เซี่ยฉางเจิงนิ่งคิด ฟังดูแล้วก็มีเหตุผลทีเดียว
ระดับหัวหน้าในกระทรวงศึกษาธิการ ลูกหลานอยากเรียนที่ไหนมีหรือจะจัดการให้ไม่ได้
เมื่อก่อนเซี่ยฉางเจิงโอ๋ลูกสาวอย่างเซี่ยจื่ออวี้มาก แต่ตอนนี้หัวใจของเซี่ยจื่ออวี้เหมือนเอนเอียงไปอยู่กับว่าที่บ้านสามีหมด เขาย่อมฝากความหวังไว้กับลูกชาย หากเซี่ยจื่ออวี้ยังเห็นหัวพ่ออย่างเขาบ้าง ก็ควรไปคิดบัญชีกับเซี่ยเสี่ยวหลานสิ หาใช่ยอมถอยให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ ตอนอยู่ที่บ้านเกิด ทุกคนต่างพูดว่าครอบครัวไหนมีลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ถือเป็ที่เชิดหน้าชูตา เซี่ยฉางเจิงก็เคยรู้สึกภาคภูมิใจมากเช่นกัน
ทว่าหลังออกจากหมู่บ้านมาเขาถึงเริ่มเข้าใจว่า การที่ครอบครัวมีลูกสาวเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ดีเด่อะไร
นักศึกษามหาวิทยาลัยอาจจะหายากที่ชนบท แต่มีอยู่เต็มเมืองหลวงไปหมดน่ะสิ!
บอกว่าจะรับเขากับจางชุ่ยมาที่ปักกิ่ง แต่กลับไม่ได้มาอยู่อย่างเสพสุข สุดท้ายก็ต้องทำงานขายอาหารว่างข้างทางเพื่อประทังชีวิตอยู่ดี
บ้านในปักกิ่งก็ไม่มีปัญญาซื้อ
เซี่ยฉางเจิงคิดว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือไม่เป็แค่เปลือกนอกเท่านั้น ความจริงไม่เห็นมีอะไรดีสักอย่าง! อย่างเช่นบ้านที่เขากับจางชุ่ยเช่าอยู่ตอนนี้ บ้านหลังหนึ่งอยู่กันหลายครอบครัวอย่างแออัด หากพูดถึงความกว้างของพื้นที่ใช้สอย ยังสู้บ้านที่หมู่บ้านต้าเหอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
จางชุ่ยบอกว่าที่นี่คือกรุงปักกิ่ง เอาไปเทียบกับบ้านเกิดได้ที่ไหน แต่เซี่ยฉางเจิงก็ยังไม่พอใจอยู่ดี ลูกสาวเขาดูท่าคงทำอะไรเป็ชิ้นเป็อันไม่ได้ สมองคงคิดแต่จะเกาะบ้านสามี เซี่ยฉางเจิงรู้สึกว่าเขาควรฝากความหวังไว้ที่ลูกชายจะดีกว่า หากจวิ้นเป่าลูกชายเขาโตเมื่อไร เขาคงไม่อาจทนดูพ่อบังเกิดเกล้าถูกคนอื่นรังแกเช่นนี้ได้ ทว่าข้อแก้ตัวของจางชุ่ย ทำให้เซี่ยฉางเจิงต้องอดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้
ดูคนเหล่านี้สิ ทุกคนล้วนเป็ข้าราชการ การที่จื่ออวี้แต่งเข้าตระกูลหวัง ถือเป็การแต่งเข้าตระกูลที่มีสถานะเหนือกว่าจริงๆ
พอคิดแบบนี้แล้ว เซี่ยฉางเจิงก็ยิ้มออกได้บ้าง
เขารู้สึกว่าตนก็เป็หนึ่งในตัวเอกของงานเลี้ยงฉลองการหมั้นหมาย เป็ถึงพ่อของฝ่ายหญิง ทว่าั้แ่ต้นจนจบงาน ใครบ้างที่เห็นเขากับจางชุ่ยอยู่ในสายตา?
ทุกคนมากินเลี้ยงเพราะให้เกียรติหวังก่วงผิง พวกเขาไม่รู้จักเซี่ยฉางเจิงเป็การส่วนตัว ดังนั้นใครจะเดินมาขอชนแก้วกับเขาก่อนเล่า
อาหารมื้อนี้ของเซี่ยฉางเจิงเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย สรุปคือความรู้สึกไม่พอใจมีมากกว่าความรู้สึกยินดีปรีดา
ต่างจากจางชุ่ยที่ไม่ได้คิดอะไรมากเช่นนั้น ข้าราชการให้เกียรติเธอหรือไม่สำคัญตรงไหน?
อนาคตมีประโยชน์ให้กันหรือเปล่าต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!
ความคิดของสองสามีภรรยาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เซี่ยฉางเจิงไม่พอใจ แล้วหวังก่วงผิงมีหรือจะพอใจ เขาเองก็จำใจจัดงานหมั้นนี้เช่นกัน การที่เขาต้องนับญาติกับชายพิการกลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้งกับหญิงบ้านนอกที่กลิ่นน้ำมันหืนเต็มกายแบบนี้ หวังก่วงผิงรู้สึกขื่นขมยิ่งนัก
หร่านซูอวี้ยังเคยแอบร้องไห้อยู่สองครั้งด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้สึกว่าชะตากรรมของตระกูลหวังช่างอาภัพเสียเหลือเกิน และรู้สึกว่าหวังเจี้ยนหัวลูกชายตนช่างน่าสงสารยิ่งนัก
พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายมีความคิดแตกต่างกัน มีเพียงเซี่ยจื่ออวี้เท่านั้นที่ดูสดใสเบิกบาน ส่วนหวังเจี้ยนหัวนั้นดูกังวลอยู่บ้าง ความดีใจของเซี่ยจื่ออวี้มาจากใจจริง เธอทุ่มเทไปไม่น้อยกว่าจะมีวันนี้ ในที่สุดเธอก็สามารถก้าวผ่านอุปสรรคที่ยากที่สุดไปได้ เส้นทางที่สดใสกำลังรอเธออยู่อย่างแน่นอน
“เจี้ยนหัว ฉันดีใจจัง”
ความปลื้มปริ่มบนใบหน้าของเซี่ยจื่ออวี้คือเื่จริง ทำให้หวังเจี้ยนหัวได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ของเธอไปด้วย ไม่ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะยากลำบากแค่ไหน จื่ออวี้ก็ยังคงรักเขาทั้งกายและใจเสมอ คิดเพื่อเขาอยู่ตลอดเวลา
หวังเจี้ยนหัวกุมมือเซี่ยจื่ออวี้ “อุปสรรคแค่นี้พวกเราจะต้องผ่านไปได้แน่นอน ตอนนี้เธอต้องอดทนกับเื่อยุติธรรม อนาคตข้างหน้าฉันจะชดเชยให้เธอเป็เท่าตัว จะดีกับเธอไปทั้งชาติ!”
ใช่ ต้องทนกับความไม่เป็ธรรม
การหมั้นหมายเป็เพียงข้อตกลงระหว่างตระกูลหวังกับเซี่ยจื่ออวี้เท่านั้น
หวังก่วงผิงกับหร่านซูอวี้ไม่ได้ยอมรับเซี่ยจื่ออวี้จากใจจริง พวกเขาแค่้าให้เซี่ยจื่ออวี้เป็แพะรับบาป
หวังเจี้ยนหัวเองก็รู้เื่นี้ แต่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ สำหรับเื่การประสบความสำเร็จ หวังเจี้ยนหัวอยากไปให้ถึงจุดนั้นเหลือเกิน พวกพ้องที่เคยอยู่ระแวกบ้านเดียวกัน เคยคลุกคลีมาด้วยกัน เพียงเพราะไม่เกิดเื่เดือดร้อนกับครอบครัว ตอนนี้พวกเขาจึงมีชีวิตที่ดีกว่าหวังเจี้ยนหัวกันทั้งนั้น หวังก่วงผิงอยู่ที่ไร่มาเจ็ดแปดปี คนอื่นที่เคยอยู่ระดับเดียวกับตระกูลหวัง ตอนนี้ล้วนนำไปไกลโข
หลังไปพบปะเพื่อนเก่าอยู่หลายครั้ง ทำให้หวังเจี้ยนหัวรู้ซึ้งถึงจุดนี้
อายุไล่เลี่ยกัน แต่ไม่มีใครยังเรียนหนังสืออยู่เหมือนเขาเลยสักคน
เมื่อก่อนคนอื่นเรียกเขาว่าพี่ชาย ตอนนี้คนอื่นกลับทำงานมาหลายปีแล้ว ล้วนมีอำนาจหน้าที่ในที่ทำงานด้วยกันทั้งนั้น ใครยังจะอยากเดินตามหลังคอยประจบเขากัน?
คนรุ่นเดียวกันมีงานมีครอบครัวกันหมด แต่หวังเจี้ยนหัวยังคงเรียนอยู่
และที่ทำให้เขาทุกข์ใจยิ่งกว่าคือ พวกที่อายุน้อยกว่าเขา ตอนนี้ก็มีชีวิตที่สดใสเช่นกัน
ตอนนี้เขาไม่อาจปล่อยให้ผู้หญิงบ้าจากตระกูลเหอมาเกาะแกะตระกูลเขาได้ เขาถูกเพื่อนนำไปไกลขนาดนี้แล้ว ถ้าเกิดเื่อะไรขึ้นอีก ต่อไปจะตามทันคนเ่าั้ได้อย่างไร?
เื่นี้คงต้องลำบากจื่ออวี้แล้ว... ั์ตาของหวังเจี้ยนหัวเต็มไปด้วยความรักและความเห็นใจ
การหมั้นหมายถูกป่าวประกาศต่อหน้าสาธารณชน เซี่ยจื่ออวี้กลายเป็คนตระกูลหวังไปโดยปริยาย หวังก่วงผิงจึงต้องไปขอขมาตระกูลเหออย่างเป็ทางการ
“ชั้นเรียนวิชาไม่ใช่ของลูกชายผม เขาเพียงไปช่วยงานคู่หมั้นคู่หมายเท่านั้น แต่ในเมื่อเกิดข้อบกพร่องจากการดูแล ทางเราย่อมไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ทุกคนมาถอยกันคนละก้าว...”
หวังก่วงผิงหมายความว่า จะให้เซี่ยจื่ออวี้เป็คนรับผิดชอบสินะ
แม่เหอเจียรู้ดีว่าเซี่ยจื่ออวี้เป็คนดูแลชั้นเรียนกวดวิชา ที่บอกว่าจะส่งหวังเจี้ยนหัวเข้าคุกเป็แค่คำขู่ เพราะหากต้องไปที่โรงพักจริง ตอนตำรวจสอบปากคำเหอเจีย ความคงจะแตกทันทีแน่นอน เธอก็แค่อยากหาเื่ตระกูลหวังเท่านั้น
ไม่มีหวังก่วงผิงคอยหนุนหลัง นักศึกษาหญิงคนหนึ่งจะกล้าก่อตั้งชั้นเรียนวิชาได้อย่างไร
แม่เหอเจียเกลียดทั้งเซี่ยจื่ออวี้และตระกูลหวัง ตอนนี้ได้กำไรกลับคืนมาบ้างก็ไม่เลว ถึงอย่างไรตระกูลหวังก็เตรียมผลักเซี่ยจื่ออวี้มารับกรรมไม่ใช่หรือ ถ้าไม่รังแกสักหน่อย เดี๋ยวจะทำลายน้ำใจที่หัวหน้าหวังมอบให้เธอน่ะสิ
เซี่ยจื่ออวี้เพิ่งหมั้นหมาย หวังก่วงผิงกับตระกูลเหอพักรบกันชั่วคราว ทางวิทยาลัยกลับทำการประกาศคำตำหนิอย่างเปิดเผย
หนึ่ง นักศึกษาวิทยาลัยฝึกหัดครูเปิดชั้นเรียนกวดวิชาเพื่อหวังทำกำไร ถือเป็สิ่งที่ขัดต่อกฎระเบียบของวิทยาลัย นักศึกษาที่ไปสอนที่ชั้นเรียนกวดวิชา จะได้รับ ‘คำเตือนอย่างเด็ดขาด’ ทุกคน
สอง ชั้นเรียนกวดวิชาทำธุรกิจอย่างไม่เหมาะสม จะต้องคืนเงินค่าเล่าเรียนให้แก่นักเรียนทุกคน
สาม เซี่ยจื่ออวี้ผู้ก่อตั้งชั้นเรียนกวดวิชา จะต้องรับการลงโทษโดยการทำ ‘ทัณฑ์บน’
นี่คือสิ่งที่อยู่ในประกาศ
แต่ที่ไม่ได้ประกาศออกมาคือ รางวัลบุคคลตัวอย่างที่หวังเจี้ยนหัวมั่นใจว่าจะได้มานั้นถูกยกเลิกเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
ที่เป็เช่นนี้เพราะทางวิทยาลัยยังให้เกียรติหวังก่วงผิง
บทลงโทษของทางวิทยาลัยเหล่านี้ผ่านการสอบถามหวังก่วงผิงเป็ที่เรียบร้อยแล้ว หวังก่วงผิงกลัวคนตระกูลเหออาละวาด แล้วมีหรือที่ทางวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งจะไม่กลัว ตอนชั้นเรียนกวดวิชาได้ลงหนังสือพิมพ์ เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องล้วนเป็นักศึกษาของวิทยาลัย ทางวิทยาลัยเองได้รับผลประโยชน์ พวกเขาจึงได้ทำการสนับสนุนชั้นเรียนกวดวิชา
ตอนนี้ในเมื่อเกิดเื่ขึ้นจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องเลยคงไม่ได้!
‘ทัณฑ์บน’ ของเซี่ยจื่ออวี้คือบทลงโทษที่ร้ายแรงมาก เบากว่าแค่การถูกไล่ออกเท่านั้น บทลงโทษนี้จะถูกบันทึกอยู่ในประวัติของเซี่ยจื้ออวี้ หมายความว่าเซี่ยจื่ออวี้จะต้องโบกมือลาอาชีพการงานที่ดีไปโดยปริยาย แน่นอนว่าเื่นี้ส่งผลกระทบต่อการงานของเธอในอนาคต และไม่ใช่แค่เธอ นักศึกษาที่มีส่วนร่วมกับชั้นเรียนกวดวิชาก็ได้รับบทลงโทษเช่นกัน เวลานี้พวกเขาแต่ละคนล้วนเกลียดเซี่ยจื่ออวี้จับใจ
แม้เซี่ยจื่ออวี้จะถูกลงโทษ แต่เธอกลับไม่แสดงออกถึงความเสียใจมากนัก อาชีพการงานดีหรือไม่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับอนาคตของเธอ ต่อให้ได้งานไม่ดี พอเื่ซาลงเมื่อไร ตระกูลหวังก็สามารถช่วยโยกย้ายตำแหน่งงานให้เธอได้อยู่ดี อีกอย่าง คนเก่งย่อมไม่ตกเป็ทาสของหน่วยงานใดๆ
สิ่งที่ทำให้เซี่ยจื่ออวี้ทุกข์ใจกว่า คือการต้องคืนเงินค่าเล่าเรียนทั้งหมดแก่นักเรียนทุกคน
เงินเดือนที่ให้กับนักศึกษาวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งยังพอเอากลับมาได้ แต่เงินที่ใช้ในการวิ่งเต้นหาที่เช่ากับการประชาสัมพันธ์จะเอากลับคืนมาได้อย่างไร?
ทำงานหนักมาหลายเดือน เธอไม่เพียงไม่ได้กำไร แถมยังเสียเงินทุนไปมากมายอีกด้วย
หากก่อนหน้านี้ตระกูลหวังไม่ได้คืนเงินห้าพันหยวนมาให้ แล้วทางวิทยาลัยบอกให้เธอ ‘คืนเงินค่าเล่าเรียน’ ล่ะก็ เซี่ยจื่ออวี้คงอยากะโตึกเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้