หลังจากกลับมาในห้องพิเศษอันหรูหราไป๋ชิงตรงไปยังห้องของเธอ ล็อกประตูและเปิดโทรศัพท์
“มีไวน์แดงสองแก้วบนโต๊ะที่ระเบียง แก้วที่มีไวน์มากกว่าจะมีพิษใส่อยู่ให้ฉินเฟิงดื่มมันและภารกิจของเธอจะสำเร็จ!”
หลังอ่านข้อความนี้ความรู้สึกต่างๆก็เกิดขึ้นภายในถ้านี่เป็ก่อนที่เธอจะเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นเธอคงจะหลอกฉินเฟิงให้ดื่มไวน์แดงในแก้วโดยไม่ลังเลทว่าตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในบ้านพักตากอากาศ ไป๋ชิงรู้สึกไม่แน่ใจ
ติ๊ง!
ทันใดนั้นข้อความอีกข้อความก็เข้ามาไป๋ชิงเปิดมัน
“ทำไมยังไม่ขยับอีก? ถ้าเธอไม่เคลื่อนไหวในสิบนาทีแผนของคืนนี้จะถูกยกเลิก”
หลังจากเห็นข้อความใหม่ไป๋ชิงกัดฟันเปลี่ยนเป็ชุดราตรีที่ดูยั่วยวนและเดินออกจากห้อง
เมื่อประตูห้องถูกเปิดสายตาของฉินเฟิงก็สว่างสดใสทันที
ไป๋ชิงใส่ชุดราตรีสีดำที่มีลายลูกไม้ขาที่ขาวเรียบเนียนสวยงามถูกเผยออกมาใต้กระโปรงชุดราตรีเป็ผ้าชีฟองที่อยู่ภายใต้แสงไฟ มันจะซ่อนบางส่วนและเผยบางส่วนข้างใต้
“ชิงชิง มานั่งบนโซฟาเร็วเราจะดูหนังด้วยกันฉันรู้รหัสช่องผู้ใหญ่ด้วยอยากดูกับฉันไหม?”
ไป๋ชิงเผยรอยยิ้มซุกซนและเดินสบายๆมาหาฉินเฟิง เธอเริ่มนั่งในอ้อมกอดของเขาเธอตั้งใจกดหน้าอกของเธอลงกับผิวฉินเฟิงและพูดยั่วสวาท “นายน้อยฉินคะคุณน่ากลัวอ่ะ ดิฉันไม่อยากจะดูหนังผู้ใหญ่พวกนั้นดิฉันอยากจะดื่มไวน์บนระเบียงและชื่นชมทัศนียภาพตอนกลางคืนของบ้านพักตากอากาศมากกว่า”
ใบหน้าของฉินเฟิงบานด้วยรอยยิ้มเขาอุ้มไป๋ชิงขึ้นทันทีและวิ่งมาที่ระเบียง “ได้เลยๆๆ ไปที่ระเบียงกันเถอะระเบียงก็ดี! วิวยามค่ำคืนก็ชวนหลงใหล ระเบียงกว้างขวางและสบายฉันก็อยากจะเปิดาบนระเบียง มาเปิดาจนกว่าอาทิตย์จะขึ้นกันเถอะ”
เขาอุ้มไป๋ชิงและมาถึงระเบียงอย่างรวดเร็วฉินเฟิงใจร้อนถกกระโปรงของไป๋ชิงขึ้นไป๋ชิงกดกระโปรงของตัวเองลงทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มอันชวนหลงใหล “นายน้อยฉินคะอย่าใจร้อนสิ…ดิฉันเป็ผู้หญิง ก็ต้องอายอยู่แล้วทำไมเราไม่ดื่มไวน์สักแก้วสองแก้วก่อน เมื่อดิฉันเมา คุณก็ค่อยทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ”
“ได้เลยๆๆ มาดื่มกัน ฉันได้เหล้าขาวมาบ้าง เรามาดื่มกันทั้งขวดเลย”ฉินเฟิงรอไม่ไหวและกำลังจะลงข้างล่างเพื่อไปเอาเหล้าขาว
ไป๋ชิงกอดฉินเฟิงและซบในอ้อมกอดของเขาเธอพูดอย่างซุกซน “นายน้อยฉินคะ คุณน่ากลัวอีกแล้ว ดิฉันเป็เด็กสาวอ่อนแอ แล้วคุณจะเอาเหล้าขาวมาให้ดิฉันดื่มได้อย่างไร? ยังเหลือไวน์แดงที่เรายังกินไม่หมดในตอนแรก มาดื่มสองแก้วนั้นกันเถอะ”
“โอเคๆ งั้นดื่มไวน์แดงกัน” ไม่ว่าไป๋ชิงจะพูดอะไรปากของฉินเฟิงก็พูดตามใจไปเสียหมดสายตาของเขาเกาะแน่นไปที่คอเสื้อของไป๋ชิงและไม่ได้เบนสายตาเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเธอเห็นสายตาหยาบคายของฉินเฟิงไป๋ชิงก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์แต่รังเกียจอยู่ภายในพอมาคิดว่าเธอลังเลที่จะทำร้ายฉินเฟิงในตอนแรกตอนนี้ความหวั่นไหวเล็กน้อยนั้นละลายหายไปหมดแล้ว
“นายน้อยฉินคะ มาดื่มอวยพรกันเถอะ!” ไป๋ชิงถือแก้วไวน์สองแก้ว เธอเทียบแก้วทั้งสองภายใต้แสงจันทร์และยื่นแก้วที่มีไวน์มากกว่าอย่างชัดเจนให้กับฉินเฟิง
“โอเค ชน!” ฉินเฟิงหยิบแก้วไวน์และเงยหน้าดื่มมันฝ่ามือของไป๋ชิงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆหัวใจของเธอเต้นระรัวขณะที่จ้องฉินเฟิงและแก้วในมือของเขา
“เดี๋ยว!” ทันใดนั้น ฉินเฟิงก็หยุด มือที่กำลังถือแก้วไวน์หยุดอยู่กลางอากาศและมองไป๋ชิงด้วยความเคร่งเครียด
ไป๋ชิงสะดุ้งด้วยความใเธอหยุดหายใจและมองสีหน้าที่จริงจังของฉินเฟิง ติดกับความกลัวที่หาเปรียบมิได้“น..นายน้อยฉิน เป็อะไรเหรอคะ?”
ไป๋ชิงแกล้งทำเป็ใจเย็นด้วยความสามารถทั้งหมดของเธอเพราะมันไม่มีทางที่ฉินเฟิงจะรู้แผนของเธอ
“ชิงชิง เราเห็นด้วยกันแล้วว่าหลังจากดื่มไวน์แก้วนี้เราจะทำอะไรที่มันสนิทสนมกันยิ่งขึ้น เธอจะกลับคำพูดไม่ได้แล้วนะ”สีหน้าฉินเฟิงเปลี่ยน เขาเผยสีหน้าลามกออกมาเขายิ้มและกล่าวพร้อมกับสายตาที่จ้องไปที่หน้าอกของไป๋ชิง
“นายน้อยฉิน...ดิฉันทราบแล้ว นี่ค่ะ ชน!”ไป๋ชิงปล่อยลมหายใจที่กลั้นอยู่ออกมาเธอไม่รอให้ฉินเฟิงดื่มก่อนและเงยหน้าดื่มแก้วของเธอจิบหนึ่งเพื่อคลายความกังวลลง
หลังจากดื่มไวน์แดงเข้าไปแล้วไป๋ชิงมองแก้วไวน์ในมือของฉินเฟิงอีกครั้ง และพบว่าเขาดื่มไวน์หมดแล้ว
เวลานี้อารมณ์มากมายพรั่งพรูอยู่ภายในตัวของเธออารมณ์ของเธอตอนนี้ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดได้
ั้แ่ที่ครั้งแรกของเธอถูกฉินเฟิงแย่งชิงไปเมื่อห้าปีก่อนเธอก็เริ่มเก็บความแค้นกับเขา มันคือห้าปีแห่งความเกลียดชัง
มันยากมากที่จะรักใครสักคนมาห้าปีและมันก็ยากยิ่งกว่าที่จะเกลียดใครสักคนมาห้าปีเหมือนกันไป๋ชิงไม่รู้ว่าเธอทำได้อย่างไร แค่ความเกลียดเธอใช้เวลาวางแผนห้าปีในการจัดการและรอคอยอย่างอดทนเพื่อโอกาสในการแก้แค้น
ในระหว่างห้าปีนั้นเธอเห็นความเสเพลที่ฉินเฟิงเป็ด้วยตาของตัวเองเขาพาผู้หญิงสวยไม่ซ้ำหน้ามายังห้องของโรงแรมหวงเจียเธอเฝ้ามองขณะที่ศัตรูของเธอปรากฏตัวต่อหน้าเธอทุกคืนและเขาก็ฉวยโอกาสกับเธอโดยไม่ระมัดระวัง เธอเห็นเขาในฐานะศัตรูอันดับหนึ่งขณะที่เขาไม่แม้แต่จะรู้ว่าเธอคือใคร แม้แต่ไป๋ชิงก็คิดว่ามันน่าหัวเราะคนที่น่าหัวเราะไม่ใช่ฉินเฟิงแต่เป็ตัวเธอเอง
ใครจะรู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เธออยากจะยอมแพ้กลางคันความคิดฆ่าตัวตายนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นในหัว เธอเหนื่อยมากทุกวันั้แ่ที่ลืมตาขึ้นเธอก็อยู่ในโลกแห่งการแก้แค้นเมื่อเธอหลับตาลงในตอนกลางคืน เธอต้องสะดุ้งใด้วยฝันร้าย แม้กระทั่งสุดท้ายแล้วการแก้แค้นก็เป็พลังขับเคลื่อนในการดำรงชีวิตอยู่ของเธอ และกลายเป็ขุมพลังให้เธอมันเหมือนกับฝันที่ไม่สำเร็จที่จะต้องต่อสู้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้ความฝันที่ไป๋ชิงติดอยู่ในที่สุดก็บรรลุผลหัวใจของเธอหยุดเต้น น้ำตาอันบริสุทธิ์ไหลลงมาผ่านแก้มของเธอเธอตระหนักว่าสิ่งที่เธอทำมันผิด เธอทำสิ่งที่ผิดั้แ่เริ่ม
ตอนนี้การแก้แค้นของเธอสมปรารถนาแล้วและเธอมองดูฉินเฟิงค่อยๆ หายไปจากโลกต่อหน้าเธออย่างไรก็ตามเธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแม้แต่น้อย เธอรู้สึกผิดหวังหรือแม้แต่สิ้นหวังเธอสูญเสียขุมพลังและสูญเสียความฝัน…
“ฉินเฟิง ลาก่อน ลาก่อนตลอดกาล...” ไป๋ชิงพูดกับตัวเองมันเหมือนกับเธอกำลังพูดคำจากลาให้กับคนที่คุ้นเคยเป็อย่างมาก
“ฮ่าๆๆ ชิงชิง ฉันดื่มไวน์แดงหมดทั้งขวดแล้ว ตอนนี้ได้เวลาสนุกกันแล้ว”หลังจากดื่มไวน์ในแก้วจนหมด ฉินเฟิงก็กระโจนเข้าหาร่างของไป๋ชิงโดยตรง
ไป๋ชิงไม่ขัดขืนเธอยอมให้น้ำตาของเธอไหลลงมาอย่างเงียบเชียบยอมให้ฉินเฟิงฉีกชุดของเธออย่างไม่มีความยับยั้งชั่งใจยอมให้เขาเข้าไปถึงในเสื้อผ้าของเธอเพื่อกอดรัดร่างของเธอ จูบที่ต้นคอของเธอหน้าอก ท้อง ต้นขา…
แรงของฉินเฟิงค่อยๆหมดลงอย่างช้าๆ เขาหยุดและนอนบนต้นขาของไป๋ชิง น้ำตาของเธอไหลลงอาบแก้มของเขาเธอลูบไล้ชายในอ้อมกอดอย่างแ่เบาชายคนที่ได้ร่างกายของเธอ...ใครจะรู้ว่าเธอเจ็บอยู่ลึกๆ หรือสิ้นหวังสุดขั้วไป๋ชิงก็รู้สึกถึงความเหนื่อยที่ถาโถมเข้ามา เธอค่อยๆ หลับตาและสลบไป
หนึ่งวินาทีสองวินาที...หนึ่งนาทีต่อมา
เงาสีดำสามร่างพุ่งออกมาจากความมืดในยามค่ำคืนในบรรดาทั้งสามคน มีสองคนใส่ชุดปกปิดในเวลากลางคืนและพาชายที่ใส่ชุดไปรเวทออกมาพวกเขาปีนขึ้นจากระเบียงชั้นล่าง
ชายทั้งสองคนในชุดดำขึ้นมาถึงระเบียงและยืนขนาบข้างพวกเขาตั้งใจตรวจสอบการเคลื่อนไหวรอบๆ อย่างระมัดระวังชายที่ใส่ชุดไปรเวทมีรูปร่างสูงตรงมีรอยยิ้มเย้ยหยันบางๆอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาและเดินมาหาฉินเฟิงอย่างช้าๆ
เมื่อเขาเห็นฉินเฟิงนอนไม่รู้สึกตัวบนพื้นชายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะะเิเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ ฉินเฟิงเอ๋ยฉินเฟิงสมควรแล้ว แกมันสมควรแล้ว!”
“พ่อคาดการณ์ไว้นานแล้วว่าไม่ช้าก็เร็วความเสเพลและความเ้าชู้ของแกจะต้องทำให้แกตายคาอกผู้หญิงเข้าสักวันดูเหมือนคำทำนายฉันจะเป็จริงเสียแล้ว ฉันน่าจะไปเป็หมอดูนะเนี่ย”
เมื่อเขาเห็นว่าฉินเฟิงตายแล้วชายคนนั้นก็มีความสุขสุดๆ เขาละเลยภาพที่เขามักจะใส่ใจและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง“นายน้อยเ้าสำราญอันดับหนึ่งแห่งเมืองเว่ยเฉิงอะไรวะ? อิทธิพลอันดับหนึ่งของเมืองเว่ยเฉิงคือตระกูลฉินอะไร? แม่งโคตรไร้สาระเลย แกฉินเฟิงก็เป็คนและเป็คนธรรมดาเหมือนคนอื่นๆแกคิดว่าตัวเองเป็บุตรแห่ง์จริงๆ เหรอ ถุย! แกดีพอหรือไง?”
“ฉันล่ะไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมคุณชายเหวินถึงสนใจแกมากนักถึงขนาดรวบรวมขุมกำลังมากมายเพื่อร่วมกันจัดการกับแก เห็นได้ว่ามันเว่อร์ไปตอนนี้ไม่ใช่ว่ามันถูกฉันแค่คนเดียวจัดการแล้วเหรอ? ฮ่าๆๆ!”
ถ้าฉินเฟิงยังตื่นอยู่เขาคงรู้จักผู้ชายคนนี้เพียงแค่ได้ยินเสียงเขาและฉินเฟิงนับได้ว่าทั้งคู่เป็ส่วนหนึ่งของสี่นายน้อยแห่งมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงเขาคือหัวิคนที่ฉินเฟิงตบหน้าตอนที่เขายังอยู่ในมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิง
ตอนนี้หัวิอยู่ในความบ้าคลั่งเมื่อเขาเห็นฉินเฟิงตายในอ้อมแขนของผู้หญิง ความเกลียดที่เขาเก็บงำไว้เงียบๆในใจก็คลี่คลายในที่สุด เขาคิดเื่ที่ฉินเฟิงขโมยจ้าวหลิงเซียนการที่มันชนะการแข่งศิลปะจีนต่อหน้าคนทั้งชั้น และมันตบเขาต่อหน้าทุกคนภาพการเหยียดหยามพวกนั้นลอยมาทีละภาพๆ แต่หัวิก็ไม่ได้โกรธอีกต่อไปมันคงจะโง่ที่จะโกรธคนตาย
ภายใต้แสงจันทร์หัวิเดินไปหาฉินเฟิงอย่างเงียบๆเขาถือมีดที่สะท้อนแสงเย็นะเื หลังจากที่มาถึงข้างฉินเฟิงเขากำมีดแน่นและกำลังจะแทงลงไปที่หัวใจของฉินเฟิง เขา้าให้ฉินเฟิงตายสนิทตายจนไม่รู้ว่าจะตายอย่างไรอีก!
“ฉินเฟิง ฉันหวังว่าแกจะไปเกิดใหม่เป็สัตว์เลี้ยงในชาติหน้านะ ฮ่าๆๆ!”
“การที่แกทำเื่โหดร้ายอย่างนี้แกก็ควรจะไปเกิดใหม่เป็สัตว์เลี้ยงก่อนนะ”มีดของหัวิฟันอากาศ เสียงหัวเราะเ็าของฉินเฟิงดังขึ้นในความมืดมิดทันที
เป็เสียงเ็าหนาวเหน็บมากหัวิอดไม่ได้ที่จะสั่นด้วยความขนลุก
สีหน้าของเขาเปลี่ยนทันทีสายตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าเขาเห็นผีเขาเห็นฉินเฟิงที่ตายแล้วลุกขึ้นมากะทันหันและลอยอยู่เหนือหัวของเขา
ฉึกฉึก!
รูปร่างของฉินเฟิงลอยอยู่กลางอากาศด้านหลังของเขาเป็ทะเลและชายหาดไร้สิ้นสุดดวงจันทร์ที่เปรียบเสมือนถาดเงินเป็ภาพพื้นหลังที่ทำให้ใบหน้าของฉินเฟิงมั่นคงและเ็ามากขึ้นลมทะเลพัดผมที่นุ่มสลวยของเขาพลิ้วไหวเบาๆเกลียวคลื่นของทะเลเป็แตรประกาศการต่อสู้ตอนนี้เขาดูเหมือนเทพเ้าาหรืออัศวินรัตติกาลที่โผล่มาและหายไปในยามค่ำคืนเขาถือมีดบินไม่พลาดเป้าในมือสองเล่ม มันส่องแสงสะท้อนเหน็บหนาวและเข้าสู่กลางหน้าผากของชายสองคนในชุดดำ
พวกเขาไม่แม้แต่จะมีเวลาโต้ตอบและร่วงลงกับพื้น