“เทพเ้านัดพบกับคนนอกวงการ คาดว่ากำลังคบหากับชายหนุ่มหน้าสวยอยู่!”
“เด็กผู้ชายที่ทำให้เทพเ้าลุ่มหลงได้คนนี้คือใคร?”
“เวลาผ่านมานานหลายปี นี่เป็ลางว่าเทพเ้าจะเบี่ยงเบนทางเพศเหรอ?”
……
นิตยสารซุบซิบรายสัปดาห์ต่างพาดหัวข่าวกันไปเกินจริง และหัวข้อนี้ยังติดอันดับต้นๆ บทกระทู้ต่างๆ บนโลกอินเทอร์เน็ตไปไม่น้อย ภาพแผ่นหลังของเทพเ้าจงซิงอู๋และ ‘คนนอกวงการ’ อย่างฉินซีจะอยู่ในข่าวนี้ไปตลอดกาล ท่าทางที่จงซิงอู๋เปิดประตูรถให้ฉินซีดูให้ความใส่ใจเป็อย่างมาก และด้วยภาพนี้ หลังจากถูกนักข่าวเติมแต่งสีสันเข้าไปแล้ว จงซิงอู๋กับฉินซีก็กลายเป็คู่รักกัน เพียงกิริยาแสดงความเป็สุภาพบุรุษธรรมดาๆ ก็ถูกมองเป็การแสดงความรักใคร่อย่างหนึ่ง
จงซิงอู๋ไม่ได้มีข่าวฉาวมานานมากแล้ว เทพเ้าที่มีชื่อเสียงและบริสุทธิ์ขาวสะอาด รอบกายของเขาไม่มีแม้แต่เพื่อนที่มีข่าวฉาวสักคน จู่ๆ เด็กหนุ่มปริศนาคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา ดูจากใบหน้าที่โดดเด่นและรูปร่างที่ดูแลเป็อย่างดี จะต้องเป็คนที่งดงามมากแน่ และเพราะแบบนั้นถึงสามารถเย้ายวนเทพเ้าจงไปได้!
...ในตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันคิดเช่นนั้น
มีเพียงแฟนคลับของปรมาจารย์เทพตงฟางปู๋ป้ายในส่วนน้อยเท่านั้นที่มองแผ่นหลังในข่าวฉาวด้วยความคุ้นเคย “ไอ้หยา ไอ้หยา ทำไมดูคล้ายต้าต้าของพวกเราเลยล่ะ...”
ไม่ว่าแฟนคลับจะไปคอมเม้นท์อย่างไรบนอินเทอร์เน็ต ฉินซีก็นอนหลับสบายอยู่ที่บ้านไปทั้งคืน พอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาก็นำบทของตำนานยุคฉินขึ้นมา มือหนึ่งจับปากกาเริ่มขีดเขียนลงบนนั้น สถานที่ที่เขาพักอาศัยอยู่มีชั้นวางหนังสือเหล็กเล็กๆ ตอนนี้บนชั้นวางหนังสือเล็กๆ นี้เต็มไปด้วยหนังสือมากมาย มีทั้งที่เกี่ยวข้องกับการแสดงโดยเฉพาะ การกำกับและการเขียนบท ทั้งยังมีพวกบันทึกประวัติศาสตร์ ประวัติโดยย่อของยุคฉินและฮั่น… สรุปรวมๆ ก็คือมีข้อมูลค่อนข้างมาก และเพียงพอที่จะทำให้ฉินซีหาความรู้ทั่วไปที่ต้องใช้ในการถ่ายละครได้
ในชาติก่อนฉินซีมักจะคิดว่า การเป็นักแสดงคนหนึ่งไม่เพียงแต่ต้องใส่ใจเื่ทักษะการแสดงเท่านั้น แต่นักแสดงที่ได้มาตรฐาน ก่อนจะเข้าไปในกองถ่ายก็ควรเตรียมตัวเองให้ดี ไม่ใช่รอให้เข้าไปในกองถ่ายก่อนแล้วถึงค่อยๆ ปรับแก้ ก่อนหน้านั้น พวกเขาอาจทำความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้เฉพาะทาง ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ต้องใช้ในละคร หรือปรับรูปร่างของตัวเองเพื่อการถ่ายทำ ถ้าเป็มือใหม่ที่ทำแบบนั้นได้ ความสำเร็จก็อยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกล มีเพียงคนที่ถ่อมตนตั้งใจเรียนรู้เท่านั้น ถึงจะก้าวไปได้ไกล
ฉินซีได้รู้เื่ราวของเหล่าบุคคลที่มีชื่อเสียงใน่ยุคาสหรัฐยามฤดูใบไม้ผลิ รวมทั้งลำดับการพัฒนาจากยุคไปสู่อีกยุคมาจากภายในหนังสือ… ในใจของเขามีความเข้าใจเื้ัของตำนานยุคฉินอย่างละเอียดมากขึ้น และเข้าใจตัวละครในบทขึ้นอีกระดับ ฉินซีเปิดดูคำวิจารณ์ถึงฉินฮ่องเต้อิ๋งเจิ้งอีกไม่น้อย เขาสามารถใช้สิ่งเหล่านี้ตอนถ่ายละครได้ทั้งนั้น การจะแสดงบทบาทของตัวละครตัวหนึ่งออกมาให้ได้ดีนั้น จะต้องใช้ความพยายามทั้งหมดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเข้าใจนิสัยใจคอและการกระทำต่างๆ ของตัวละคร จากนั้นก็ปรับตัวเองให้กลายเป็เขา
ฉินซีมั่นใจมากว่าตัวเองจะสามารถแสดงบทบาทของตัวละครตัวนี้ได้ดี ไม่เพียงแค่ทักษะการแสดงที่ได้มาจากชาติก่อน แต่ยังเป็เพราะชาตินี้เขาไม่ได้มีความใจร้อนอย่างเมื่อก่อนแล้ว เขาสามารถสงบใจทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวละครได้ดียิ่งขึ้น เขาพยายามทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง และแสดงตัวละครเหล่านี้ให้ออกมาให้ยอดเยี่ยมที่สุด!
ไม่รู้ว่าขีดเขียนลงในบทมานานแค่ไหนแล้ว ในที่สุดฉินซีก็ปิดสมุดลง ยกชาดอกไม้ข้างมือขึ้นมาจิบ ขม... นี่เป็ของที่ซย่าชิงหลีซื้อมาให้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากสาขาที่เขาเรียนมักต้องอดหลับอดนอนทำผลงาน ซย่าชิงหลีจึงบอกว่าเขาควรดื่มชาดอกไม้เพื่อบำรุงร่างกายให้มากๆ
ฉินซีเค้นหัวเราะออกมา ก่อนจะโยนชาดอกไม้ในมือทิ้งถังขยะไปทั้งแก้ว
เขาบ้าไปแล้วจริงๆ คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะยังคิดถึงเธอได้...
หลังจากเสร็จเื่วุ่นวายไปแล้ว ในที่สุดฉินซีก็มีโอกาสเปิดเวยป๋อดู ฉินซีมองจำนวนผู้ติดตามที่สูงขึ้นจนเกือบจะถึงแสนอย่างรวดเร็ว ยังไม่รู้เลยว่าหลังจากละครออกอากาศแล้ว แฟนคลับของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมากเท่าไร มุมปากของฉินซีอดยกขึ้นไม่ได้ และในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียง “ติ๊ง...” จากนั้นเสียงของเรียบนิ่งของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ฟังคล้ายพวกระบบปฏิบัติการก็ดังขึ้น “จำนวนแฟนคลับของคุณทะลุเกินระดับหนึ่งแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย ระบบแฟนคลับเริ่มทำงาน”
ฉินซีกะพริบตาปริบๆ เขาไม่ได้หลอนได้ยินไปเองใช่ไหม?
ฉินซีลูบหูของตัวเอง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นดูอีกสักพัก มันเป็ระบบความสามารถใหม่ของเวยป๋อเหรอ? เป็ไปไม่ได้! ชาติก่อนเขาไม่เคยได้ยินเื่ระบบความสามารถแบบนี้มาก่อนเลย!
“ติ้ง...” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาอีก แม้ว่าเสียงจะเบามาก แต่ในที่สุดครั้งนี้ฉินซีก็มั่นใจแล้วว่าเสียงนี้ดังขึ้นจากภายในสมองของเขาเอง ในชั่ววินาทีนั้นภายในหัวของฉินซีปรากฏพวกนิยายพลังวิเศษหรือมิติต่างๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังเป็บ้าคลั่งในอินเทอร์เน็ตขึ้นมา ตัวละครหลักในนิยายเ่าั้มักจะได้พบเจออะไรแปลกๆ กันทั้งนั้น หรือว่าเมื่อเขากลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง เขาจะได้รับความสามารถพิเศษแบบนี้ด้วย? ฉินซีไม่อาจดึงสติกลับมาจากความดีใจครั้งยิ่งใหญ่นี้ไปได้ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงนั้นดังขึ้นในสมองอีกครั้ง
“เ้าของร่างกรุณารีบทำให้จำนวนแฟนคลับถึงระดับที่สองในเร็ววัน เมื่อถึงระดับห้าขึ้นไป ระบบจะเปิดความสามารถใหม่เพิ่ม” น้ำเสียงเรียบๆ นั้นยังคงพูดต่อ จากนั้นก็เงียบไป ไม่ว่าฉินซีจะนั่งรออยู่ตรงนั้นอีกนานเท่าไร หรือจะเลื่อนเวยป๋อไปมาอีกสักพักก็ไม่มีเสียงนั้นดังขึ้นมาอีก
บางทีนี่อาจจะเป็อย่างในนิยาย นิยายเ่าั้โดยส่วนมากระบบพวกนี้จะมาจากอนาคตหรือต่างดาว และเพราะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกว่า ระบบพวกนี้จึงมักจะเป็ระบบอัจฉริยะ ทว่าระบบนี้ของฉินซีกลับเยือกเย็นเหลือเกิน เขาอดจะส่ายหน้าไปมาไม่ได้ ไม่ เป็แบบนี้ก็ดี อย่างน้อยระบบก็จะไม่บังคับให้เ้าของร่างไปทำเื่ต่างๆ อย่างในนิยายพวกนั้น
จิตใจของฉินซีกลับพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง เขาโทรศัพท์ออกไปชวนเ้าอ้วนต้วนออกมาหาอะไรทาน เมื่อก่อนหอของพวกเขามีรูมเมทด้วยกันทั้งหมด 4 คน แต่อีกสองคนกลับบ้านเกิดไปฝึกงานแล้ว ก็เลยเหลือแค่เขากับเ้าอ้วนต้วนที่กำลังว่าง
ฉินซีออกมาจากบ้าน และทิ้งเื่ระบบนั้นไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้เ้าอ้วนต้วนมาเร็วกว่าเขา รอจนเขาเดินเข้าไปใกล้ เ้าอ้วนต้วนก็โอบหลังเขาเดินเข้าไปในร้าน “ไม่ได้มากินราเม็งที่นี่นานเลย เอ... ครั้งก่อนนี่ก็เมื่อครึ่งปีที่แล้วสินะ...”
“อืม” ฉินซีบิดตัวไปมาด้วยความอึดอัด อยากจะสลัดมือของเ้าอ้วนต้วนออกไป แต่เ้าอ้วนต้วนกลับไม่ได้รู้เื่เลย และยังคงโอบตัวฉินซีเดินต่อไปอย่างกระตือรือร้น เพียงแต่ฉินซีกลับรู้สึกอึดอัดเป็อย่างมาก เมื่อชาติก่อนหลังจากที่เขาเลิกกับซย่าชิงหลีแล้ว เขาก็ถูกจี่อวี้เซวียนทำให้เบี่ยงเบนไปทีละน้อย ตอนนี้หลังจากกลับชาติมาเกิดใหม่ เขาก็ยังคงเป็คนที่ถูกทำให้เบี่ยงเบนไปอยู่ และไม่ใช่ตัวเองที่บริสุทธิ์อีกต่อไป ตอนนี้เมื่อมีผู้ชายมาทำตัวชิดใกล้ ในสมองของเขาก็ไม่ได้มองเป็ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องอีก ทว่ากลับเกิดความ้าหลีกเลี่ยงอย่างไม่อาจควบคุม
ในที่สุดระบบประสาทที่หยาบกร้านของเ้าอ้วนต้วนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของฉินซี เขายกมือขึ้นเคาะแผ่นหลังของฉินซีแรงๆ “เอ๋ ฉันว่านะ นายนี่เป็อะไรไปกันแน่? ไม่ได้เจอกันนาน ก็กลายเป็คนขี้อายแบบนี้ไปแล้ว...”
“แกสิเขิน” ฉินซีกลอกตาขึ้น
เ้าอ้วนต้วนหัวเราะร่า ก่อนส่งสายตาเ้าชู้มาให้ฉินซี “ฉันขี้อายจะตายไป...”
ฉินซีกลอกตาไปมา คิดมาตลอดว่าทักษะการแสดงของเ้าอ้วนต้วน ‘เชี่ยวชาญ’ ขนาดนี้ ถ้าไม่ไปเป็นักแสดงก็น่าเสียดายมากจริงๆ
ทั้งสองเลือกที่นั่งใกล้หน้าต่าง พนักงานนำเมนูเข้ามาให้ เ้าอ้วนต้วนเปิดเมนูไปพร้อมกับถามฉินซี
“เอ้อ พี่ชาย ทำไม่นี้ฉันเห็นรูปนายบนเวยเป๋อด้วยล่ะ นายกำลังขายรูปอยู่เหรอ?”
“นายสิขายรูป นี่ได้ติดตามข่าวบันเทิงบ้างหรือเปล่า?”
เ้าอ้วนต้วนพยักหน้า “ติดตามสิ” เขาพูดไปพร้อมกับนำกระดาษหนังสือพิมพ์ยับยู่ยี่ออกอกเสื้อ และวางมันลงตรงหน้าฉินซี “ฉันติดตามนะ! นายดูสิ!”
เมื่อฉินซีมองแล้ว ้านั่นไม่ใช่ภาพแอบถ่ายของตัวเองกับจงซิงอู๋หรอกเหรอ? ฉินซีเกือบจะกระอักเืออกมาเลอะใบหน้าของเ้าอ้วนต้วนแล้ว
“ใครบอกให้นายติดตามอะไรแบบนี้กัน?” ฉินซีพูดออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก
ใบหน้าของเ้าอ้วนต้วนเต็มไปด้วยความหยอกล้อ “ถ้าฉันไม่ติดตามอันนี้จะให้ไปติดตามอันไหนล่ะ? แน่นอนว่าฉันต้องติดตามเื่ความสัมพันธ์ของเพื่อนฉันสิ แต่พูดกันตามจริงนะ นี่คือนายจริงเหรอ? นายไปยั่วยวนจงซิงอู๋? นั่นมันเทพเ้าเลยนะ! เป็ไอดอลดังนะ! นายมีรูปของเขาไหม? ขอลายเซ็นมาให้หน่อยสิ...”
สีหน้าของฉินซีมืดมนไป จากนั้นก็ยกนิ้วชี้มาที่ตัวเอง “นายดูเถอะ ดาราเทพเ้าในอนาคตอยู่ตรงหน้านายนี่ นอกจากนายจะไม่ขอลายเซ็นฉันแล้ว ยังจะให้ฉันไปขอลายเซ็นจงซิงอู๋ให้อีกเหรอ?”
เ้าอ้วนต้วนหัวเราะออกมาอีก แต่ฉินซีกลับไม่ได้หัวเราะตามด้วย เ้าอ้วนตัวหัวเราะ “แฮะๆ” ออกมา ก่อนจะเงียบเสียงไป “นาย… นายจะไปเป็ดาราจริงเหรอ? ถึงฉันจะต้องยอมรับว่านายเป็ อืม ไม่ เป็ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยของเราก็เถอะ...”
“ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยอะไรของนาย?” ฉินซีเกือบจะเอาเมนูอาหารตรงหน้าแนบไปกับใบหน้าของเขาแล้ว
เ้าอ้วนต้วนยิ้มกรุ้มกริ่ม “ถ้าเทียบผู้หญิงทั้งมหาวิทยาลัยแล้ว ก็ไม่มีใครสวยกว่านายเลย… ตำแหน่งดอกไม้ของมหาวิทยาลัยจึงตกเป็ของนายไป”
ฉินซีรู้สึกถึงเืคำหนึ่งที่จุกอยู่ในลำคออีกครั้ง เ้าอ้วนต้วนก็นิสัยแย่แบบนี้ ทำคนโมโหจนแทบจะบ้าตาย เขาอยู่ที่มหาวิทยาลัยมานานขนาดนั้น แต่ทำไมกลับไม่เคยได้ยินเื่ดอกไม้ของมหาวิทยาลัยมาก่อน!
“ล้อเล่นน่า เอ้อ นายจะไปแสดงเื่กระบี่เย้ยยุทธจักรใช่หรือเปล่า? ฉันเห็นรูปฟิตติ้งของนายแล้ว ไอ้หยา ดูเหมือนกับคนงามเลยนะ!” เ้าอ้วนต้วนทำหน้าตาหลงใหลออกมา
“ถ่ายเสร็จไปแล้วเถอะ เ้าโง่” ในที่สุดฉินซีก็ปาเมนูอาหารในมือออกไป
เ้าอ้วนต้วนไม่ได้หัวเราะเยาะอะไรฉินซี เขาเรียกพนักงานเข้ามาสั่งอาหาร จากนั้นเมื่อพนักงานนำเมนูเดินออกไป เ้าอ้วนต้วนก็ใช้มือตบลงที่บ่าของฉินซี “พี่ชาย รอนายประสบความสำเร็จเมื่อไร ฉันจะไปอุ่นเตียง[1] ให้นะ!”
เมื่อมีการพูดหยอกล้อของเ้าอ้วนต้วน อารมณ์ของฉินซีก็ดีขึ้นไม่น้อย ระบบนั่นจะเป็อย่างไรก็ไม่ได้สำคัญแล้ว เพียงแค่เขาสามารถกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง มีโอกาสได้แก้แค้น เพียงเท่านี้ก็น่าพอใจมากแล้ว
เขาในตอนนี้มีเส้นทางเบื้องหน้าที่ราบรื่นดี มีเพื่อนสนิทอยู่เคียงกาย ขจัดแฟนสาวที่คบซ้อนไปแล้ว และยังแก้ไขชะตาชีวิตของตัวเองในชาติที่แล้วไปอีก เพียงเท่านี้… ก็ดีเท่าไรแล้ว!
ในระหว่างที่ฉินซีกำลังมีความสุข สายหนึ่งก็โทรเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของเขา บังเอิญว่าพนักงานเข้ามาเสิร์ฟราเม็งพอดี ในหัวของฉินซีเต็มไปด้วยราเม็ง จึงรับสายโดยไม่ได้ดูว่าคนที่โทรเข้ามาเป็ใคร เสียงจากปลายสายดังขึ้นทันที “นายอยู่ไหน?” น้ำเสียงราบเรียบนั้นทำให้ฉินซีถึงกับสะดุ้ง
เขารีบจับโทรศัพท์มือถือให้มั่นคง “ผมทานข้าวอยู่ข้างนอกครับ มีอะไรเหรอ?”
น้ำเสียงของเฉินเจวี๋ยแฝงไปด้วยความซับซ้อน ทำให้คนยากจะรับรู้อารมณ์ของเขา “ทำไมนายกับจงซิงอู๋ถึงมีข่าวฉาวออกมาได้?”
หากเป็คนอื่น ฉินซีก็คงจะบอกว่า “เกี่ยวอะไรกับคุณ?” ตอกกลับไปนานแล้ว แต่เพราะปลายสายคือเฉินเจวี๋ย เขาจะตอบกลับไปอย่างไรดี? ทำไมเฉินเจวี๋ยถึงถามเขาแบบนี้? เฉินเจวี๋ยสนิทกับจงซิงอู๋ขนาดนั้น หรือพวกเขาจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน พอเขามีข่าวฉาวกับจงซิงอู๋ เฉินเจวี๋ยก็เลยหึงขึ้นมา?! ฉินซีรู้สึกว่าหลังจากที่ตัวเองถูกทำให้เบี่ยงเบนไป ช่องว่างในสมองก็กว้างใหญ่ขึ้นไม่น้อย...
อ่า... ดูเหมือนว่าเขาจะได้รู้ความจริงที่สุดยอดสุดๆ ไปเลย
ทางฝ่ายเฉินเจวี๋ยไม่ได้รู้เลยว่า ความคิดของฉินซีไปไกลถึงไหนแล้ว...
……
[1] การอุ่นเตียง หมายถึงการทำให้เตียงอบอุ่นขึ้นมา ซึ่งจะทำให้นอนหลับสบายมากขึ้น และยังสามารถหมายถึงการร่วมหลับนอนได้ด้วย