✦ บทที่ 1 ✦
มู่หลาน
~ ⊱ ────── {.⋅ ✯ ⋅.} ────── ⊰ ~
⚠️ แนะนำอ่านข้อมูลเบื้องต้นก่อนนะครับ (คำเตือน)
ณ ดินแดนัแห่งพงไพร โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลซึ่งเป็ที่อาศัยของมวลมนุษย์ ถูกแบ่งกั้นออกเป็สี่มหาอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่
ณ จุดอันเป็ศูนย์กลางของทั้งสี่อาณาจักร เสาหินมหึมาต้นหนึ่งตั้งตระหง่านท้าทายกาลเวลา ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามันถือกำเนิดขึ้นมาั้แ่เมื่อใด และด้วยความยำเกรง ผู้คนจึงขนานนามมันว่า...
“เสาแห่งิญญา์”
ตำนานกล่าวขานว่า เสาต้นนี้คือต้นกำเนิดแห่งพลังวิเศษที่ทำให้มนุษย์บางคนถือกำเนิดขึ้นมาพร้อม “พลังิญญา” อันสามารถเชื่อมโยงกับเหล่าสัตว์ิญญาจากต่างมิติหรือในโลกนี้ได้ ข้อพิสูจน์แห่งตำนานนั้นคืออักขระโบราณที่สลักลึกอยู่บนพื้นผิวของเสา ซึ่งทอแสงเรืองรองมิเคยดับสูญ เผยให้เห็นถึงกฎเกณฑ์และวิถีแห่งการเป็ “นักรบิญญา”
นับแต่นั้นเป็ต้นมา มนุษย์ผู้ได้รับพร์จึงได้เรียนรู้วิธีผูกพันธสัญญากับสัตว์ิญญา ก่อเกิดเป็ผู้มีอำนาจเหนือคนธรรมดา...
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนานบทใหม่ ที่ยังคงถูกเล่าขานสืบต่อมา... จวบจนถึงปัจจุบัน
⊱ ────── {.⋅ ✯ ⋅.} ────── ⊰
ณ โรงเตี๊ยมจันทราอิ่มเอม, เมืองโจว
กลิ่นน้ำแกงผสมกับไอดินหลังร้านลอยคลุ้งอยู่ในอากาศยามบ่ายแก่ๆ ของเมืองโจว แสงแดดที่เคยร้อนแรงเริ่มอ่อนกำลังลง ทิ้งไว้เพียงความอบอุ่นที่พอให้รู้สึกสบายตัว เสียงจอแจจากด้านหน้าของโรงเตี๊ยมเริ่มบางเบาลงแล้ว บ่งบอกว่า่เวลาที่วุ่นวายที่สุดของวันได้ผ่านพ้นไป
ณ ลานซักล้างหลังร้าน เด็กสาวร่างเล็กในชุดผ้าป่านสีมอซอคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับงานของตนเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
มู่หลาน.
ในวัยสิบสองปี รูปร่างของนางยังดูผอมบางเกินกว่าเด็กในวัยเดียวกันเล็กน้อย อาจเพราะอาหารการกินที่ไม่สมบูรณ์นัก มือเล็กๆ ทั้งสองข้างของนางจมอยู่ในอ่างไม้ใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำขุ่นๆ และฟองสบู่จากเมล็ดชา นางกำลังขัดถูคราบไขมันออกจากชามกระเบื้องใบแล้วใบเล่าด้วยความตั้งอกตั้งใจ ข้างๆ กันนั้นมีชามและจานที่ใช้แล้วกองพะเนินรออยู่สูงจนเกือบมิดหัวของนาง
ถึงจะเป็งานหนักที่เด็กสาวหลายคนอาจเบะปากใส่ แต่มู่หลานกลับทำมันด้วยท่าทีสบายๆ ริมฝีปากบางของนางกำลังฮัมเพลงพื้นบ้านที่ท่านยายชอบร้องให้ฟังก่อนนอนเป็ประจำ เสียงฮัมเพลงขาดๆ หายๆ แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสุขเล็กๆ ที่นางสร้างขึ้นเองในโลกใบย่อมๆ ของนาง
นางทำงานที่นี่มาได้เกือบครึ่งปีแล้ว ทุกวันหลังเลิกเรียน นางจะรีบวิ่งมาที่โรงเตี๊ยมเพื่อรับจ้างล้างจานแลกกับเงินเล็กๆ น้อยๆ พอให้ได้ซื้อสมุนไพรไปบำรุงร่างกายท่านตา หรือซื้อปิ่นไม้สวยๆ สักอันให้ท่านยายได้ยิ้มกว้างในวันเกิด "ป้าเหมย" เถ้าแก่เนี้ยเ้าของร้าน แม้จะปากร้ายไปบ้างในบางที แต่ก็ใจดีพอที่จะจ้างเด็กอย่างนางทำงาน
แค่กๆ
เสียงไอเบาๆ ที่ดังขึ้นไม่ไกลนัก ดึงความสนใจของมู่หลานออกจากกองจานตรงหน้า นางชะงักมือแล้วหันไปมองตามเสียงนั้น
ที่มุมกำแพงเก่าๆ ซึ่งมีเงาของชายคาโรงเตี๊ยมทอดตัวบดบัง เด็กชายคนหนึ่งกำลังยืนหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ตรงนั้น เขาดูอายุน้อยกว่านางราวสองถึงสามปี เนื้อตัวมอมแมมราวกับไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งจนแทบจะดูไม่ออกว่าเป็เสื้อ ผมเผ้ายุ่งเหยิงจับกันเป็ก้อน ร่างกายผอมเกร็งจนเห็นซี่โครงรำไร
สิ่งที่สะดุดตามู่หลานที่สุดคือดวงตาของเขา... มันเป็ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่ในขณะเดียวกันก็ฉายแววของความหิวโหยออกมาอย่างปิดไม่มิด สายตาของเด็กชายจับจ้องไปที่เศษอาหารในถังไม้ที่วางอยู่ไม่ไกลจากที่มู่หลานยืนอยู่
ท้องของเด็กชายร้องดัง โครก... เป็เสียงที่น่าสงสารจับใจ
หัวใจของมู่หลานกระตุกวูบ ความรู้สึกสงสารแล่นปราดเข้ามาในอก นางนึกถึงตัวเองในบางวันที่แทบไม่มีอะไรตกถึงท้อง ความรู้สึกของการรอคอยอาหารสักมื้ออย่างมีความหวังมันเป็อย่างไร นางเข้าใจดี
นางรีบหันกลับไปมองที่ประตูหลังร้านอย่างรวดเร็ว ป้าเหมยกำลังง่วนอยู่กับการนับเงินในลิ้นชัก เสียงลูกคิดดัง เคร้งๆ เป็จังหวะ ท่านคงไม่มีเวลามาสนใจหลังร้านในตอนนี้แน่ ส่วนพี่ใหญ่จาง พ่อครัวร่างั์ใจดี ก็คงจะแอบไปงีบหลับในห้องเก็บฟืนเหมือนทุกวัน
เอาล่ะ... เสี่ยงหน่อยแล้วกัน!
ความคิดนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่ววูบ แต่มันก็แรงพอที่จะทำให้นางตัดสินใจได้ในทันที มู่หลานทำทีเป็หยิบจานชามในตะกร้าใบใหม่มาล้าง แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นหมั่นโถวสองลูกที่ยังดูขาวสะอาดวางอยู่บนสุดของกองเศษอาหารในถัง มันเป็หมั่นโถวที่ลูกค้าโต๊ะใหญ่กินเหลือไว้เมื่อตอนกลางวัน และยังอยู่ในสภาพดีมาก
นางเช็ดมือที่เปียกชื้นกับผ้ากันเปื้อนอย่างลวกๆ ก่อนจะรีบเดินไปหยิบหมั่นโถวสองลูกนั้นขึ้นมาอย่างแ่เบาที่สุด หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวราวกับไปขโมยของล้ำค่ามาก็ไม่ปาน นางรู้สึกผิดนิดๆ ที่ทำแบบนี้ แต่ความรู้สึกอยากช่วยเหลือเด็กชายคนนั้นมันมีมากกว่า
มู่หลานกวักมือเรียกเด็กชายคนนั้นเบาๆ "นี่เ้า... มานี่สิ"
เด็กชายสะดุ้งสุดตัว ท่าทางเหมือนกระต่ายตื่นตูมที่พร้อมจะวิ่งหนีทุกเมื่อ เขาจ้องมองมู่หลานด้วยความไม่ไว้วางใจ
"มาเถอะน่า ข้าไม่ทำอะไรเ้าหรอก" มู่หลานส่งยิ้มที่คิดว่าจริงใจที่สุดไปให้ พร้อมกับยื่นหมั่นโถวในมือออกไปข้างหน้า "เอานี่ไปกินสิ ยังอุ่นๆ อยู่เลยนะ"
ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นของกินในมือของนาง เขาค่อยๆ ก้าวออกจากมุมมืดอย่างลังเล เท้าเล็กๆ ที่เปลือยเปล่าเหยียบย่ำบนพื้นดินเย็นๆ อย่างเงียบเชียบ เขามองหน้ามู่หลานสลับกับหมั่นโถวในมือของนางราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง
"เอาไปสิ" มู่หลานคะยั้นคะยออีกครั้ง นางก้าวเข้าไปหาเขาอีกสองก้าวแล้วยัดหมั่นโถวใส่มือเล็กๆ ที่สั่นเทาของเขา "รีบกินเสียนะ แล้วก็รีบไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่เถ้าแก่เนี้ยจะมาเห็นเข้า" นางกระซิบเสียงเบา
ความอุ่นของหมั่นโถวที่ัักับฝ่ามือ ทำให้เด็กชายแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เขาก้มลงมองหมั่นโถวในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมู่หลานอีกครั้ง ในดวงตาคู่นั้นไม่มีแววหวาดระแวงอีกต่อไปแล้ว มีเพียงความซาบซึ้งใจอย่างสุดซึ้ง เขาพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ แต่การกระทำของเขามันดังกว่าคำพูดนับพันเท่า เด็กชายโค้งหัวให้มู่หลานครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะรีบหันหลังวิ่งหายไปในตรอกแคบๆ อย่างรวดเร็ว
มู่หลานมองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั้นไปจนลับสายตา รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง ความรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างประหลาดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ มันเป็ความรู้สึกที่ดีกว่าการได้รับเงินค่าจ้างเสียอีก
นางหันกลับมายังอ่างล้างจานของตนเอง จัดการกับกองจานที่เหลืออยู่ด้วยความรู้สึกที่สดใสกว่าเดิม ความเหนื่อยล้าที่เคยมีอยู่มลายหายไปสิ้น นางเริ่มฮัมเพลงของท่านยายอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงของนางดูจะสดใสและมีความสุขยิ่งกว่าเก่า...
โดยที่เด็กสาวไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย... ว่าการกระทำเล็กๆ ที่นางคิดว่าไม่มีใครเห็นนั้น อยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งมาโดยตลอด
─ ❖ ─
บนชั้นสองของโรงเตี๊ยม หน้าต่างบานที่หันมาทางลานซักล้าง ชายหนุ่มในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มเรียบหรู กำลังจิบชาชั้นดีจากถ้วยกระเบื้องเคลือบราคาแพง เขานั่งอยู่ตรงนั้นมาได้สักพักใหญ่แล้ว สายตาคมกริบของเขาไม่ได้จับจ้องไปยังทิวทัศน์ของเมืองโจว แต่กลับมองลงมายังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านล่างั้แ่ต้นจนจบ
เขาเห็นเด็กสาวตัวเล็กทำงานอย่างขยันขันแข็ง เห็นเด็กขอทานที่หิวโซ เห็นความลังเลชั่วครู่และความเมตตาที่ฉายออกมาจากแววตาของเด็กสาว และเห็นการแบ่งปันเล็กๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
เมื่อเห็นเด็กชายวิ่งจากไปพร้อมกับหมั่นโถวในมือ มุมปากของชายหนุ่มก็ยกขึ้นเป็รอยยิ้มบางๆ ที่ยากจะคาดเดาความหมาย เขาวางถ้วยชาลงอย่างแช่มช้า ก่อนจะหันไปเรียกองครักษ์ในชุดดำที่ยืนสงบนิ่งอยู่มุมห้อง
"ไปสืบเื่เด็กสาวคนนั้นมา... ข้าอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนาง"
"ขอรับ... นายน้อย"
สิ้นเสียงรับคำ องครักษ์ในชุดดำก็หายวับไปราวกับเงา ทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มที่หันกลับมาทอดสายตามองไปยังร่างเล็กๆ ของมู่หลานที่กำลังล้างจานอย่างมีความสุขอีกครั้ง
"จิตใจดี มีเมตตา... ไม่เลว"
เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
"ช่างเป็เมล็ดพันธุ์ที่น่าสนใจจริงๆ"
~ ߍ㠾 ✥ ~ ߍ㠾
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องลงมากระทบใบหน้าของมู่หลาน ทำให้แก้มที่เปื้อนคราบสบู่ของนางดูเปล่งประกาย ในโลกใบเล็กๆ ของนาง วันนี้ก็เป็อีกวันหนึ่งที่ผ่านไปอย่างปกติสุข โดยไม่เคยล่วงรู้เลยว่า ชะตากรรมของนางกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป... ตลอดกาล...
*** ฝากติดตามด้วยนะครับ อ่านบทนำด้วยนะครับ ***
