เมื่อฉินเฟิงรู้ผลของหลินเป้ยเป้ยเขาก็เศร้าอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเขาจะล้มไม่ได้เขาปลอบแม่หลินขณะที่รอให้อารมณ์ของเธอมั่นคงก่อนที่จะนั่งตรงหัวเตียงของหลินเป้ยเป้ย เขาลูบใบหน้าที่เนียนนุ่มของเธอเขาอธิษฐานไม่หยุดหย่อนว่าเธอจะรู้สึกตัวขึ้นมาในไม่ช้า
“นายท่านทำตัวเว่อร์ไปหรือเปล่า? นายท่านมีระบบราชันเ้าสำราญทั้งทีก็แค่เืคั่งในสมอง ไม่เห็นจะเป็เื่ใหญ่อะไรเลย”เสียงของเ้าหมูน้อยดังก้องในหัวของฉินเฟิง “ถ้านายท่านปรุงยาได้แม้แต่ยาวิเศษที่ท้าทายธรรมชาติอย่างฟื้นคืนชีพหรือไม่มีวันแก่ ก็สามารถปรุงได้ไอ้เืคั่งในสมองแบบนี้ นายท่านปรุงยาปราณโลหิตมาสักเม็ดก็รักษาได้แล้ว”
“นายท่าน ข้ารู้สึกอับอายจริงๆ ที่ติดตามเ้านายอย่างนายท่าน!”
“ไอ้เ้าหมู ฉันจะลงโทษแกและจะไม่ให้แกออกจากระบบตลอดทั้งปี”ฉินเฟิงพูดด้วยความโกรธ
หลังจากะโใส่เ้าหมูน้อยฉินเฟิงก็คิดสักพักหนึ่ง และท่าทีก็เปลี่ยนไปเขามองดูเ้าหมูน้อยที่ทำท่าเหมือนอยากได้ความดีความชอบจากมัน เขายิ้ม “ฮ่าๆๆเ้าหมูน้อย เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง...แกพูดจริงหรือเปล่า? ถ้าฉันปรุงยาปราณโลหิตแล้วจะสามารถปลุกหลินเป้ยเป้ยได้น่ะ?”
“ยาปราณโลหิตสามารถช่วยให้คนธรรมดาเข้าสู่โลกยุทธภพมีคุณวิเศษละลายลิ่มเืและกระตุ้นการไหลเวียนของเื มันสามารถฟื้นฟูหล่อเลี้ยงท่อลมปราณที่ได้รับความเสียหายและอวัยวะภายในได้อีกด้วยหลินเป้ยเป้ยแค่หัวถูกกระแทกด้วยแรงของตัวเอง ดังนั้นความเสียหายจึงไม่สาหัสนักแม้ว่าจะใช้ยาปราณโลหิตรักษาเธอก็ยังถือว่าเกินไปนิดหน่อยด้วยซ้ำ”เ้าหมูน้อยกล่าวทั้งหมดด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
ฉินเฟิงใจเย็นลงแต่เขาก็เริ่มตื่นเต้นทันที
บัวโลหิตร้อยปีที่ซูชิวเยว่ให้มาด้วยความบังเอิญคือวัตถุดิบสำคัญที่สุดในการสร้างยาปราณโลหิตตอนนี้ทั้งหมดที่เขาทำได้คือทลายขีดจำกัดตัวเองให้เป็จอมยุทธ์กำลังภายในขั้นสี่เพื่อที่จะสามารถสร้างยาปราณโลหิต แล้วหลินเป้ยเป้ยก็จะรู้สึกตัวอีกครั้ง
ด้วยสิ่งนี้ความปรารถนาของฉินเฟิงจึงรุนแรงมากขึ้น
...
มณฑลยูนนานลมพัดพาฝนมาสู่เมืองจิ้นเฉิงในยามค่ำคืน
แม้ว่าจะมันจะดึกแล้วแต่หลายคนในเมืองจิ้นเฉิงก็ยังตื่นอยู่ สำหรับคนที่อยู่บนท้องถนนคืนนี้อาจจะเป็คืนที่แปลก ตระกูลอวี่ที่ครองตำแหน่งตระกูลอาชญากรอันดับหนึ่งแห่งเมืองเว่ยเฉิงถูกฆ่าทั้งตระกูลในคืนเดียว
เมื่ออิทธิพลโลกใต้ดินกลุ่มอื่นได้ยินข่าวนี้ก็ไม่อยู่เฉยพวกเขาล้อมโจมตีใกล้บ้านตระกูลอวี่เพื่อหวังได้เศษเนื้อของเนื้อชิ้นใหญ่
ในคฤหาสน์หรูอีกด้านหนึ่งของเมืองจิ้นเฉิงยังมีแสงไฟส่องสว่าง
มีชายสองคนนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ที่หรูหรางดงามคนหนึ่งแก่และอีกคนหนึ่งหนุ่ม คนหนุ่มนอนพิงโซฟาอย่างสบายอารมณ์ขณะที่ชายแก่ยืนอยู่ด้านข้างและรอชายหนุ่มพูด
“ลุงผี รู้หรือเปล่าว่าใครฆ่าล้างตระกูลอวี่?” ชายหนุ่มคนนี้ดูภูมิฐานเขาใส่ชุดฉางเผ่าสีขาว และมีน้ำเสียงราบเรียบ
“นายน้อยรองครับ คนที่ไปตรวจสอบบอกว่าพวกเขาไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้ทุกคนที่ตรวจตราในบ้านตระกูลอวี่ถูกกวาดล้างทั้งหมดและคนคนนั้นก็เ้าเล่ห์อย่างมากอีกด้วยพวกมันอาจจะไม่ได้ขับรถไปกลับในเส้นทางเดียวกันผมเกรงว่าเราจะไม่มีอะไรให้สืบเสาะ” ลุงผีกล่าว
ถ้าฉินเฟิงอยู่ที่นี่เขาคงจะสู้ตายกับลุงผีเมื่อครั้งล่าสุดตอนที่เขาฆ่าและตัดหัวของหม่าเต๋อหู่เขาคือชายชุดดำที่พาตัวหม่าเต๋อหู่ไป เขาเก่งกาจ ปราดเปรียว และคาดเดาไม่ได้
หลังจากลังเลสักพักลุงผีก็กล่าว “ในระหว่างที่ตระกูลอวี่โดนกวาดล้าง สายในเมืองเว่ยเฉิงรายงานว่าฉินเฟิงหายตัวไป”
หลังจากได้ยินคำพูดของลุงผีความมุ่งร้ายก็ฉายผ่านแววตาของชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้สงบเยือกเย็น“ลุงคิดว่าฉินเฟิงล้างบางตระกูลอวี่เหรอ?”
ถ้านี่เป็คำพูดเมื่อเดือนก่อนชายหนุ่มอาจจะหัวเราะเป็คนแรก แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้จับตามองฉินเฟิงมาหนึ่งเดือนทั้งชายหนุ่มและลุงผีก็เริ่มคุ้นเคยกับนายน้อยที่บ้าระห่ำโฉมใหม่นี้
ตอนแรกเขาให้เฝิงเทียนหัวและหม่าเต๋อหู่รับมือกับฉินเฟิงแต่ฉินเฟิงกลับมองแผนการของเขาทะลุปรุโปร่งแล้วพ่อของเฝิงเทียนหัวก็โดนจับและตระกูลเฝิงก็ดิ่งลงเหมือนพระอาทิตย์ตกดินตามด้วยหม่าเต๋อหู่ก็โดนฆ่าและแก๊งับินของหม่าต้าหลงพ่อของเขาก็ถูดกดดันจากตระกูลฉิน
ต่อมาเขาก็ให้เฉาหยางทำให้ชื่อเสียงของหวงเจียกรุ๊ปหม่นหมองแต่ก็ถูกฉินเฟิงจับได้ และหลักฐานการยักยอกทรัพย์ยังอยู่ที่สถานีตำรวจ
ต่อมาเขาก็ร่วมมือกับฮ่าวหยุนแห่งตระกูลฮ่าวเพื่อจัดการกับฉินเฟิงแต่ฮ่าวหยุนกลับโดนฆ่าและาก็เกิดขึ้นระหว่างตระกูลฮ่าวและตระกูลฉินครั้งนี้ตระกูลฮ่าวล่มจมจนเหลือเพียงประมุขตระกูลฮ่าวที่หนีไปได้และกำลังหลบซ่อนเพื่อเอาตัวรอดอยู่
แม้ทั้งหมดนี้จะเป็เพราะฉินหวงช่วยเหลือฉินเฟิงแต่ความสามารถและความฉลาดของฉินเฟิงเองก็ไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป
นายน้อยรองที่ไม่เคยเห็นฉินเฟิงอยู่ในสายตาแต่ตอนนี้เขานั่งตัวตรงบนโซฟา สายตามีความเ็าเพิ่มขึ้น เขาไม่จำเป็ต้องให้ลุงผีตอบเพราะเขาพอที่จะสรุปได้ด้วยตัวเอง
เขามีสายลับมากมายนับไม่ถ้วนในเมืองเว่ยเฉิงเพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวของฉินเฟิงโดยเฉพาะเป็ธรรมดาที่นายน้อยรองจะรู้เื่ที่อวี่เหวินเสียงกำลังจะลงมือกับหลินเป้ยเป้ยอวี่เหวินเสียงเพิ่งยั่วยุฉินเฟิงไปและตระกูลอวี่ก็ถูกกำจัดถ้านี่เป็เื่บังเอิญ มันก็บังเอิญเกินไปแล้ว
“เราทุกคนประเมินฉินเฟิงต่ำไป” นายน้อยรองถอนหายใจทันใดนั้นจิตสังหารที่เย็นเข้ากระดูกก็ฉายแววในดวงตาของเขา เขามองลุงผีและสั่ง“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ภายใน 3 เดือนนี้ฉันอยากจะเห็นตระกูลฉินได้รับความเสียหายอย่างหนักและฉินเฟิงมันต้องพิการ”
...
ฉินเฟิงอยู่ข้างหลินเป้ยเป้ยในห้องผู้ป่วยที่โรงพยาบาลมา3วัน ก่อนที่เขาจะกลับสู่ชีวิตปกติ
ตอนนี้เขานั่งอยู่ในห้องโถงของแผนกการขายภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามฉินเฟิงอยากจะตายเมื่อเห็นตัวเลขสีแดงว่า แต้มสำราญ 0 แต้ม
ฉินเฟิงเปิดระบบราชันเ้าสำราญและดูแถบหน้าจอใกล้ๆถ้าเขาไม่ได้ดูเขาก็คงจะไม่รู้เขามองและสะดุ้งด้วยความใ...เขายังมีภารกิจที่กำลังดำเนินการอยู่ 12 ภารกิจ
“ทำให้หลินเป้ยเปยเป็แฟนของโฮสต์ : แต้มสำราญ 100 แต้มระยะเวลาคงเหลือ : 7 วัน”
“พิชิตหานอิ๋งอิ๋ง : แต้มสำราญ 500 แต้มระยะเวลาคงเหลือ : 2 เดือน 9 วัน”
“สืบหาคนที่อยู่เื้ัของหม่าเต๋อหู่ : แต้มสำราญ 500 แต้ม ระยะเวลาคงเหลือ : 10 วัน”
“แก้ไขความเกลียดชังของไป๋ชิงที่มีต่อโฮสต์ : แต้มสำราญ 500 แต้ม”
“ยกระดับเข้าสู่ขั้นที่สาม : แต้มสำราญ 1,000 แต้ม”
“ช่วยครูหยุนเซียวขจัดความกลัวการเข้าสังคม : แต้มสำราญ 1,000 แต้ม”
“ล้มล้างอิทธิพลทั้งหมดของตระกูลเหลียงแห่งเมืองหลวง : แต้มสำราญ 20,000แต้ม”
“ฝึกหลิ่วปิงปิง : แต้มสำราญ 3,000 แต้ม”
“ฝึกสวี่รั่วโหรว : แต้มสำราญ 3,000 แต้ม”
“ยกระดับกำลังภายในขั้นที่สอง : แต้มสำราญ 500 แต้ม”
“ช่วยหลี่อวี่เฉินจากการขอร้องการแต่งงานที่น่าปวดหัว : แต้มสำราญ 2,000แต้ม”
“ยึดครองบริษัทของตระกูลซูแห่งเมืองเทียนเฉิง : แต้มสำราญ 10,000 แต้ม”
หลังจากมองภารกิจทั้ง12ภารกิจตามลำดับ ฉินเฟิงเลือก 5 ภารกิจที่ใกล้จะหมดเวลาเขาต้องรีบทำให้เสร็จไวที่สุด
ตอนนี้เขา้าแต้มสำราญอย่างมากถ้าเขา้าปลุกหลินเป้ยเป้ย เขาจำเป็ต้องปรุงยาปราณโลหิตทว่าเขาต้องยกระดับเป็กำลังภายในขั้นที่สี่ก่อน ถึงจะสามารถปรุงยาได้ตอนนี้ฉินเฟิงอยู่เพียงขั้นที่หนึ่งเท่านั้น ใครจะรู้ว่าเขาจะยกระดับได้ตอนไหน
อย่างไรก็ตามระบบพร้อมขายยาปราณโลหิตในราคา 10,000 แต้มสำราญฉินเฟิงจึงเตรียมที่จะทำภารกิจให้สำเร็จไวที่สุด ถ้านั่นไม่ได้ผลเขาก็ต้องใช้แต้มสำราญเพื่อซื้อยาปราณโลหิตเพื่อปลุกหลินเป้ยเป้ยก่อน
5 ภารกิจที่เขาเลือกมาคือ
“ทำให้หลินเป้ยเป้ยเป็แฟนของโฮสต์”
“ฝึกสวี่รั่วโหรว”
“ช่วยครูหยุนเซียวขจัดความกลัวการเข้าสังคม”
“ช่วยหลี่อวี่เฉินจากการขอร้องการแต่งงานที่น่าปวดหัว”
“สืบหาคนที่อยู่เื้ัของหม่าเต๋อหู่”
5 ภารกิจพวกนี้กำลังจะหมดเวลาและบางอันก็เป็สิ่งที่ฉินเฟิงคิดว่าต้องทำให้สำเร็จั้แ่เนิ่นๆ
“ฉินเฟิง กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” จู่ๆเสียงของสวี่รั่วโหรวก็ดังออกมา
“ฉันกำลังคิดถึงเธออยู่ไง” ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่มองไปหาเธอ
ใบหน้าเนียนใสของสวี่รั่วโหรวแดงด้วยความเขินอายทันทีเธอกัดฟันและกล่าว “ฉินเฟิง หละ...หลายวันที่ผ่านมา คุณดูเหมือนมีบางอย่างในหัว คุณพูดกับฉันเื่ที่ทำให้คุณไม่มีความสุขก็ได้นะแม้ว่าฉันจะปลอบคนไม่เก่ง แต่ฉันได้ยินเขาบอกว่าถ้าบอกสิ่งที่อยู่ในหัวตอนที่กำลังทุกข์ร้อนกับใครสักคน คุณจะรู้สึกดีมากขึ้น”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร ฉันจะเก็บมันเป็ความลับอย่างแน่นอนฉันจะไม่มีทางบอกให้คนอื่นรู้เด็ดขาด”สวี่รั่วโหรวยิ้มให้ฉินเฟิงและมองดูเขาด้วยั์ตากลมโต
“สวี่รั่วโหรว มาที่ออฟฟิศฉันหน่อย” ฉินเฟิงยังไม่ทันจะพูดเสียงของหลี่อวี่เฉินก็ดังออกมาจากออฟฟิศทันที
สวี่รั่วโหรวใมากจนกัดลิ้นตัวเองเธอมองฉินเฟิงอย่างกังวล “อ๊ะ ไม่นะ หัวหน้าหลี่ต้องรู้แล้วแน่เลยว่าเราแอบพูดคุยระหว่างงานเธอคงเรียกฉันไปต่อว่าแน่เลย”
ฉินเฟิงหยิกแก้มของสวี่รั่วโหรวเมื่อเห็นว่าเธอดูหวาดกลัวแค่ไหน“อย่าห่วงเลย ถ้าหัวหน้าหลี่ทำเื่ยุ่งยากกับเธอล่ะก็บอกว่าเธอเป็เพื่อนฉัน...ฉันให้ถุงน่องหัวหน้าหลี่ไปคู่หนึ่ง เธอคงจะไว้หน้าฉันบ้างล่ะ”
สวี่รั่วโหรวเดินไปที่ออฟฟิศของหลี่อวี่เฉินด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดของฉินเฟิง
“หัวหน้าหลี่ คะ...คุณกำลังมองหาฉันเหรอคะ?” เธอเข้าห้องและปิดประตู
“รั่วโหรว อย่ายืนสิ มานั่ง”หลี่อวี่เฉินยิ้มให้สวี่รั่วโหรวและชวนเธอให้นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ
หลังจากที่สวี่รั่วโหรวนั่งแล้วเธอกังวลอย่างมากและไม่กล้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า
“รั่วโหรว อย่ากังวลไปเลย ฉันไม่ได้มองหาเธอเพราะเื่งานหรอกฉันแค่อยากจะคุยสัพเพเหระกับเธอเื่ครอบครัวของเธอเท่านั้นเอง”หลี่อวี่เฉินหัวเราะเมื่อเห็นสวี่รั่วโหรวยังดูหวาดกลัวอยู่
ความจริงหลี่อวี่เฉินมีคำถามสำหรับสวี่รั่วโหรว
ั้แ่ที่เธอเห็นสวี่รั่วโหรวนั่งรถของท่านประธานฉินและออกไปกับเขาด้วยกันหลี่อวี่เฉินใช้เวลาในการตรวจสอบเธอหลังเลิกงานทุกวัน เธอตระหนักได้ว่า 3 วันที่ผ่านมา สวี่รั่วโหรวออกไปกับรถคันเดียวกันกับผู้ช่วยหานและท่านประธานฉินครั้งนี้หลี่อวี่เฉินฟันธงตัวตนของสวี่รั่วโหรวแล้วเธอต้องเป็คนของบ้านตระกูลฉินแน่นอน แต่เธอไม่เปิดเผยตัวเอง
ตลอดเวลาเธอโดนแม่ของเธอบังคับให้แต่งงานเข้าตระกูลฉินครั้งนี้เธอพร้อมที่จะใช้สวี่รั่วโหรวเป็ใบเบิกทาง
“รั่วโหรว มีอะไรที่เธอยังไม่ชินในบริษัทหรือเปล่า? ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจหรือยากก็อย่าอายแค่บอกฉันก็พอ” หลี่อวี่เฉินกล่าวคำสุภาพก่อนที่จะถามเธอ