ยามเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ทุ่งหญ้าที่เคยเขียวชอุ่มก็เปลี่ยนเป็สีเหลืองทอง
เกวียนบรรทุกสินค้าคันโตพากันขนของกลับมาจากแคว้นจิง ล้อหนาหนักของเกวียนเ่าั้บดถนนจนเป็ร่องลึก
ต้นหญ้าที่แสนจะแข็งแรงต้นน้อยใหญ่ก็พาลถูกมันกดไว้ข้างใต้ จนสุดท้ายต้นหญ้านั้นก็ต้องพากันไปงอกที่อื่นแทน
ทุ่งหญ้าที่เดิมทีไม่มีถนน บัดนี้กลับมีถนนกว้างไว้ให้รถและเกวียนได้สัญจร
เกวียนหนักที่ทำถนนเป็ร่องลึกได้บรรทุกอาวุธจากแคว้นจิงมาเต็มคัน
เมื่อมองไปทางคนขับเกวียนคันนี้จึงได้เห็นท่าทีระมัดระวังอย่างสุดแสนของเขา
เมื่อหันไปมองพ่อค้าในขบวนคาราวานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้ทั้งสองแก้มจะปรากฏร่องรอยแห้งแล้ง และความทุกข์ยาก แต่ถึงกระนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็สามารถกลบร่องรอยพวกนั้นไว้ไม่เหลือ
เช่นนี้ก็พอจะรู้ได้ว่าการค้าของเขาคงได้ผลตอบแทนมาไม่เบา
เด็กหนุ่มอาลู่ยังคงเปิดแผงขายน้ำชาอยู่เช่นเดิม
ด้วยเพราะรูปลักษณ์ที่คมสันของอาลู่ จึงทำให้เหล่าแม่นางน้อยในอำเภอนี้ เมื่อถึงยามที่ได้รับอนุญาตให้มาเดินเล่นได้ ก็จะพากันจับกลุ่มเดินมาเมียงมองที่แผงขายชาของอาลู่
และด้วยเพราะอาสวินน้องชายของเขามีความรู้เื่วรรณกรรมเป็เลิศ จึงทำให้ท่านนายอำเภอนั้นถึงขั้นเอ่ยปากชม กล่าวว่าเด็กหนุ่มมีพร์ด้านการประพันธ์ เนื้อหาต่างๆ ล้วนเขียนได้ครอบคลุมครบถ้วน
ด้วยเหตุนี้นอกจากเหล่าแม่นางน้อยแล้วก็ยังมีเหล่าคุณชายที่ไม่เชื่อเื่นี้ แอบมาเมียงมองด้วยเช่นกัน
คิดอยากจะมาพบเด็กหนุ่มอาสวิน คิดอยากจะเปิดโปงเ้าเด็กหนุ่มที่แสนจะโชคดีคนนี้ เขาเป็แค่เด็กหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่ง จะเอาอะไรมาโดดเด่นด้านวรรณกรรมได้ เช่นนั้นจึงได้พากันปล่อยข่าวลือว่าเพื่อจะให้กำลังใจเหล่าเด็กหนุ่มที่กำลังศึกษาเล่าเรียนในอำเภอิเหอให้ตั้งใจเรียน ท่านนายอำเภอจึงได้จงใจเอ่ยปากชมเ้าเด็กหนุ่มคนนั้นออกมา
เหล่าคุณชายกลุ่มนี้แม้ว่าน่ารำคาญนัก ทว่าแผงขายน้ำชาของอาลู่นั้นก็ยังคงเปิดได้ตามปกติ
ด้วยเพราะลู่เกอนั้นมีน้องชายนามเสี่ยวอู่อยู่อีกคน เขาร่างกายกำยำแข็งแรง แม้จะยังไม่โตเป็หนุ่มแต่ก็สามารถต่อยตีกับคนอื่นแบบหนึ่งต่อสิบได้แล้ว บนร่างก็พาดลูกเหล็กหนักๆ สองลูกไว้แนบกายตลอด จึงทำให้ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือนัก
ทั้งนี้ก็เพราะเหล่าคนพาลในอำเภอิเหอนั้นก็ล้วนแต่ได้เสี่ยวอู่เป็คนจัดการ ทว่าเสี่ยวอู่ก็ไม่ได้ดีแต่ป่าเถื่อน แต่ยังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้คนอื่นเสมอ จึงทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและขุนนางในศาลาว่าการแน่นแฟ้นไม่เบา จนใครๆ ก็รู้สึกว่าสามหนุ่มพี่น้องในครอบครัวนี้ล้วนแล้วแต่เป็ยอดคน
กิจการแผงขายชาของอาลู่จึงรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ
แผงขายบนถนนเส้นนี้ของอาลู่นั้นมีธงที่เขียนตัวอักษร ‘ลู่’ แขวนตระหง่านโบกสะบัดคอยดึงดูดสายตาผู้คน
เหล่าพ่อค้าที่ไปค้าขายในต่างแคว้น เดิมทีก็ไม่เคยรู้สึกอะไร จวบจนได้กลับมาบนเส้นทางการค้าสายนี้แล้วเห็นธงที่เขียนคำว่า ‘ลู่’ โบกสะบัดอยู่ จิตใจที่เคยลอยค้างก็พลันกลับเข้าอก พลันรู้สึกปลอดภัยมั่นคงขึ้นมา
อาลู่ในวันนี้ก็ยังคงเหมือนกับวันวาน ในมือยังคงถือกาน้ำชาคอยเติมให้เหล่าลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้าน
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าไกลๆ มีม้าฝูงหนึ่งกำลังวิ่งมาพร้อมกับเสียงหัวเราะคึกคัก คนที่นำฝูงม้ามานั้นยังเป็คนที่เขาสนิทสนมด้วย
“นายท่านหู ท่านกลับมาแล้ว ใบหน้าท่านอิ่มเอิบมีเืฝาดเช่นนี้ การค้าขายย่อมต้องได้กำไรงามเป็แน่” อาลู่ยืนมองชายตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้าง วาจาที่กล่าวออกมาก็ล้วนน่าฟังทั้งยังแฝงไปด้วยความยินดี
นอกจากนี้แผงชาของอาลู่นั้นยังเป็แผงชาที่อยู่ใกล้ตัวอำเภอที่สุด
ตลอดทางนายท่านหูเอาแต่รีบเร่งกลับมาด้วยความปีติ เดิมทีก็อยากแบ่งปันเื่ที่ตนประสบมากับใครสักคนอยู่แล้ว เมื่อได้พบกับเด็กหนุ่มที่แผงชาอีกครั้ง นายท่านหูก็พลันรู้สึกว่าแสงแดดช่างเป็ใจ จิตใจก็เบิกบาน ไร้ซึ่งความหม่นหมองแม้สักกระผีก จึงได้ะโเรียกกองคาราวานที่มาด้วยกันให้มานั่งพักที่นี่ ส่วนเขาเองเมื่อลงจากหลังม้าแล้วก็นั่งลงตรงโต๊ะที่เขาเคยนั่งเมื่อครั้งก่อน
ผ่านไปแค่พริบตาเวลาก็ล่วงเลยมาถึงครึ่งปีแล้ว
พ่อค้าร่างอวบผิวขาวคนนี้ก็มีอารมณ์ขันขึ้นมาเช่นกัน ด้วยเพราะเร่งเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน จึงทำให้เขาซูบซีดลงไม่น้อย ทว่าก็ยังคงอารมณ์ดีเป็อย่างยิ่ง
บั้นท้ายอ้วนๆ ของเขาเพียงแค่จะแตะถึงเก้าอี้ มืออวบๆ นั้นก็ล้วงเงินก้อนเล็กออกมาวางรอไว้แล้วก้อนหนึ่ง
ความจริงแล้วดื่มชาที่แผงลอยข้างทางเช่นนี้ใช้เหรียญทองแดงจ่ายก็นับว่าเพียงพอแล้ว แม้จะเดินทางมาทั้งคาราวานใหญ่ก็ยังไม่จำเป็ต้องใช้เงินมากถึงก้อนหนึ่ง
ทว่าพ่อค้าร่างอวบเพียงแค่โบกมือแล้วก็มอบเงินก้อนนั้นให้อาลู่
“นี่เป็ค่าตอบแทนสำหรับคำอวยพรของเ้า ครั้งนี้ตลอดเส้นทางมีแต่ความราบรื่นต้องขอบคุณเ้าแล้ว” นายท่านหูกล่าวจบก็หัวเราะเสียงดังขึ้น
เขานั้นอยากจะพูดเช่นนี้ั้แ่แรกแล้ว ทว่ายามเดินทางออกจะไม่เหมาะสมที่จะกล่าวอะไรเช่นนี้ ทว่าบัดนี้เริ่มเข้าเขตอำเภอแล้ว ทั้งในตัวอำเภอยังมีร้านค้าของตระกูลหูอยู่ เมื่อคิดถึงผลตอบแทนจากการเดินทางในครั้งนี้ของเขาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะใจชื้นขึ้นมา
ทั้งภรรยาและลูกๆ ก็ไม่ได้เจอกันมาครึ่งปีแล้ว ในตอนที่จะออกเดินทางนั้นเหล่าญาติและสหายต่างก็พากันเยาะเย้ยเขาว่าเป็เพียงคนปลายแถวของตระกูลหู กระทั่งยามที่เขาไปหารือกับตระกูลใหญ่เื่ที่จะออกไปค้าขายก็ยังถูกพ่อบ้านตำแหน่งเล็กๆ ในจวนหัวเราะเยาะเสียยกใหญ่ ทั้งยังกล่าวว่าเขานั้นไม่ยอมตั้งใจทำการทำงานให้ดี คิดอยากจะรวยในชั่วข้ามคืน ช่างราวกับสุนัขฝันอยากจะเป็พยัคฆ์ก็ไม่ปาน
ในตอนนั้นกระทั่งคนในตระกูลใหญ่สักคนก็ยังไม่ยอมออกมาพบหน้าเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่การช่วยเหลือ มีเพียงแค่ส่งคนมากำชับเขาหลายครั้งว่าห้ามเขาเอาชื่อตระกูลไปแอบอ้างโดยเด็ดขาด ด้วยเกรงว่าเขานั้นจะทำลายความน่าเกรงขามของตระกูลหู
ทั้งภรรยา ลูกหลานและบิดามารดาของเขาล้วนหวั่นใจจนแทบนั่งไม่ติด
แต่ก็จนใจที่ครอบครัวตนนั้นไม่ได้มีเงินทองเหลือล้นอันใด บุตรหลานบ้านอื่นเพื่อจะสอบเข้าสำนักเชิน ก็ล้วนสามารถเชิญท่านอาจารย์มาชี้แนะเป็การส่วนตัวได้ ทว่าเงินที่ต้องมอบให้ท่านอาจารย์เ่าั้ก็มากมายนัก เพียงแค่เชิญมาสอนสักรอบหนึ่งก็ต้องใช้เงินพอๆ กับเงินเดือนจำนวนหนึ่งเดือนที่ครอบครัวชาวบ้านทั่วไปใช้ในการในการดำรงชีพ
แม้เป็เช่นนี้ก็ยังจำเป็ต้องมีเส้นสายจึงจะสามารถเชิญท่านอาจารย์มาได้
หากไม่มีเส้นสายพิเศษ ท่านอาจารย์ก็ไม่มีทางจะยินยอมมาสอน
บุรุษเช่นเขา กระทั่งจะเชิญท่านอาจารย์มาชี้แนะบุตรของตนก็ยังทำไม่ได้ เช่นนี้จะให้เขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจจะลองดูสักตั้งกับเดิมพันในครั้งนี้ โชคดีนักที่เขาได้ชัยชนะกลับมา
เมื่อชายร่างอวบดื่มชาร้อนที่เด็กหนุ่มเพิ่งจะรินให้อึกหนึ่ง ก็พลันพ่นไอร้อนออกมา
ความรู้สึกในใจของนายท่านหูผสมปนเปกันยุ่งเหยิง ั์ตาก็ไม่อาจควบคุมหยาดน้ำตาที่ค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นมาได้
“ชาดี” เขาสะอื้นขึ้นเบาๆ ก่อนจะพยายามเก็บซ่อนท่าทีของตน
อาลู่เห็นเช่นนั้นก็นั่งลงข้างกายเขา ก่อนจะวางขนมชิ้นสีขาวที่เรียงอยู่เต็มจานในมือตนลง
“ไม่เจอกันครึ่งปี นายท่านหูดูสง่าขึ้นไม่เบา ช่างน่าเลื่อมใสนัก คาดว่าการเดินทางครั้งนี้คงมีสีสันมากกระมัง”
อาลู่กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าจริงใจ นายท่านหูพยักหน้าตอบแรงๆ
ด้วยไม่เพียงแค่มีสีสัน เรียกว่าช่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ชวนให้อกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอดเวลา ทั้งเื่ราวยังพลิกผันจนเกินคาดเดา
เขาลงทุนใช้สมบัติทั้งหมดที่มีไปกับการซื้อกระดาษหูจำนวนหนึ่งส่งไปยังแคว้นจิง
คิดเพียงว่ากระดาษหูเป็ของหายากที่คนในแคว้นเชินต่างก็ยกย่องว่าเป็ของดี หากไปถึงแคว้นจิงแล้วย่อมจะต้องขายได้ราคาดีอย่างแน่นอน
ทว่าผลที่ได้นั้นกลับผิดคาด
แคว้นจิงเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ แม้กระดาษหูจะเป็ของหายากก็จริง แต่พวกเขาก็ยังรังเกียจว่ามันแพงเกินไป
คนที่ยินยอมจะซื้อกระดาษพวกนี้จึงมีเพียงชนชั้นสูง เหล่าพ่อค้าสามัญล้วนแล้วแต่เอื้อมไม่ถึง
ครึ่งปีมานี้เขาประสบปัญหาเป็ส่วนใหญ่ โชคดีที่ตอนออกเดินทางนั้น เขาได้ซื้อสินค้าอย่างอื่นที่ราคาถูกกว่าเก็บไว้ กลับกลายเป็ว่าสินค้าราคาถูกที่เป็ของใช้ทั่วไปเ่าั้สามารถขายได้ราคา ทั้งยังขายดีนัก
แม้จะขายสินค้าเ่าั้หมดแล้ว แต่เมื่อเอามาคำนวณรวมกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ผ่านมาก็ยังนับว่าขาดทุนอยู่ดี เพราะกระดาษหูที่เขาลงทุนไปมากที่สุดกลับขายไม่ดีเท่าที่ควร ทว่าให้เขาลดราคากระดาษพวกนี้ เขาก็ทำใจไม่ได้
สุดท้ายก็ทนอยู่ต่อไม่ไหว ได้แต่กัดฟันคิดว่ากลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
กลับมาแล้วก็ค่อยขายกระดาษพวกนี้ไปเสีย คราวนี้จึงตัดสินใจว่าจะขายเท่าทุน ต่อให้ไม่ได้กำไรแต่อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุน ทว่าไม่คาดคิดว่าเมื่อเดินทางมาจนถึงชายแดนของแคว้นเชินก็จะได้พบกับชาวบ้านบนูเาจากแคว้นจิง
ท่าทางเซ่อๆ ซ่าๆ นั้นแบกอาวุธจากแคว้นจิงลงมาขาย คนเหล่านี้ไม่ได้ลงจากเขามานานนับปี อีกทั้งหากไม่แขนหายไปข้างก็ต้องมีขาหายไปข้าง สมกับเป็ชาวแคว้นจิง ดูแล้วกล้าหาญนัก
คราแรกคนกลุ่มนี้วุ่นวายจะเอาเครื่องใช้ทั่วไป ทว่าเขาขายหมดแล้วจึงเหลือเพียงแค่กระดาษหู
เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าชาวบ้านบนูเาเหล่านี้จะไม่รู้ราคาของอาวุธแคว้นจิง จึงได้เลอะเลือนมาขอแลกกับกระดาษหูเสียได้ ทั้งยังคิดว่าตนนั้นได้กำไรอีก
เขายังได้ยินคนพวกนี้กล่าวอีกว่าจะนำกระดาษเหล่านี้ไปขอพรจากเทพเ้า การเก็บเกี่ยวในปีหน้าจะได้ยิ่งเฟื่องฟู
ภาษาที่คนเหล่านี้ใช้ย่อมเป็ภาษาแคว้นจิงอย่างแน่นอน ด้วยเพราะในคาราวานของเขามีคนที่พอจะฟังภาษาทางนั้นออกอยู่บ้าง
นายท่านหูรู้เช่นนั้นก็พลันกระวนกระวาย แต่ก็ดีใจนักที่ได้แลกอาวุธแคว้นจิงกลับมาเต็มเกวียน
แม้จะเดินทางออกมาไกลแล้ว ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดี
แม้ว่าคนที่รู้ภาษาแคว้นจิงคนนั้นจะบอกเขาว่า อาวุธเหล่านี้เป็เพียงอาวุธธรรมดาของแคว้นจิง ทั้งยังเป็งานหยาบ ไม่ใช่แบบที่กองทัพแคว้นจิงใช้กัน แม้จะเป็เพียงอาวุธธรรมดาของแคว้นจิง ทว่าเมื่อถึงแคว้นเชินแล้วมูลค่าก็ไม่รู้ว่าจะเพิ่มอีกกี่สิบเท่า การเดินทางรอบนี้ถึงอย่างไรเขาก็ได้กำไรแล้ว ทั้งยังได้กำไรก้อนโตอีกด้วย
นายท่านหูยามดื่มชาเข้าไปก็รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังเมามาย
ดื่มไปสองถ้วยใหญ่ก็ไม่รีรอ รีบะโรวมพลคาราวานของตนให้ออกเดินทางกลับตัวอำเภอ
อาลู่ก็น้อมส่งนายท่านหูกลับไป มองรถม้าที่บรรทุกของเต็มคัน ของเ่าั้ก็คืออาวุธที่คนในค่ายของพวกเขาช่วยกันหลอมขึ้นมา ใบหน้าคมสันนั้นมองไปก็ยิ้มกว้างขึ้นมาแล้วจึงยกมือขึ้นโบกมือลาแรงๆ
นายท่านหูจากไปครึ่งทางแล้ว หันกลับไปมองก็ยังเห็นเด็กหนุ่มยืนอยู่ ชายร่างอวบก็ได้แต่ทอดถอนใจ
เด็กหนุ่มในพื้นที่ไร้ความเจริญเช่นนี้ ช่างซื่อสัตย์เสียจนทำให้คนรู้สึกเบิกบานนัก