับหนานกงเยวี่ย สองคนนี้สมเป็แม่ลูกกันจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดเื่อะไร สิ่งแรกที่นึกถึงคือการโยนความผิดให้กับตน หึ พวกนางเห็นเหนียนยวี่เป็อะไรกัน
“ท่านพี่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ?” เหนียนยวี่ฉับพลันนั้นเอ่ยขึ้นมาทันใด หญิงสาวที่กำลังลากของหนักและหันหลังให้นางพลันชะงัก หันหน้ากลับมามองทันที ครั้นเห็นสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี ฝีเท้าสั่นไหวไม่มั่นคง ล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง
"เหนียนยวี่ เหตุใดเ้า เ้า..." เหนียนอีหลานจ้องมองดวงตาและวงคิ้วบนใบหน้ารูปนั้น หากมิใช่เหนียนยวี่แล้วจะเป็ผู้ใดไปได้อีก
ใบหน้าในยามนี้พกพารอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง สงบนิ่งไม่ยินดียินร้าย
เป็ไปได้อย่างไร...
เหนียนยวี่มายืนอยู่ตรงหน้านางอย่างไร้ร่องรอย ไม่บุบสลายได้อย่างไร
“ท่านพี่ ท่านกลัวอะไรหรือ?” เหนียนยวี่เห็นความหวาดกลัวในดวงตาของเหนียนอีหลาน จึงบีบคั้นกดดันนางต่อไป สายตามองไปยังบางสิ่งที่ถูกห่อไว้บนเตียง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ท่านพี่ นี่คือสิ่งใดหรือ?”
ยามที่เอ่ย เหนียนยวี่ยื่นมือออกไปดึงผ้าคลุมเตียงออก ฉับพลันนั้นก็เผยร่างของฟางเหอออกสู่สายตาอีกครา
"กรี๊ด…"
ััเย็นะเืแผ่กระจาย เหนียนอีหลานใจนทำอะไรไม่ถูก ทว่าเหนียนยวี่ที่ยืนอยู่ข้างกาย กลับจ้องมองไปที่เหนียนอีหลาน พึมพำในปาก “ท่านฆ่าฟางเหอ ท่านพี่...คาดไม่ถึงเลยว่าท่านจะฆ่าฟางเหอ”